1. สถานการณ์การผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
การผลิต
ในรอบสัปดาห์ผ่านมา(1 — 7 พ.ย. 2553) สัตว์น้ำทุกชนิดส่งเข้าประมูลจำหน่ายที่องค์การสะพานปลากรุงเทพฯ มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 992.89 ตัน แยกเป็นสัตว์น้ำเค็ม 508.66 ตัน สัตว์น้ำจืด 484.23 ตัน ประกอบด้วยสัตว์น้ำที่สำคัญ ได้แก่
1.1 ปลาดุก ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 2.27 ตัน
1.2 ปลาช่อน ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 3.79 ตัน
1.3 กุ้งทะเล ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 104.78 ตัน
1.4 ปลาทู ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 10.10 ตัน
1.5 ปลาหมึก ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 66.24 ตันการตลาด
ดัน กรอ.เกษตรฯวางมาตรฐานอาหาร
นายฉัตรชัย บุญรัตน์ รองประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยเปิดเผยหลังเข้าพบนายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่า กระทรวงเกษตรฯ และภาคเอกชนได้เห็นชอบให้มีการจัดตั้ง คณะทำงานร่วมเอกชนด้านการเกษตร(กรอ.) ที่มีนายธีระ เป็นประธานนั้น ภาคเอกชนอยากให้เริ่มดำเนินการในทางปฏิบัติ โดยการแก้ปัญหาสินค้ากลุ่มอาหารทั้งหมด 4 ด้าน คือ 1. ด้านความปลอดภัย 2. ด้านมาตรฐาน ที่แยกเป็นมาตรฐานเอกชน เป็นมาตรฐานชั้นสูง และมาตรฐานของรัฐที่เป็นมาตรฐานพื้นฐาน โดยปัจจุบันในส่วนของมาตรฐานเอกชนได้จัดตั้ง THAI GAP ขึ้น ซึ่งรัฐบาลควรให้การสนับสนุน 3. ด้านความมั่นคง และ 4. ด้านความยั่งยืน ทั้งหมดนี้ หาก กรอ.กษ. สามารถแก้ปัญหาได้อย่างเป็นระบบ จะส่งผลให้สินค้าอาหารของไทยได้รับความเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้น
นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล กรรมการรองเลขาธิการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยกล่าวว่า กรอ.กษ. จะทำให้การแก้ไขปัญหาด้านการเกษตรทั้งหมดรวดเร็วขึ้น โดยในส่วนของภาคการเกษตรปัจจุบันจะมีการเคลื่อนย้ายสินค้าในกลุ่มอาเซียนมากขึ้น เพื่อให้ผู้นำเข้ายอมรับและเชื่อมั่นในสินค้าของไทย การกำหนดมาตรฐานจะเป็นจุดแข็งสำคัญทั้งสินค้าส่งออกและนำเข้า
นายผณิชศวร ชำนาญเวช นายกสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทยกล่าวว่า การที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้หยิบยกประเด็นความเค็มในดินที่เกิดขึ้นจากการเลี้ยงกุ้งขึ้นมาพิจารณา และจะออกกฎหมายควบคุมความเค็มของดิน ซึ่งส่งผลกระทบกับการเลี้ยงกุ้ง โดยเป็นข้อกีดกันทางการค้าที่ไทยตั้งขึ้นเอง จึงต้องการให้ กรอ.กษ. หารือกับ กระทรวงทรัพยากรฯ ด้วย เนื่องจากในปัจจุบันระบบการเลี้ยงกุ้ง ของไทย มีค่าความเค็มต่ำมากอยู่แล้ว และเป็นที่ยอมรับของประเทศผู้นำเข้า
นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ กล่าวว่า ปัญหาที่ภาคเอกชนเสนอมาทั้งหมด จะมีการจัดตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมา เพื่อพิจารณาในแต่ละด้านแยกเป็นพืช ปศุสัตว์ และประมง ซึ่งวิธีการนี้จะทำให้การทำงานรวดเร็วขึ้น รวมทั้งจะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุดด้วย
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้ คือ
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 43.44 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 43.12 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.32 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ ไม่มีรายงานราคา
2.2 ปลาช่อน ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 56.97 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 56.62 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.35 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 114.29 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 108.57 บาท ของสัปดาห์ก่อน 5.72 บาท
2.3 กุ้งกุลาดำ ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาดกลาง (51-60 ตัว/กก.) สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
สำหรับราคา ณ ตลาดกลางกุ้งสมุทรสาครขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.4 กุ้งขาวแวนนาไม ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาดกลาง (51-60 ตัว/กก.) เฉลี่ยกิโลกรัมละ 123.43 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 127.17 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 3.74 บาท
สำหรับราคา ณ ตลาดกลางกุ้งสมุทรสาครขนาดกลาง (60ตัว/กก.) เฉลี่ยกิโลกรัมละ 133.00 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 131.67 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.33 บาท
2.5 ปลาทู ปลาทูสดขนาดกลาง ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 64.76 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 61.90 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 2.86 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 72.86 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 76.43 บาท ของสัปดาห์ก่อน 3.57 บาท
2.6 ปลาหมึก ราคาปลาหมึกกระดองสดที่ชาวประมงขายได้ไม่มีรายงานราคา
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 148.57 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 145.71 บาท ของสัปดาห์ก่อน 2.86 บาท
2.7 ปลาเป็ดและปลาป่น ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 8.61 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 8.48 บาท ของสัปดาห์ก่อน 0.13 บาท
สำหรับราคาขายส่งปลาป่นชนิดโปรตีนต่ำกว่า 60% (ระหว่างวันที่ 4 - 10 ธ.ค. 2553) เฉลี่ยกิโลกรัมละ 24.90 ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
--ข่าวการผลิต การตลาด ผลิตผลการเกษตร ประจำวันที่ 6 — 12 ธ.ค. 2553--