กรุงเทพฯ--29 ต.ค.--ซีรีบรัม พีอาร์ฯ
พีดีเฮ้าส์ เปิดผลสำรวจออนไลน์ “แบรนด์รับสร้างบ้าน” ที่อยู่ในใจของผู้บริโภค (Brand Awareness) ปรากฏว่า ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ สามารถก้าวขึ้นติดกลุ่ม Top 3 เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี เหตุผลสำคัญที่ผู้บริโภครับรู้และจดจำแบรนด์ได้ดีมาจาก 1.เวบไซต์และข้อมูลที่นำเสนอ 2.ความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ของบริษัทฯ 3.จำนวนสาขาและป้ายที่พบเห็น 4. ผลิตภัณฑ์และบริการที่นำเสนอ และ 5.รางวัลที่บริษัทได้รับ ชี้ตลาดรับสร้างบ้านไตรมาส 4 ปีนี้ คาดว่าเหตุน้ำท่วมจะส่งผลให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจในระยะสั้น
นางมาลี สุวรรณสุต รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป จำกัด หรือ ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาบริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการวิจัยและสำรวจข้อมูลในด้านต่างๆ มาโดยตลอด เช่น การดีไซน์หรือออกแบบบ้าน การพัฒนาบุคลากร ฯลฯ ทั้งนี้เพราะมองว่าการมุ่งตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในเรื่องการสื่อสารและการรับรู้ของผู้บริโภค ซึ่งในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้จัดทำการสำรวจออนไลน์ขึ้นในประเด็นเกี่ยวกับ แบรนด์รับสร้างบ้านที่อยู่ในใจของผู้บริโภค (Brand Awareness) กับกลุ่มตัวอย่างจำนวน 2,440 รายทั่วประเทศ พบว่า “ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์” สามารถไต่ลำดับขึ้นมาติดอยู่ในกลุ่ม Top 3 เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี ภายหลังจากที่บริษัทฯ ได้รีแบรนดดิ้งจาก ปทุมดีไซน์ มาเป็น พีดีเฮ้าส์ เมื่อปี 2550 ที่ผ่านมา
การที่ผู้บริโภคกลุ่มตัวอย่างรับรู้และจดจำแบรนด์ พีดีเฮ้าส์ ได้ดีนั้นมาจาก 5 เหตุผลหลักๆ ได้แก่ 1) เวบไซต์และข้อมูลที่บริษัทนำเสนอ โดยเฉพาะเน้นการให้ความรู้มากกว่าการโฆษณา ซึ่งเวบไซต์ของบริษัทได้รวบรวมข้อมูลการสร้างบ้านและวัสดุก่อสร้าง รวมถึงข่าวสารต่างๆ ให้ผู้บริโภคได้ศึกษาก่อนตัดสินใจเลือกบริษัทรับสร้างบ้าน 2) ความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ของบริษัทฯ โดยเห็นว่าบริษัทฯ มีการสื่อสารและประชาสัมพันธ์องค์กร ออกมาสู่สาธารณชนอย่างสม่ำเสมอ มีการนำเสนอแนวคิดใหม่ๆ มีจุดยืนการดำเนินธุรกิจที่ดูน่าเชื่อถือและแตกต่างกับคู่แข่งในตลาด 3) จำนวนสาขาและป้ายที่พบเห็น โดยกลุ่มตัวอย่างสามารถจดจำได้เป็นเพราะว่า ป้ายและรูปแบบสาขาที่เหมือนๆ กัน โดยพบเห็นจากในหลายๆ พื้นที่ที่มีสาขาตั้งอยู่ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนสาขาที่เปิดดำเนินการแล้วถึง 17 สาขา 4) ผลิตภัณฑ์และบริการที่นำเสนอ มีความน่าสนใจและชัดเจนกว่าคู่แข่ง โดยเฉพาะอยู่ในกระแสตื่นตัวของสังคมได้แก่ การสร้างบ้านประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และ 5) รางวัลที่บริษัทได้รับ โดยเฉพาะรางวัลจากหน่วยงานของรัฐ โดยผู้บริโภคมองว่าเป็นเครื่องยืนยันได้ระดับหนึ่งถึงความมีมาตรฐานของสินค้าและบริการ เช่น รางวัลบ้านประหยัดพลังงาน รางวัลแฟรนไชส์มาตรฐาน ฯลฯ เป็นต้น
“เมื่อเร็วๆ นี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหน่วยงานของรัฐที่ให้การสนับสนุนและส่งเสริมธุรกิจแฟรนไชส์ไทย ให้สามารถพัฒนาและก้าวสู่แฟรนไชส์มาตรฐานสากล ได้จัดงาน “Thailand Franchise Quality Award 2010” ขึ้นเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน ทั้งนี้เพื่อเป็นการประกาศเกียรติคุณและมอบโล่ห์รางวัล ให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจแฟรนไชส์ ที่มีความโดดเด่นในมาตรฐานและคุณภาพ ในปีนี้ปรากฏว่าบริษัทฯ สามารถคว้ารางวัล Excellent Franchise Process Management Award หรือ รางวัลมาตรฐานคุณภาพแฟรนไชส์ดีเด่นด้านบริหารจัดการ ซึ่งรางวัลดังกล่าวถือเป็นบทพิสูจน์อีกก้าวหนึ่ง หลังจากที่เมื่อปีที่แล้วบริษัทฯได้รับตราสัญลักษณ์ Franchise Standard จึงนับเป็นเครื่องยืนยันถึงความสำเร็จของแฟรนไชส์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ และความตั้งใจที่พร้อมจะยกระดับมาตรฐานผู้ประกอบการ และภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้านให้เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคในวงกว้างอย่างเป็นรูปธรรม”
นางมาลี กล่าวต่อว่า ตลาดรับสร้างบ้านในช่วงท้ายปี 2553 คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากเหตุจากภัยน้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ ซึ่งได้ส่งผลกระทบในวงกว้างเกือบ 30 จังหวัดทั่วประเทศ และอาจทำให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจสร้างบ้านใหม่ออกไปก่อน ซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณและมูลค่ารวมตลาดรับสร้างบ้านชะลอตัวตามไปด้วย ขณะเดียวกันตลาดซ่อมแซมและปรับปรุงบ้านจะเติบโตแทน ดังนั้นผู้ประกอบการที่แข่งขันอยู่ในธุรกิจรับสร้างบ้าน โดยเฉพาะรายเล็กควรหาทางพลิกวิกฤติเป็นโอกาส ด้วยการปรับตัวเองสู่ตลาดซ่อมแซมบ้าน อย่างไรก็ดีมีสิ่งที่ควรเฝ้าระวังคือ เมื่อภัยน้ำท่วมสิ้นสุดลงและมีการซ่อมแซมบ้านเรือนพร้อมๆ กัน วัสดุก่อสร้างอาจจะขาดตลาดและราคาปรับตัวสูงขึ้น จนกลายเป็นปัญหาตามมาสำหรับผู้ประกอบการ ในส่วนของบริษัทฯ เองได้เฝ้าระวังเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด จึงไม่ใช้วิธีแข่งขันราคาหรือใช้กลยุทธ์หั่นราคาแข่งกับรายอื่นๆ แต่เน้นนำเสนอความคุ้มค่าของเงินที่จ่าย กับคุณภาพและบริการที่ผู้บริโภคได้รับแทน