สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์: ข้าว

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday September 8, 2020 13:49 —สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร

สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 28 สิงหาคม - 3 กันยายน 2563

1) สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ

1.1 มาตรการสินค้าข้าว
1) แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปีการผลิต 2563/64 ประกอบด้วย 5 ช่วง ดังนี้

ช่วงที่ 1 การกำหนดอุปสงค์และอุปทานข้าว ได้กำหนดอุปสงค์ 28.786 ล้านตันข้าวเปลือกอุปทาน 30.865 ล้านตันข้าวเปลือก

ช่วงที่ 2 ช่วงการผลิตข้าว

2.1) การวางแผนการผลิตข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการวางแผนการผลิตข้าว ปี 2563/64 รวม 69.409 ล้านไร่ คาดการณ์ผลผลิต 30.865 ล้านตันข้าวเปลือก จำแนกเป็น รอบที่ 1พื้นที่ 59.884 ล้านไร่ คาดการณ์ผลผลิต 24.738 ล้านตันข้าวเปลือก และรอบที่ 2 พื้นที่ 9.525 ล้านไร่ คาดการณ์ผลผลิต 6.127 ล้านตันข้าวเปลือก โดยสามารถปรับสมดุลการผลิตได้ในการวางแผนรอบที่ 2 หากราคามีความอ่อนไหว ความต้องการใช้ข้าวลดลง และสถานการณ์น้ำน้อย รวมทั้งการปรับลดพื้นที่การปลูกข้าวไปปลูกพืชอื่น โดยจะมีการทบทวนโครงการลดรอบการปลูกข้าวก่อนฤดูกาลเพาะปลูกข้าวรอบที่ 2

2.2) การจัดทำพื้นที่เป้าหมายส่งเสริมการปลูกข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการจัดทำพื้นที่เป้าหมายส่งเสริมการปลูกข้าว ปี 2563/64 รอบที่ 1 จำนวน 59.884 ล้านไร่ แยกเป็น 1) ข้าวหอมมะลิ 27.500 ล้านไร่ ผลผลิต 9.161 ล้านตันข้าวเปลือก 2) ข้าวหอมไทย 2.084 ล้านไร่ ผลผลิต 1.396 ล้านตันข้าวเปลือก 3) ข้าวเจ้า 13.488 ล้านไร่ ผลผลิต 8.192 ล้านตันข้าวเปลือก 4) ข้าวเหนียว 16.253 ล้านไร่ ผลผลิต 5.770 ล้านตันข้าวเปลือก และ 5) ข้าวตลาดเฉพาะ 0.559 ล้านไร่ ผลผลิต 0.219 ล้านตันข้าวเปลือก

2.3) การจัดการปัจจัยการผลิต ได้แก่ โครงการผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ดี และควบคุมค่าเช่าที่นา

2.4) การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว ได้แก่โครงการส่งเสริมระบบนาแบบแปลงใหญ่โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ โครงการส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิตพืช โครงการเพิ่มศักยภาพการผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้สู่มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวกข43 และข้าวเจ้าพื้นนุ่ม (กข79) และโครงการรักษาระดับปริมาณการผลิตและคุณภาพข้าว

2.5) การควบคุมปริมาณการผลิตข้าว ได้แก่ โครงการส่งเสริมการปลูกพืชหลากหลาย

2.6) การพัฒนาชาวนา ได้แก่ โครงการชาวนาปราดเปรื่อง

2.7) การวิจัยและพัฒนา ได้แก่ โครงการปรับปรุงและการรับรองพันธุ์ข้าวคุณภาพดีเพื่อการแข่งขัน และโครงการปรับปรุงและการรับรองพันธุ์ข้าวเจ้าพื้นนุ่มพันธุ์ใหม่

2.8) การประกันภัยพืชผล ได้แก่ โครงการประกันภัยข้าวนาปี

ช่วงที่ 3 ช่วงการเก็บเกี่ยวและหลังเก็บเกี่ยว ได้แก่ โครงการสินเชื่อเพื่อสร้างยุ้งฉางให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกร
ช่วงที่ 4 ช่วงการตลาดในประเทศ

4.1) การพัฒนาตลาดสินค้าข้าว ได้แก่ โครงการเชื่อมโยงตลาดข้าวอินทรีย์และข้าว GAP ครบวงจร และโครงการรณรงค์บริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวของไทยทั้งตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ

4.2) การชะลอผลผลิตออกสู่ตลาด ได้แก่โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปีโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกรโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อกและโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว

ช่วงที่ 5 ช่วงการตลาดต่างประเทศ

5.1) การจัดหาและเชื่อมโยงตลาดต่างประเทศ ได้แก่ การเจรจาขยายตลาดข้าวและกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าในต่างประเทศ โครงการกระชับความสัมพันธ์ และรณรงค์สร้างการรับรู้ในศักยภาพข้าวไทยเพื่อขยายตลาดไทยในต่างประเทศ และโครงการ ลด/แก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้าข้าวไทยและเสริมสร้างความเชื่อมั่น

5.2) ส่งเสริมภาพลักษณ์และประชาสัมพันธ์ข้าว ผลิตภัณฑ์ข้าวและนวัตกรรมข้าว ได้แก่ โครงการส่งเสริมและขยายตลาดข้าวไทยเชิงรุก โครงการผลักดันข้าวหอมมะลิไทยคุณภาพดีจากแหล่งผลิตสู่ตลาดโลก โครงการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ข้าวไทยในงานแสดงสินค้านานาชาติ โครงการจัดประชุม Thailand Rice Convention 2021 และโครงการเสริมสร้างศักยภาพสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทยเพื่อการต่อยอดเชิงพาณิชย์

5.3) ส่งเสริมพัฒนาการค้าสินค้ามาตรฐาน และปกป้องคุ้มครองเครื่องหมายการค้า/เครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทย

5.4) ประชาสัมพันธ์รณรงค์บริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวของไทยในตลาดข้าวต่างประเทศ

2) โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2562/63 รอบที่ 1

มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2562 เห็นชอบในหลักการโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2562/63 รอบที่ 1 ภายในกรอบวงเงินงบประมาณ 21,495.74 ล้านบาท เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านราคาไม่ให้ประสบปัญหาขาดทุน ลดภาระค่าใช้จ่ายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาราคาข้าว และให้กลไกตลาดทำงานเป็นปกติ โดยดำเนินการในพื้นที่เพาะปลูกข้าวทั่วประเทศ ดังนี้

2.1) ชนิดข้าว ราคา และปริมาณประกันรายได้ (ณ ราคาความชื้นไม่เกิน 15%) โดยชดเชยเป็นจำนวนตันในแต่ละชนิดข้าว ดังนี้

ชนิดข้าว                               ราคาประกันรายได้        ครัวเรือนละไม่เกิน
                                           (บาท/ตัน)                  (ตัน)
ข้าวเปลือกหอมมะลิ                               15,000                    14
ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่                         14,000                    16
ข้าวเปลือกเจ้า                                  10,000                    30
ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี                            11,000                    25
ข้าวเปลือกเหนียว                                12,000                    16

กรณีเกษตรกรเพาะปลูกข้าวมากกว่า 1 ชนิด ได้สิทธิ์ไม่เกินจำนวนขั้นสูงของข้าวแต่ละชนิด เมื่อรวมกันต้องไม่เกินขั้นสูงของชนิดข้าวที่กำหนดไว้สูงสุดและได้สิทธิ์ตามลำดับระยะเวลาที่แจ้งเก็บเกี่ยวข้าวแต่ละชนิด

2.2) เกษตรกรผู้มีสิทธิได้รับการชดเชย เป็นเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2562/63 (รอบที่ 1) กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ปลูกข้าวระหว่างวันที่ 1 เมษายน - 31 ตุลาคม 2562 ยกเว้นภาคใต้ ระหว่างวันที่ 16 มิถุนายน 2562 - 28 กุมภาพันธ์ 2563

2.3) ระยะเวลาที่ใช้สิทธิขอชดเชย เกษตรกรสามารถใช้สิทธิระหว่างวันที่ 15 ตุลาคม 2562 - 28 กุมภาพันธ์ 2563 ยกเว้นภาคใต้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ - 31 พฤษภาคม 2563 โดยสามารถใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่เก็บเกี่ยวเป็นต้นไป ยกเว้นเกษตรกรที่เก็บเกี่ยวก่อนวันที่กำหนดให้ใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันเริ่มโครงการ

2.4) การประกาศราคาเกณฑ์กลางอ้างอิง คณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการฯ ได้ประกาศราคาอ้างอิง งวดที่ 1 - 4 ทุก 15 วัน โดยจ่ายเงินครั้งแรก ในวันที่ 15 ตุลาคม 2562 สำหรับเกษตรกรได้รับสิทธิตั้งแต่วันที่เก็บเกี่ยว - 15 ตุลาคม 2562 สำหรับงวดที่ 5 เป็นต้นไป ได้ปรับการประกาศใหม่เป็นทุกวันศุกร์ (ทุก 7 วัน) เพื่อให้ราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงมีความสอดคล้องกับข้อเท็จจริงในช่วงที่เกษตรกรเก็บเกี่ยวและจำหน่ายข้าว

3) โครงการสนับสนุนต้นทุนการผลิตให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2562/63

มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2562 เห็นชอบในหลักการโครงการสนับสนุนต้นทุนการผลิตให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2562/63 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่เกษตรกร และช่วยลดต้นทุนการผลิต โดยดำเนินการในพื้นที่เพาะปลูกข้าวทั่วประเทศ วงเงินงบประมาณ 25,482.06 ล้านบาท ดังนี้

3.1) กลุ่มเป้าหมาย เป็นเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2562/63 (รอบที่ 1) ประมาณ 4.31 ล้านครัวเรือน โดยจะได้รับเงินช่วยเหลือไร่ละ 500 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่

3.2) ระยะเวลาจ่ายเงินสนับสนุน ตั้งแต่ 1 สิงหาคม - 31 ธันวาคม 2562 ยกเว้นภาคใต้ ตั้งแต่ 1 สิงหาคม - 30 เมษายน 2563

4) โครงการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว ปีการผลิต 2562/63

มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11ธันวาคม 2562 เห็นชอบโครงการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวปีการผลิต 2562/63 จำนวน 26,458.89 ล้านบาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้เกษตรกรสามารถดำรงชีพอยู่ได้ และลดภาระค่าใช้จ่ายในการเก็บเกี่ยวข้าวและปรับปรุงคุณภาพข้าวให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้นรวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบอาชีพและยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกร

4.1) กลุ่มเป้าหมาย เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี2562 กับกรมส่งเสริมการเกษตร (กสก.) จำนวนประมาณ 4.57 ล้านครัวเรือน โดยจะได้รับเงินช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวเฉพาะเกษตรกรรายย่อยอัตราไร่ละ 500 บาทครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 10,000 บาท โดยพื้นที่เพาะปลูก ที่ได้รับการช่วยเหลือต้องไม่ซ้ำซ้อนกับพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติที่ได้รับเงินช่วยเหลือจากโครงการเยียวยาผู้ประสบภัยธรรมชาติจากรัฐบาลแล้วเว้นแต่เกษตรกรจะนำพื้นที่ประสบภัยนั้นไปแจ้ง กสก. เพื่อเพาะปลูกข้าวใหม่ทันในช่วงเวลาเพาะปลูกรอบที่ 1

4.2) ระยะเวลาโครงการ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2562 - 30 กันยายน 2563

1.2 ราคา

1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ

ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 14,181 บาท ราคาลดลงจากตันละ 14,390 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.45

ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 9,502 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 9,372 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.39

2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ

ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 32,050 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน

ข้าวขาว5% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 14,970 บาทราคาลดลงจากตันละ 15,130 ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.06

3) ราคาส่งออกเอฟโอบี

ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา

ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา

ข้าวขาว 25% สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา

ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา

หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 30.9233 บาท

2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ

กัมพูชา

สหพันธ์ข้าวกัมพูชา (Cambodian Rice Federation; CRF) รายงานราคาส่งออกข้าวประจำวันที่ 24 สิงหาคม 2563 โดยข้าวหอม Jasmine (Malys Angkor) ชนิด 5% ราคาอยู่ที่ตันละ 910 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ลดลงจากวันที่ 11 สิงหาคม 2563 ที่ตันละ 920 ดอลลาร์สหรัฐฯ) ข้าวหอม Fragrant Rice (Sen Kra Ob - SKO) ชนิด 5% ราคาตันละ 770 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ลดลงจากวันที่ 11 สิงหาคม 2563 ที่ตันละ 780 ดอลลาร์สหรัฐฯ)

ข้าวขาว (White Rice Premium / Soft cooking) ชนิด 5% ราคาตันละ 580 ดอลลาร์สหรัฐฯ (สูงขึ้นจากวันที่ 11 สิงหาคม 2563 ที่ตันละ 540 ดอลลาร์สหรัฐฯ) ข้าวนึ่ง (Parboiled Rice) ชนิด 5% ราคาตันละ 570 ดอลลาร์สหรัฐฯ (สูงขึ้นจากวันที่ 11 สิงหาคม 2563 ที่ตันละ 565 ดอลลาร์สหรัฐฯ) ข้าวขาวอินทรีย์ (Organic White Rice) ชนิด 5% ราคาตันละ 950 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ทรงตัวเท่ากับวันที่ 11 สิงหาคม 2563 ที่ตันละ 950 ดอลลาร์สหรัฐฯ) และข้าวนึ่งอินทรีย์ (Organic Parboiled Rice) ชนิด 5% ราคาอยู่ที่ตันละ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ทรงตัวเท่ากับวันที่ 11 สิงหาคม 2563 ที่ตันละ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ) ข้าวหอมอินทรีย์ (Organic Jasmine - Malys Angkor) ชนิด 5% ราคาตันละ 1,400 ดอลลาร์สหรัฐฯ และข้าวกล้องหอมอินทรีย์ (Organic Brown Jasmine-Premium quality) ราคาตันละ 1,370 ดอลลาร์สหรัฐฯสหพันธ์ข้าวกัมพูชา (the Cambodia Rice Federation; CRF) ระบุว่า ขณะนี้กัมพูชากำลังเผชิญกับภาวะภัยแล้งและน้ำท่วมซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมข้าวของกัมพูชา

ทั้งนี้ กัมพูชาต้องเผชิญกับภาวการณ์เปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาจนถึงเดือนสิงหาคมนี้ โดยประมาณการว่าในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมามีผลผลิตข้าวเปลือกที่ได้รับผลกระทบจากจากภาวะภัยแล้งประมาณร้อยละ 30- 40 และมีบางส่วนที่ทำการเพาะปลูกใหม่ แต่มีเพียงร้อยละ 60 เท่านั้น ที่สามารถฟื้นตัวกลับมาได้ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตเฉลี่ยได้เพียง 480 กิโลกรัมต่อไร่ เท่านั้น จากปกติที่ควรจะได้ประมาณ 640 กิโลกรัมต่อไร่และการได้รับผลกระทบจากภาวะแห้งแล้งจนต้องกลับมาเพาะปลูกใหม่นี้ คาดว่าจะส่งผลให้การเก็บเกี่ยวข้าวต้องเลื่อนไปเป็นช่วงกลางเดือนตุลาคมหรือเดือนพฤศจิกายน และคาดว่าปริมาณผลผลิตจะลดลง โดยเฉพาะข้าวหอมพันธุ์ Sen Kro Ob และข้าวขาวตระกูล IR นอกจากนี้ เกษตรกรกำลังกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำท่วมที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนกันยายนและตุลาคมนี้ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อการส่งออกข้าว เพราะอาจจะทำให้มีการเก็บเกี่ยวล่าช้ากว่ากำหนด โดยเฉพาะพื้นที่เพาะปลูกข้าวที่สำคัญในภาคตะวันตกของประเทศ เช่น Banteay Meanchey

อย่างไรก็ตาม ในช่วงแปดเดือนแรกของปี 2563 กัมพูชาส่งออกข้าวไปยังตลาดต่างประเทศรวม 448.203 ตัน โดยกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงของกัมพูชา (MoAFF) เปิดเผยข้อมูลล่าสุด เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2563 ระบุว่าตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นจาก 106.158 ตัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 31.04 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยกัมพูชาส่งออกข้าวไปยัง 59 ประเทศทั่วโลกรวมถึงจีน สหภาพยุโรป 24 ประเทศ อาเซียน 6 ประเทศ และตลาดต่างประเทศอื่นๆ อีก 28 ประเทศ โดยความร่วมมือของบริษัทส่งออก 71 บริษัท ซึ่งเมื่อเทียบกับปี 2562 ส่งออกไปยังสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้นร้อยละ 33.43 จีนเพิ่มขึ้นร้อยละ 35.53 ประเทศในอาเซียนเพิ่มขึ้นร้อยละ 35.53 และตลาดต่างประเทศอื่นๆ เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.44 โดยในเดือนสิงหาคมเพียงเดือนเดียวกัมพูชาส่งออกข้าวรวม 22.130 ตัน ไปยังตลาดต่างประเทศ ซึ่งเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาลดลงร้อยละ 34.97

ที่มา : สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย, mekongoryza.com

เมียนมา

มีรายงานว่าบริษัท POSCO International Corp. จากประเทศเกาหลีใต้ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) กับสำนักงานพัฒนาชนบทของเมียนมา (Rural Development Administration; RDA) เพื่อส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมข้าวของเมียนมาซึ่งตามข้อตกลงทั้งสองฝ่ายมีเป้าหมายร่วมกันที่จะพัฒนาความสัมพันธ์แบบร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน โดย RDA คาดว่าจะมีการแบ่งปันด้านทักษะทางเทคโนโลยีการผลิตข้าวให้แก่ภาคการผลิตข้าวของเมียนมาและ POSCO จะช่วยในการแปรรูปและจัดจำหน่ายข้าวในท้องถิ่น

นอกจากนี้ POSCO และ RDA จะร่วมกันฝึกอบรมเกษตรกรในท้องถิ่นเกี่ยวกับเทคนิคการเพาะปลูกข้าว รวมถึงการจัดการหลังการเก็บเกี่ยว ซึ่งจะประเมินผลหลังการเพาะปลูกข้าวเพื่อช่วยเกษตรกรเมียนมาในการปรับปรุงคุณภาพข้าว และตามข้อตกลงในบันทึกความเข้าใจ POSCO มีเป้าหมายที่จะขยายฐานการตลาดในจีน แอฟริกาและยุโรป โดยใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพที่แปรรูปในเมียนมา

ทั้งนี้ POSCO ดำเนินธุรกิจแปรรูปและส่งออกข้าวในเมียนมา เมื่อปี 2560 ที่ผ่านมา โดยบริษัท POSCO International ได้เข้าซื้อโรงงานแปรรูปข้าว (Rice Processing Complex; RPC) ที่มีกำลังการผลิต 15,000 ตันต่อปี

ในเมียนมา และเมื่อปีที่แล้วบริษัทได้สร้างโรงงานใหม่ที่มีกำลังการผลิตข้าวได้ถึง 86,000 ตันต่อปีเพื่อทำการส่งออกข้าว

ที่มา : สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย

จีน

ศูนย์การค้าธัญพืชแห่งชาติ (China’s National Grain Trade Center; NGTC) รายงานว่า ในเดือนสิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา ทางการสามารถขายข้าวได้ประมาณ 2.24 ล้านตัน จากที่นำข้าวเปลือกเก่าในคลังรัฐบาลออกประมูล 8 ครั้ง จำนวนรวมประมาณ 14.9 ล้านตัน

สำนักข่าว Xinhua รายงานว่า กระทรวงเกษตรและกิจการชนบทของจีน (Ministry of Agriculture and Rural Affairs) กำลังดำเนินการประเมินผลผลิตธัญพืชในฤดูใบไม้ร่วง ปี 2563 โดยเจ้าหน้าที่จากกระทรวงระบุว่า พื้นที่เพาะปลูกธัญพืชจะสูงถึง 535 ล้านไร่ เพิ่มขึ้นประมาณ 2.08 ล้านไร่จากปีที่แล้ว

โดยตั้งข้อสังเกตว่าการเพาะปลูกข้าว ข้าวสาลี และข้าวโพดในฤดูใบไม้ร่วงกำลังเติบโตได้ดี ซึ่งที่มณฑล Heilongjiang, Jilin, Shandong และ Henan มีการเติบโตอย่างรวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่เจ้าหน้าที่ของ รัฐบาลยืนยันว่าผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบต่อการผลิตธัญพืชในฤดูใบไม้ร่วงในวงจำกัด และการควบคุมศัตรูพืชก็ทำได้ดีเกินกว่าที่คาดไว้

ทั้งนี้ ผลผลิตธัญพืชทั้งหมดของจีนประกอบด้วยข้าวต้นฤดู (early rice) ธัญพืชฤดูร้อน (summer grain) และธัญพืชฤดูใบไม้ร่วง (Autumn grain) ซึ่งธัญพืชในฤดูใบไม้ร่วงรวมถึงข้าวโพด ข้าวช่วงกลาง และข้าวช่วงปลายฤดูด้วย (middle-season and late-season rice)

ที่มา : สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย

ที่มา : สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ