สำนักงานเศษฐกิจการเกษตร เผยผลการดำเนินโครงการส่งเสริมการใช้สารอินทรีย์ เพื่อลดการใช้สารเคมีทางการเกษตร เน้นให้เกษตรกรมีความรู้ ความเข้าใจในการผลิตและการใช้สารอินทรีย์อย่างมีประสิทธิภาพ และเสริมสร้างกลุ่มเกษตรกรให้มีความเข้มแข็งสามารถพึ่งพาตนเองได้ และพัฒนาการเกษตรให้เป็นแบบยั่งยืน เพื่อลดต้นทุนการผลิตส่งผลให้รายได้เพิ่มมากขึ้น
นายอภิชาต จงสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เผยว่า สำนักงานเศษฐกิจการเกษตร โดยศูนย์ประเมินผลได้ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินโครงการส่งเสริมการใช้สารอินทรีย์ลดใช้สารเคมีทางการเกษตรรับผิดชอบโครงการโดยกรมพัฒนาที่ดิน ซึ่งมีวัตถุประสงค์ให้เกษตรกรมีความรู้ ความเข้าใจในการผลิต และการใช้สารอินทรีย์อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้กลุ่มเกษตรกรมีความเข้มแข็ง สามารถพึ่งพาตนเองได้ และพัฒนาให้เป็นกลุ่มเกษตรอินทรีย์ในอนาคต โดยมีวิธีการดำเนินโครงการ อาทิ ใช้วิธีการจัดตั้งกลุ่ม การบรรยายวิธีการใช้สารอินทรีย์ลดใช้สารเคมีทางการเกษตร การฝึกปฏิบัติในพื้นที่ และสอนการบริหารกลุ่มให้เข้มแข็ง รวมถึงการอบรมถ่ายทอดความรู้การใช้ปุ๋ยเคมีให้เหมาะสมตามชนิดของดินและพืชในแต่ละพื้นที่ ซึ่งมีการตรวจเยี่ยมกลุ่มและติดตามการดำเนินงาน เพื่อให้มีการนำองค์กรความรู้ที่ได้รับไปปฏิบัติในพื้นที่ของเกษตรกร
ทั้งนี้ จากการสัมภาษณ์เกษตรกรในจังหวัดขอนแก่น (อำเภอน้ำพอง อุบลรัตน์ และเมือง) มหาสารคาม(อำเภอกันทรวิชัย) และสุรินทร์ (อำเภอศีขรภูมิ) พบว่า เกษตรกร ร้อยละ 56.92 มีความเข้าใจเรื่องที่ได้รับการอบรมในระดับมาก โดยมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องการไถกลบฟางและตอซังมากที่สุด รองลงมาเรื่องการใช้ปุ๋ยพืชสด เพื่อการปรับปรุงดิน และการทำน้ำหมักชีวภาพและสารควบคุมศัตรูพืช การได้รับสนับสนุนปัจจัยการผลิตสารอินทรีย์ทดแทนสารเคมี ทุกจังหวัดสนับสนุนปัจจัยการผลิต ได้แก่ ถังหมัก และกากน้ำตาล สารเร่งซุปเปอร์ พด.1 พด.2 พด.3 เมล็ดพันธุ์พืชปุ๋ยสด และโดโลไมท์ โดยเกษตรกรมีความพึงพอใจมาก คือสารเร่งซุปเปอร์ พด.1 รองลงมาเป็นสารเร่งซุปเปอร์ พด.2 และสารเร่งซุปเปอร์ พด.7 เมล็ดพันธ์พืชปุ๋ยสด ตามลำดับ
นายอภิชาต กล่าวต่อว่า ถ้าเปรียบเทียบก่อนและหลังเข้าร่วมโครงการ เกษตรกรร้อยละ 86.20 มีการใช้สารเคมีลดลงส่วนเกษตรกรร้อยละ 24.80 ยังใช้สารเคมีเพราะหาซื้อง่าย ด้านการปรับปรุงบำรุงดิน ทำให้ผลผลิตโดยรวมสูงขึ้น เนื่องจากปลูกได้หลายรอบการผลิต ด้านต้นทุนการผลิตเกษตรกรร้อยละ 75.87 มีต้นทุนลดลง ซึ่งส่งผลให้มีรายได้เพิ่มขึ้น และมีเงินออมมากขึ้น
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--