1. สถานการณ์การผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
การผลิต
ในรอบสัปดาห์ผ่านมา (30 ส.ค. — 5 ก.ย. 2553) สัตว์น้ำทุกชนิดส่งเข้าประมูลจำหน่ายที่องค์การสะพานปลากรุงเทพฯ มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 907.63 ตัน แยกเป็นสัตว์น้ำเค็ม 500.83 ตัน สัตว์น้ำจืด 406.80 ตัน ประกอบด้วยสัตว์น้ำที่สำคัญ ได้แก่
1.1 ปลาดุก ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 2.29 ตัน
1.2 ปลาช่อน ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 3.87 ตัน
1.3 กุ้งทะเล ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 110.72 ตัน
1.4 ปลาทู ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 15.50 ตัน
1.5 ปลาหมึก ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 57.19 ตันการตลาด
ส่งเสริมการเพาะเลี้ยงปลาสวยงามจังหวัดชายแดนภาคใต้
นายสุรจิตต์ อินทรชิต รองอธิบดีกรมประมงเปิดเผยว่า ในปัจจุบันประเทศไทยมีผู้สนใจเพาะเลี้ยงปลาสวยงามรายใหม่เกิดขึ้นมาก ขณะเดียวกันผู้เพาะเลี้ยงและผู้รวบรวมปลาสวยงามก็ได้พัฒนาตัวเองไปเป็นผู้ส่งออกเป็นจำนวนมากเช่นกัน ทำให้ธุรกิจส่งออกปลาสวยงามมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ โดยมีมูลค่ามากกว่า 500 ล้านบาทต่อปี อย่างไรก็ตาม ภายใต้ความสำเร็จที่มีมากขึ้นตามลำดับนั้น ทางผู้ประกอบการยังคงประสบปัญหาเกี่ยวกับการขาดความรู้ความเข้าใจในการส่งออกปลาสวยงาม และด้านการตลาดในการจัดหาลูกค้าต่างประเทศ ประกอบกับได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่ปี 2546 เป็นต้นมา ส่งผลให้ผู้ประกอบการบางส่วนปิดกิจการลง ทั้งนี้ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นแหล่งกำเนิดสัตว์น้ำที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจหลายชนิด โดยเฉพาะปลาที่หายาก เช่น ปลามังกร ซึ่งอาศัยอยู่ในบึงปาลีโม๊ะ อ.รามัน จ.ยะลา ปลาพวงชมพู หรือปลาอีแกกือเลาะห์ ปลากดเหลือง ซึ่งอาศัยในแม่น้ำปัตตานี เป็นต้น จึงเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ตลาดปลาสวยงามของพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ให้ซบเซามากนัก โดยผลการสำรวจการส่งออกจากกรมประมงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส พบว่า ร้านค้าปลีกส่วนใหญ่จะจัดส่งปลาให้กับประเทศมาเลเซีย ไม่ว่าจะเป็นปลากัดไทย ปลาหางนกยูง ปลาทอง ฯลฯ
นายเวทมนต์ บุญผ่องศรี ประมงจังหวัดยะลา กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาคใต้มีสภาพภูมิอากาศแบบร้อนชื้น มีปริมาณฝนชุกชุม และมีลักษณะพื้นที่เป็นป่าชายเลนและป่าพรุ ทำให้ภาคใต้มีปลาเฉพาะถิ่นที่มีความสวยงามอาศัยอยู่หลากหลายชนิด เช่น ปลาตะพัดเขียว ก้างพระร่วง กัดกระบี่ ฯลฯ แต่เนื่องจากปลาสวยงามดังกล่าวเป็นปลาที่ได้จากแหล่งน้ำธรรมชาติไม่ใช่จากการเพาะเลี้ยง จึงเกรงว่าในไม่ช้าอาจสูญพันธุ์ได้ ดังนั้น เพื่อเป็นการส่งเสริมและขยายตัวสินค้าด้านการเพาะเลี้ยงปลาสวยงามและพรรณไม้น้ำในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทางสำนักงานประมงจังหวัดยะลาจึงได้จัดกิจกรรม งานวันปลาสวยงามจังหวัดชายแดนภาคใต้ขึ้น เพื่อส่งเสริมการประกอบอาชีพด้านการประกอบอาชีพด้านการเพาะเลี้ยงปลาสวบงามและพรรณไม้น้ำ รวมถึงเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่ได้เกิดความรัก และหวงแหนแหล่งน้ำ ตลอดจนอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำจืดชนิดต่างๆ ตลอดจนเป็นการกระตุ้นตลาดที่เกี่ยวกับปลาสวยงามอีกด้วย
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้ คือ
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 42.76 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 42.77 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.01 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ ไม่มีรายงานราคา
2.2 ปลาช่อน ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 59.57 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 61.31 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.74 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 120.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
2.3 กุ้งกุลาดำ ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาดกลาง (51-60 ตัว/กก.) สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
สำหรับราคา ณ ตลาดกลางกุ้งสมุทรสาครขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.4 กุ้งขาวแวนนาไม ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาดกลาง (51-60 ตัว/กก.) เฉลี่ยกิโลกรัมละ 120.21 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 116.34 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 3.87 บาท
สำหรับราคา ณ ตลาดกลางกุ้งสมุทรสาครขนาดกลาง (60ตัว/กก.) เฉลี่ยกิโลกรัมละ 122.50 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 120.00 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 2.50 บาท
2.5 ปลาทู ปลาทูสดขนาดกลาง ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 61.68 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 61.58 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.10 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 70.00 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 73.33 บาท ของสัปดาห์ก่อน 3.33 บาท
2.6 ปลาหมึก ราคาปลาหมึกกระดองสดที่ชาวประมงขายได้ไม่มีรายงานราคา
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 148.57 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 140.00 บาท ของสัปดาห์ก่อน 8.57 บาท
2.7 ปลาเป็ดและปลาป่น ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 8.21 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 8.16 บาท ของสัปดาห์ก่อน 0.05 บาท
สำหรับราคาขายส่งปลาป่นชนิดโปรตีนต่ำกว่า 60% (ระหว่างวันที่ 2 - 8 ต.ค. 2553) เฉลี่ยกิโลกรัมละ 29.07 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 29.30 บาท ของสัปดาห์ก่อน 0.23 บาท
--ข่าวการผลิต การตลาด ผลิตผลการเกษตร ประจำวันที่ 4 — 10 ต.ค. 2553--