4 ธนาคารชั้นนำของไทย จับมือยืนยันความปลอดภัยการใช้งานอินเทอร์เน็ต แบงกิ้ง

ข่าวเทคโนโลยี Friday October 29, 2010 15:58 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--29 ต.ค.--คอร์ แอนด์ พีค 4 ธนาคารชั้นนำของไทย จับมือยืนยันความปลอดภัยการใช้งานอินเทอร์เน็ต แบงกิ้งพร้อมเสนอทางเลือกใหม่เพื่อเพิ่มความมั่นใจลูกค้าอี-แบงกิ้งด้วยบริการเฮ้าส์คอลล์ ตรวจสแกนไวรัสออนไลน์ฟรี จากเทรนด์ ไมโคร 4 ธนาคารชั้นนำของไทย จับมือยืนยันความปลอดภัยการใช้งานอินเทอร์เน็ต แบงกิ้ง พร้อมเสนอทางเลือกใหม่เพื่อเพิ่มความมั่นใจลูกค้าอี-แบงกิ้ง ด้วยบริการเฮ้าส์คอลล์ ตรวจสแกนไวรัสออนไลน์ฟรี จากเทรนด์ ไมโคร ช่วยเพิ่มความมั่นใจและสร้างพฤติกรรมการใช้งานอย่างปลอดภัย หากลูกค้าหมั่นสแกนไวรัสทุกครั้งที่เข้าใช้งานผ่านทางเว็บไซต์ของทั้ง 4 ธนาคาร นายรัฐสิริ ไข่แก้ว ผู้จัดการ ประจำภูมิภาคอินโดจีน บริษัท เทรนด์ ไมโคร อิงค์ ผู้นำระดับโลกด้านการรักษาความปลอดภัยข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต กล่าวว่า ปัจจุบันแนวโน้มภัยคุกคามข้อมูลที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์นั้นมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จากรายงานล่าสุดของศูนย์วิจัยเทรนด์แล็บส์ระบุว่าจำนวน URL ที่เป็นอันตรายเพิ่มขึ้นจาก 1.5 พันล้าน URL ในเดือนมกราคมเป็นกว่า 3.5 พันล้าน URL ในเดือนมิถุนายน โดยในอเมริกาเหนือถือเป็นแหล่งที่มี URL ที่เป็นอันตรายมากที่สุด ขณะที่เอเชียแปซิฟิกมีเหยื่อที่ติดเชื้อมัลแวร์สูงสุด และสำหรับ URL ที่บริษัท เทรนด์ ไมโครสามารถบล็อกได้เป็นจำนวนมากที่สุด คือเว็บไซต์ลามกและเว็บไซต์ที่เป็นโฮสต์ของมัลแวร์สายพันธุ์ที่เป็นอันตรายต่างๆ เช่น โค้ด IFRAME, TROJ_AGENT และ JS_DLOADR.ATF และเพื่อเป็นการเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานอินเทอร์เน็ต 4 ธนาคารชั้นนำของไทย ประกอบ ด้วยธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และเทรนด์ ไมโคร จึงได้เสนอทางเลือกใหม่เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ลูกค้าอี-แบงกิ้ง ด้วยบริการอี-แบงกิ้ง ซิเคียวริตี้ ที่เรียกว่า “เฮ้าส์คอลล์” (HouseCall) ซึ่งเป็นบริการตรวจสอบและกำจัดไวรัสแบบออนไลน์ โดยไม่คิดค่าบริการใดๆ ทั้งสิ้น เฮ้าส์คอลล์เปรียบเสมือนเครื่องมือที่จะช่วยตรวจสอบและกำจัดไวรัสแบบออนไลน์ ซึ่งมีจุดเด่นเรื่องความสะดวก ลูกค้าไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมเพิ่มเติม ด้วยรูปแบบ One time scan ระบบจะสแกนไวรัสให้เมื่อลูกค้าเข้าไปใช้บริการผ่านเว็บไซต์ในแต่ละครั้ง ดร.กิตติ โฆษะวิสุทธิ์ ผู้จัดการฝ่ายความปลอดภัยเทคโนโลยีสารสนเทศ สายเทคโนโลยี ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารกรุงเทพให้ความสำคัญกับมาตรการรักษาความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางการเงินบนอินเทอร์เน็ตของลูกค้าบัวหลวง ไอแบงก์กิ้ง พร้อมทั้งให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้ระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ที่ถูกลิขสิทธิ์และติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสที่มีประสิทธิภาพ โดยธนาคารพยายามแสวงหาสิ่งที่จะช่วยป้องกันการถูกคุกคามจากมิจฉาชีพบนอินเทอร์เน็ตเพื่อมานำเสนอแก่ลูกค้า ซึ่งโปรแกรมเฮ้าส์คอลล์ (HouseCall) นั้นสอดคล้องกับความต้องการของธนาคาร ด้วยความสามารถในการตรวจสอบและกำจัดไวรัสได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ช่วยให้ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมทางการเงินบนอินเทอร์เน็ตได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น นายอาจ วิเชียรเจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันมีลูกค้าที่ใช้บริการธนาคารทางอินเทอร์เน็ตของธนาคารกสิกรไทย หรือ K-Cyber Banking ประมาณ 1 ล้านคน ซึ่งที่ผ่านมาธนาคารกสิกรไทยได้ให้ความสำคัญกับระบบรักษาความปลอดภัยสำหรับการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านธนาคารทางอินเทอร์เน็ตของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนอกจากจะใช้ระบบความปลอดภัย 2 ชั้น หรือ Two-Factor Authentication (2FA) ที่เป็นระบบตรวจสอบความเป็นเจ้าของบัญชีในการทำธุรกรรมที่สำคัญ โดยผู้ทำรายการต้องมีหลักฐานแสดงความเป็นเจ้าของบัญชีตัวจริง 2 สิ่งควบคู่กัน อย่างแรก คือ ชื่อผู้ใช้งาน (Username) และรหัสผ่านเข้าสู่ระบบ (Login Password) และอย่างที่สอง คือ โทรศัพท์มือถือสำหรับรับรหัส OTP หรืออุปกรณ์แจ้งรหัส OTP (Security Token Device) แล้ว ธนาคารยังมีการแนะนำเทคนิคเพื่อความปลอดภัยหรือแจ้งเตือนลูกค้าเกี่ยวกับการใช้บริการธนาคารทางอินเทอร์เน็ตผ่านทางเว็บไซต์ของธนาคาร (Security Tips) ขณะเดียวกันยังได้ปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงระบบรักษาความปลอดภัยให้มีความทันสมัยตลอดเวลา ซึ่งการให้บริการเฮ้าส์คอลล์ (HouseCall) ในครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือ (Tools) ซึ่งจะช่วยเสริมความปลอดภัยในฝั่งลูกค้าด้วยการสแกนไวรัส (Scan Virus) ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าปลอดภัยจากภัยคุกคามบนอินเทอร์เน็ตได้ในเบื้องต้นและคาดว่าบริการเฮ้าส์คอลล์บนเว็บไซต์ธนาคารกสิกรไทย www.kasikornbank.com จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าที่ใช้บริการธนาคารทางอินเทอร์เน็ตของธนาคารกสิกรไทย ดร.อนุชิต อนุชิตานุกูล รองกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์และบริการจัดการทางการเงิน ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารให้ความสำคัญอย่างมากกับระบบรักษาความปลอดภัยสำหรับธุรกรรมทางการเงินผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (Internet) โดยมีระบบรักษาความปลอดภัยสูงตามมาตรฐานโลก เช่น ภาพ Captcha ที่ให้ลูกค้าใส่ก่อนการเข้าสู่ระบบ ช่วยในการยืนยันบุคคลที่ทำรายการ หรือการใช้รหัส TOP (Time out Password) แจ้งรหัสและรายละเอียดที่สำคัญ สำหรับการทำรายการที่มีความเสี่ยง รวมทั้งการเข้ารหัสแบบ End to End ด้วย SSL 128 bit สามารถป้องกันการลักลอบขโมยหรือเปลี่ยนข้อมูลระหว่างทาง อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ผู้ใช้บริการต้องมีความระมัดระวังเช่นกัน ซึ่งโปรแกรมแอนตี้ ไวรัส (Antivirus) นับเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยตรวจจับสิ่งผิดปกติ โดยเฉพาะโปรแกรมเฮ้าส์คอลล์ (Housecall) นั้น สามารถช่วยลูกค้าตรวจจับไวรัสโทรจันหรือมัลแวร์ (Malware) ต่างๆได้ กรณีนี้ลูกค้าสามารถสแกนไวรัสออนไลน์ (Scan Virus Online) เครื่องคอมพิวเตอร์ก่อนทำธุรกรรมได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย นางอรุณภรณ์ ลิ่มสกุล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายบริหารงาน CRM และบริการช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า SCB Easy Net มีลูกค้าที่เข้ามาใช้งานเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งก็เนื่องจากขั้นตอนการสมัครและการทำธรุกรรมต่างๆ สะดวก ง่าย ไม่ยุ่งยาก แต่ขณะเดียวกันก็ไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาระบบการรักษาความปลอดภัยข้อมูลธุรกรรมบนอินเทอร์เน็ต เพื่อตอกย้ำ ความมั่นใจให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาระบบรักษาความปลอดภัยของ SCB Easy Net จนได้รับ Certificate ระบบความปลอดภัยสูงระดับมาตรฐานโลกจาก Entrust โดยการใช้เทคโนโลยี Advanced Encryption Standard (AES) ขั้นสูงสุดที่ 256-bit (SSL256-bit) เป็นการเข้ารหัสข้อมูลผ่าน Browser เพื่อป้องกันการดักจับข้อมูลขณะที่มีการส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต การไม่แสดงเลขที่บัญชีของลูกค้าทั้งหมด นอกจากนี้ธนาคารยังมีการเพิ่ม One Time Password มาตรการความปลอดภัยอีกขั้นเวลาทำธุรกรรมการโอนเงิน จ่ายบิล ซึ่งลูกค้าจะได้รับรหัส OTP ให้ผ่านทาง SMS ไปยังหมายเลขโทรศัพท์ที่ลูกค้าได้ทำการแจ้งข้อมูลไว้ตอนเปิดบัญชี โดยการเปลี่ยนหมายเลขโทรศัพท์ดังกล่าวลูกค้าต้องไปด้วยตัวเองที่สาขาเท่านั้น ขณะเดียวกันทางธนาคารก็ได้ให้ความสำคัญกับการให้ความรู้และแนะนำเทคนิคการใช้งาน Internet Banking อย่างปลอดภัย กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง การแนะนำลิงค์โปรแกรมสแกนไวรัสชั้นนำของโลก เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการใช้งานอีกระดับหนึ่ง ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าสบายใจและมั่นใจทุกครั้งที่ใช้งาน SCB Easy Net “สำหรับลูกค้าและผู้สนใจสามารถใช้บริการเฮ้าส์คอลล์ผ่านทางเว็บไซต์ของทั้ง 4 ธนาคาร ได้แก่ www.bangkokbank.com, www.kasikornbank.com, www.ktb.co.th, www.scbeasy.com ซึ่งจะเชื่อมต่อระบบตรงกับบริษัท เทรนด์ ไมโคร และมีการอัพเดทภัยคุกคามใหม่ๆ ตลอดเวลาจากฐานข้อมูลของ เทรนด์ ไมโครทั่วโลก ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญระหว่าง 4 ธนาคารที่เป็นผู้นำด้านการให้บริการธุรกรรมทางการเงินบนอินเทอร์เน็ต และผู้นำทางด้านโซลูชั่นรักษาความปลอดภัยข้อมูล ซึ่งเทรนด์ ไมโครเชื่อมั่นว่าบริการเฮ้าส์คอลล์นี้จะเป็นประโยชน์ และช่วยให้ลูกค้าของทั้ง 4 ธนาคารสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้อย่างปลอดภัยมากยิ่งขึ้น รวมทั้งทำให้ลูกค้าหันมาใส่ใจดูแลเรื่องการป้องกันและรักษาความปลอดภัยข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตเพิ่มมากขึ้นด้วย” นายรัฐสิริกล่าวสรุปท้าย เฮ้าส์คอลล์ (HouseCall) เป็นบริการตรวจสอบแบบออนไลน์ที่จะช่วยกำจัดไวรัสในขณะที่ผู้ใช้เข้ามาใช้งานบนเว็บไซต์ของธนาคาร ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยผู้ใช้ควรมีการป้องกัน 2 ขั้นตอน คือ ขั้นแรกเป็นการป้องกันโดยการตรวจสอบระบบของผู้ใช้ในขณะที่ใช้งาน โดยเฮ้าส์คอลล์จะสามารถตรวจจับและกำจัดไวรัสต่างๆ รวมถึงเวิร์ม (Worm) โทรจัน (Trojan) สปายแวร์ (Spyware) ต่างๆ ได้ในรูปแบบ One time scan ขั้นตอนที่สอง ผู้ใช้ควรมีการติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสอื่นๆ ลงในเครื่องคอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊กของตัวเองด้วย เพื่อที่จะสามารถป้องกัน ตรวจสอบ และกำจัดไวรัสอื่นๆ ที่จะติดมาได้ในครั้งต่อไป ส่วนระยะเวลาในการตรวจจับและกำจัดไวรัสของเฮ้าส์คอลล์ ขึ้นอยู่กับคุณภาพของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต, ความเร็วของอินเทอร์เน็ตที่ใช้งาน, ขนาดของฮาร์ดดิสก์ และปริมาณไฟล์ที่ต้องการตรวจสอบของผู้ใช้แต่ละราย ซึ่งการตรวจสอบครั้งต่อๆ ไปจะใช้เวลาน้อยลง สื่อมวลชนสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์ บริษัท คอร์ แอนด์ พีค จำกัด บุษกร สนธิกร โทร +66 (0) 2439 4600 ต่อ 8202 อีเมล busakorns@corepeak.com

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ