ข่าวการผลิต การตลาด ผลิตผลการเกษตร: ข้าว

ข่าวทั่วไป Tuesday November 18, 2008 13:36 —สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร

1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ

1.1 สถานการณ์น้ำท่วม (ณ 12 พฤศจิกายน 2551 )

สถานการณ์อุทกภัยเนื่องจากหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังค่อนข้างแรงปกคลุมภาคกลางของประเทศไทย และเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกตามแนวร่องความกดอากาศต่ำที่พาดผ่านภาคกลาง และภาคตะวันออก ทำให้มีฝนตกชุก และฝนตกหนักต่อเนื่องในบางพื้นที่โดยเฉพาะในภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในช่วงวันที่ 31 ตุลาคม - 1 พฤศจิกายน 2551 จากภาวะดังกล่าว ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก อีกทั้งยังเป็นเหตุให้ระดับน้ำในแม่น้ำปิง แม่น้ำวัง แม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำชี มีระดับสูงขึ้น ทำให้กรมชลประทานได้ระบายน้ำท้ายเขื่อนในปริมาณที่เพิ่มมากขึ้นส่งผลให้น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือน และพื้นที่การเกษตรที่อยู่ติดกับริมฝั่งของแม่น้ำในหลายจังหวัด จากการติดตามรายงานของกรมส่งเสริมการเกษตร สถานการณ์น้ำของกรมชลประทาน สื่อต่างๆ และสถานการณ์ในพื้นที่ของสำนักเศรษฐกิจการเกษตรเขต สรุปได้ดังนี้

1) พื้นที่ประสบภัย

พื้นที่ประสบภัย 20 จังหวัด ได้แก่จังหวัดเชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน แพร่ ตาก กำแพงเพชร นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท อ่างทอง สิงห์บุรี พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี ราชบุรี ชัยภูมิ สกลนคร ร้อยเอ็ด มหาสารคาม บุรีรัมย์และนครราชสีมา

2) พื้นที่เสียหายทางการเกษตร

พื้นที่เสียหายทางการเกษตรส่วนใหญ่เป็นพื้นที่นาข้าว ที่อยู่ในที่ลุ่มติดริมฝั่งแม่น้ำ ซึ่งได้รับผลกระทบค่อนข้างมากโดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ข้าวจมอยู่ในน้ำทำให้ผลผลิตที่อยู่ในระยะที่เริ่มจะเก็บเกี่ยวเสียหาย อีกทั้งเกษตรกรบางส่วนเร่งทำการเก็บเกี่ยวผลผลิตเพื่อหนีน้ำ ทำให้ผลผลิตที่ได้ไม่มีคุณภาพ และขายได้ไม่ได้ราคาเพราะมีความชื้นสูง ซึ่งในช่วงเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมจะเป็นช่วงที่มีเก็บเกี่ยวผลผลิตมากที่สุด ส่วนสถานการณ์ในภาคกลางได้แก่ในจังหวัดอ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา เกษตรกรส่วนใหญ่ได้ทำการเก็บเกี่ยวผลผลิตไปก่อนเกิดน้ำท่วมเรียบร้อยแล้ว ทำให้ผลผลิตได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อย ส่วนพืชไร่ ที่เสียหายส่วนใหญ่ได้แก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และพืชสวน ได้แก่ กล้วย

จากการรายงานเบื้องต้นเฉพาะในพื้นที่ 11 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดลำปาง ลำพูน เชียงใหม่ ตาก กำแพงเพชร อุทัยธานี พระนครศรีอยุธยา ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง และราชบุรี มีน้ำท่วมพื้นที่การเกษตรประมาณ 291,652 ไร่ แยกเป็น นาข้าว 197,125 ไร่ พืชไร่ 84,955 ไร่ พืชสวน 9,572 ไร่

ทั้งนี้ สศก.ได้วิเคราะห์จากสถานการณ์แล้วคาดว่ามี

  • พื้นที่ที่การเกษตรเสียหายสิ้นเชิงประมาณ 16,153 ไร่ แยกเป็น -

นาข้าว 11,586 ไร่

พืชไร่ 4,385 ไร่

พืชสวน 182 ไร่

  • พื้นที่การเกษตรเสียหายบางส่วน 44,511 ไร่ แยกเป็น -

นาข้าว 31,038 ไร่

พืชไร่ 12,848 ไร่

พืชสวน 625 ไร่

และเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมแต่ผลผลิตไม่ได้รับความเสียหายประมาณ 230,988 ไร่ โดยจังหวัดที่มีพื้นที่ที่เสียหายมากที่สุดได้แก่ จังหวัดกำแพงเพชรเสียหายประมาณ 27,675 ไร่

ทั้งนี้ สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดอื่นๆ และภาคใต้ที่ได้เกิดอุทกภัยตั้งแต่วันที่ 10 พ.ย. 51 ในจังหวัดนครศรีธรรมราช ชุมพร และสุราษฎร์ธานีอยู่ในระหว่างสำรวจความเสียหาย โดยยังไม่ได้รับรายงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

1.2 การตลาด

1) โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2552 (สิ้นสุดการรับจำนำ 31 ต.ค.51)

ธกส. รายงานผลการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 2551 เบื้องต้น ณ วันที่ 5 พฤศจิกายน 2551 ดังนี้

                                           ปริมาณ                  มูลค่า
                                          (ล้านตัน)     ร้อยละ     (ล้านบาท)
          - เป้าหมายการรับจำนำ               4.500       100          -
          - ผลการรับจำนำทั้งหมด : -           4.176      92.80     54,645.6
          * อคส.                           3.034      72.65     38,131.3
          * อ.ต.ก.                         1.142      27.35     16,514.3

2) โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปี 2551/52

คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ หรือ กขช. ได้มีมติ เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2551 เห็นชอบให้ดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปี2551/2552 ตามมติ กขช. วันที่ 8 กันยายน 2551 ที่กำหนดเป้าหมายจำนำ 8 ล้านตันข้าวเปลือก โดยให้ปรับราคารับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปี2551/2552 ใหม่ให้เหมาะสมกับตลาดเพื่อให้ธุรกิจการค้าข้าวในตลาดสามารถดำเนินการได้ เนื่องจากขณะนี้ราคาข้าวในตลาดโลกลดลงมาก โดยกำหนดราคารับจำนำข้าวเปลือก ณ ความชื้น 15% ดังนี้

ราคารับจำ

          -  ข้าวเปลือกเจ้าหอมมะลิ ชนิด 42 กรัม                 ราคาจำนำตันละ   15,000 บาท
                               ชนิด 40 กรัม                 ราคาจำนำตันละ   14,800 บาท
                               ชนิด 38 กรัม                 ราคาจำนำตันละ   14,600 บาท
                           ต่ำสุดชนิด 36 กรัม                 ราคาจำนำตันละ   14,400 บาท
          -  ข้าวเปลือกเจ้า 100% (ชนิดที่เป็นข้าวสาร 100%)        ราคาจำนำตันละ   12,000 บาท
          -  ข้าวเปลือกเจ้า 5% (ชนิดที่เป็นข้าวสาร 5%)            ราคาจำนำตันละ   11,800 บาท
          - ข้าวเหนียว 10% เมล็ดยาว                          ราคาจำนำตันละ   10,000 บาท
          - ข้าวเปลือกเหนียว 10 % ชนิดคละ                     ราคาจำนำตันละ    9,000 บาท
          - ข้าวเปลือกหอมจังหวัด  ชนิด 42 กรัม                  ราคาจำนำตันละ   13,000 บาท

หากจำนำยุ้งฉางจะได้ราคาเพิ่มขึ้นอีกตันละ 1,000 บาท

  • ระยะเวลารับจำนำ ให้เริ่มรับจำนำวันที่ 1 พฤศจิกายน — 28 กุมภาพันธ์ 2552 ยกเว้นภาคใต้เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ — 28 พฤษภาคม 2552 เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา
  • ระยะเวลาไถ่ถอน 4 เดือน นับถัดจากเดือนที่รับจำนำทั้งจำนำใบประทวน และจำนำยุ้งฉาง
  • ผลการรับจำนำ อยู่ระหว่างดำเนินการรวบรวมข้อมูล

ภาวะการซื้อขาย ในสัปดาห์นี้ราคายังคงมีแนวโน้มลดลงจากสัปดาห์ก่อน เนื่องจากความต้องการข้าวของพ่อค้าส่งออกยังคงมีไม่มาก ยกเว้นพ่อค้าข้าวนึ่งที่ยังคงมีตลาดบ้างแต่ไม่มากเช่นกัน ขณะเดียวกันข้าวที่เกษตรกรเก็บเกี่ยวอยู่ขณะนี้ยังออกสู่ตลาดมาก และมีความชื้นสูง เนื่องจากปัญหาฝนตก และบางพื้นที่น้ำยังท่วมขังอยู่ข้าวเปลือกที่เก็บเกี่ยวได้คุณภาพป่นจึงถูกพ่อค้าคนกลาง และพ่อค้าโรงสีกดราคา

การส่งออก ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม — 7 พฤศจิกายน 2551 ไทยส่งออกข้าวทั้งหมด จำนวน 9.101 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจาก 7.537 ล้านตันข้าวสาร ของการส่งออกข้าวในช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 20.75 (ที่มา: กรมการค้าภายใน)

1.3 ราคา

ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ

ราคาข้าวเปลือกเจ้าหอมมะลินาปี ที่เกษตรกรขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 13,095 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 12,450 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 5.18

ราคาข้าวเปลือกเจ้านาปี 5% ที่เกษตรกรขายได้สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 9,579 บาท ราคาลดลงจากตันละ 9,778 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.04

ราคาข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ที่เกษตรขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 5,864 บาท ราคาลดลงจากตันละ 5,942 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.31

ราคาข้าวเปลือกเจ้านาปี (ภาคเหนือตอนล่างและภาคกลาง) ความชื้น 14-15% ที่เกษตรกรขายได้สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 9,473 บาท ราคาลดลงจากตันละ 9,657 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.91

ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ

ราคาข้าวสารเจ้า 5% (ใหม่) ขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 17,150 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 16,950 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.18

ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี

ราคาข้าวหอมมะลิไทย ชั้น 2 (เก่า) ส่งออก เอฟ.โอ.บี. สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 780 ดอลลาร์สหรัฐฯ (27,101 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 784 ดอลลาร์สหรัฐฯ (27,242 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.51 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 141 บาท

ราคาข้าวสารเจ้า 5% (ใหม่) ส่งออก เอฟ.โอ.บี. สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 576 ดอลลาร์สหรัฐฯ (20,013 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 580 ดอลลาร์สหรัฐฯ (20,154 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.69 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 141 บาท

ราคาข้าวสารเจ้า 25% (ใหม่) ส่งออก เอฟ.โอ.บี. สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 465 ดอลลาร์สหรัฐฯ (16,156 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 467 ดอลลาร์สหรัฐฯ (16,227 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.43 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 71 บาท

ราคาข้าวนึ่ง 5% ส่งออก เอฟ.โอ.บี. สัปดาห์นี้ เฉลี่ยตันละ 573 ดอลลาร์สหรัฐฯ (19,909 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 576 ดอลลาร์สหรัฐฯ (20,015 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.52 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 106 บาท

หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 34.7446

2. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในต่างประเทศ

2.1 ผลผลิตข้าวโลก กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ได้คาดคะเนเบื้องต้นว่าผลผลิตข้าวโลกปี 2551/52 ประจำเดือนพฤศจิกายน 2551 ว่าจะมี 434.28 ล้านตันข้าวสาร (647.60 ล้านตันข้าวเปลือก) เพิ่มขึ้นจาก 430.96 ล้านตันข้าวสาร (642.80 ล้านตันข้าวเปลือก) ของปี 2550/51 ร้อยละ 0.77 เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของผลผลิตของประเทศผู้บริโภคและผู้ส่งออกที่สำคัญของโลก เช่น บังคลาเทศ บราซิล กัมพูชา จีน อิยิปต์ อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ ไนจีเรีย ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ และ สหัฐฯ

2.2 การค้าของโลกบัญชีสมดุลข้าวโลก กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ได้คาดคะเนบัญชีสมดุลข้าวโลกปี 2551/52 ณ เดือนพฤศจิกายน 2551 ว่าผลผลิต ปี 2551/52 จะมี 434.28 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 0.77 การใช้ในประเทศจะมี 432.06 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ร้อยละ 0.96 และสต็อกปลายปีคงเหลือ 80.61 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 2.83

2.3 วิกฤติการเงินโลกกับความมั่นคงด้านอาหาร

ในการประชุมอาเซียน — ยูเอ็น (ASEAN — The United Nations : UN) เมื่อวันที่ 12-13 พฤศจิกายน 2551 เกี่ยวกับความมั่นคงด้านอาหารที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลประเทศสมาชิกอาเซียน ผู้แทนUNในแต่ละประเทศหรือแต่ละภูมิภาค องค์การระหว่างประเทศต่าง ๆ และสำนักเลขาธิการอาเซียน สำหรับการประชุมครั้งนี้ประเทศฟิลิปปินส์เป็นผู้ริเริ่มจัดการประชุมเนื่องจากต้องการให้อาเซียนเป็นผู้นำร่วมกับUN หรือองค์การสหประชาชาติในการหามาตรการต่าง ๆ ด้านความมั่นคงอาหารซึ่งสามารถดำเนินได้ภายใต้บันทึกความเข้าใจระหว่างอาเซียนกับองค์การสหประชาชาติในด้านความร่วมมือร่วมระหว่างอาเซียน- ยูเอ็น

อนึ่ง ผู้แทนองค์การอาหารและเกษตรขององค์การสหประชาชาติ (UN — FAO) ได้กล่าวภายหลังการประชุม ว่าผลผลิตธัญพืชในปี 2551 — 52จะเพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะข้าวสาลีที่มีการเพิ่มขึ้นค่อนข้างชัดเจนรวมทั้งผลผลิตข้าวด้วย ซึ่งการเพิ่มขึ้นของผลผลิตอาหารนั้นน่าจะเป็นข่าวดีกับประเทศฟิลิปปินส์ที่จะได้คลายความกังวลเกี่ยวกับการขาดแคลนอาหารได้ อย่างไรก็ตาม ก็ยังคงมีปัญหาหนักใจว่าผู้บริโภคนั้นจะมีเงินเพียงพอที่จะซื้ออาหารได้หรือไม่ในช่วงวิกฤติการเงินโลก ซึ่งขณะนี้หลาย ๆ ประเทศกำลังประสบปัญหาเศรษฐกิจถดถอย สำหรับความมั่นคงด้านอาหารนั้น ถึงแม้ว่าจะมีการแก้ไขด้านการเพิ่มผลผลิตแล้วก็ตามแต่มันคงไร้ความหมายหากประชากรในโลกไม่มีอำนาจซื้ออาหารมาบริโภคได้ ซึ่งอาจจะกล่าวได้ว่าวิกฤติการเงินครั้งนี้ส่งผลด้านลบให้กับความมั่นคงด้านอาหาร อย่างไรก็ตาม ประเทศสมาชิกอาเซียน องค์การสหประชาชาติและองค์กรต่าง ๆ ภายใต้องค์การสหประชาชาติ รวมทั้งองค์กรต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงด้านอาหารก็มิได้นิ่งนอนใจได้พยายามคิดค้นหาวิธีการหรือมาตรการต่าง ๆ ที่จะบรรเทาความเดือดร้อนของประชากรที่ยากจนเพื่อรับมือกับปัญหาราคาอาหารที่แพงขึ้น โดยผลการหารือด้านความมั่นคงของอาหารนั้นจะได้มีการหารือร่วมกันอีกครั้งในการประชุมอาเซียน — ยูเอ็น ที่จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย ในเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้

--ข่าวการผลิต การตลาด ผลิตผลการเกษตร ประจำวันที่ 10-16 พฤศจิกายน 2551--

-พห-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ