สรุปภาวะตลาดหลักทรัพย์และการซื้อขายหลักทรัพย์ประจำเดือนตุลาคม 2553

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday November 11, 2010 11:31 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--11 พ.ย.--ตลท. ในเดือนตุลาคม 2553 ภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทยยังได้รับแรงสนับสนุนจากเงินทุนต่างประเทศที่ไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ของไทยเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน จากภาวะสภาพคล่องสูงในตลาดทุนโลกและปัจจัยพื้นฐานที่ดีของเศรษฐกิจและบริษัทจดทะเบียนของไทย โดยผู้ลงทุนต่างประเทศเป็นผู้ซื้อสุทธิ 15,742 ล้านบาท ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) ปิดที่ 984.46 จุด เพิ่มขึ้น 0.94% จากสิ้นเดือนก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยรายวันอยู่ที่ 34,546.42 ล้านบาท และปริมาณสัญญาซื้อขายอนุพันธ์เฉลี่ยรายวันอยู่ที่ 23,362 สัญญา ปรับลดลงจากเดือนก่อนหน้า แต่ยังอยู่ในเกณฑ์สูง โดยเฉพาะ Gold Futures ทำสถิติซื้อขายเฉลี่ยรายวันสูงสุดที่ 6,448 สัญญา ตามการปรับขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลก สำหรับมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) ของ SET และ mai ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 8,040,652ล้านบาท ขณะที่บริษัทจดทะเบียนมีการระดมทุนในรูปตราสารทุนรวม 9,401.05 ล้านบาท ภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทยโดยรวมในเดือนตุลาคม 2553 ยังคงอยู่ในทิศทางขาขึ้นสอดคล้องกับตลาดหลักทรัพย์อื่นในภูมิภาคที่ในเดือนนี้ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นในทุกตลาด โดยผู้ลงทุนต่างประเทศยังคงเพิ่มมูลค่าการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ในเอเซียอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากสภาพคล่องส่วนเกินในตลาดทุนโลกที่มีแนวโน้มสูงขึ้นตามการคาดการณ์ของตลาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะใช้มาตรการเพิ่มสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินรอบ 2 (QE II) ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2553 ประกอบกับเครื่องชี้เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศเอเซียที่ยังสะท้อนการขยายตัวของอุปสงค์ในภาคเอกชนอย่างต่อเนื่องควบคู่กับเสถียรภาพเศรษฐกิจที่อยู่ในเกณฑ์ดี โดยในกรณีของไทย ผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 ของธนาคารพาณิชย์ที่ขยายตัวในเกณฑ์ดีตามการปรับขึ้นของสินเชื่อ สะท้อนถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยเฉพาะอุปสงค์ในประเทศที่ยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2553 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) ปิดที่ระดับ 984.46 จุด เพิ่มขึ้น 0.94% เมื่อเทียบกับดัชนี ณ สิ้นเดือนก่อน และเพิ่มขึ้น 34.02% เมื่อเทียบกับดัชนี ณ สิ้นปี 2552 โดยในเดือนนี้ ดัชนีหลักทรัพย์รายกลุ่มธุรกิจที่ปรับเพิ่มขึ้นในอัตราสูงสุด ได้แก่ กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 8.93% ตามด้วยกลุ่มทรัพยากรที่เพิ่มขึ้น 5.58% ขณะที่ดัชนีของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างลดลง 3.68% จากเดือนก่อนหน้า การปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ทำให้อัตรากำไรสุทธิต่อหุ้นคาดการณ์ (Forward P/E Ratio) ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ เดือนตุลาคม 2553 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ระดับ 14.08 เท่า ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางของตลาดอื่นๆ ในภูมิภาค รวมทั้งส่งผลให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด ของ SET และ mai ทำสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2553 มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด ของ SET และ mai ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 8,040,652 ล้านบาทซึ่งเพิ่มขึ้น 1.24% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และเพิ่มขึ้น 36% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2552 ในเดือนตุลาคม 2553 มูลค่าซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยรายวันของ SET และ mai อยู่ที่ 34,546.42 ล้านบาท ลดลง 15.31% จากเดือนก่อน แต่เพิ่มขึ้นถึง 27.88% เทียบกับเดือนตุลาคมของปี 2552 โดยผู้ลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ด้วยมูลค่าซื้อสุทธิ 15,472 ล้านบาท ส่งผลให้ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2553 ผู้ลงทุนต่างประเทศเป็นผู้ซื้อสุทธิ 56,924 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.50 เท่า เมื่อเทียบกับการซื้อสุทธิของผู้ลงทุนต่างประเทศของทั้งปี 2552 ที่ซื้อสุทธิ 38,012.81ล้านบาท ขณะที่ผู้ลงทุนในกลุ่มบุคคล กลุ่มสถาบันในประเทศ และกลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ต่างเป็นผู้ขายสุทธิในเดือนนี้ หากพิจารณาการซื้อขายหลักทรัพย์แยกตามกลุ่มอุตสาหกรรมในเดือนตุลาคม 2553 พบว่าผู้ลงทุนยังคงให้ความสนใจมากขึ้นกับการซื้อขายหลักทรัพย์ในหมวดพลังงานและสาธารณูปโภค ต่อเนื่องจากเดือนกันยายน 2553 ขณะที่สัดส่วนการซื้อขายหลักทรัพย์ในหมวดธนาคาร หมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และหมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อน หากพิจารณาสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายแยกตามกลุ่มหลักทรัพย์ตามราคาตลาด ในเดือนตุลาคม 2553 พบว่าผู้ลงทุนสนใจซื้อขายหลักทรัพย์ขนาดเล็กมากขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนโดยสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ในกลุ่ม Non-SET50 มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 27.23% ในเดือนก่อนมาอยู่ที่ 35.37% ด้านจำนวนบัญชีที่มีการซื้อขายในเดือนกันยายน 2553 มีทั้งสิ้น 178,000 บัญชี ปรับเพิ่มขึ้น 24.38% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน และ 4.89% จากเดือนก่อน นอกจากนี้ การซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ตยังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยจำนวนบัญชีการซื้อขายทางอินเทอร์เน็ตในเดือนกันยายน 2553 อยู่ที่ 72,917 บัญชี ปรับเพิ่มขึ้น 46% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 5.89% จากเดือนก่อน ขณะที่สัดส่วนของมูลค่าการซื้อขายทางอินเทอร์เน็ตต่อมูลค่าการซื้อขายรวมอยู่ที่ 25.9% ด้านตลาดอนุพันธ์ ในเดือนตุลาคม 2553 มีปริมาณการซื้อขายตราสารอนุพันธ์รวม 461,874 สัญญา โดยปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยรายวันอยู่ที่ 23,362 สัญญา เพิ่มขึ้น 45.9% เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 4.73% จากเดือนก่อนหน้า เป็นผลจากการลดลงของ SET50 Index Futures SET50 Index Options และSingle Stock Futures อย่างไรก็ตาม ในเดือนนี้ Gold Futures ทำสถิติซื้อขายเฉลี่ยรายวันสูงสุดที่ 6,448 สัญญา สูงสุดนับตั้งแต่ Gold Futures เริ่มเปิดการซื้อขายในเดือนกุมภาพันธ์ 2552 ตามราคาทองคำในตลาดโลกที่ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้น ในเดือนนี้ ตลาดอนุพันธ์เริ่มทำการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับอัตราดอกเบี้ยของพันธบัตรรัฐบาล (Interest Rate Futures) โดยมีปริมาณการซื้อขายเดือนแรก 20 สัญญา ภาวะตลาดหลักทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้น เป็นปัจจัยหนึ่งที่สนับสนุนให้มีการระดมทุนต่อเนื่อง โดยในเดือนตุลาคม 2553 บริษัทจดทะเบียนมีการระดมทุนในรูปตราสารทุนรวม 9,401.05 ล้านบาท แยกเป็นการระดมทุนของบริษัทจดทะเบียนเข้าใหม่ (Initial Public Offering) จำนวน 2 บริษัท คือ บมจ. ยูนิเวอร์แซล แอดซอร์บเบ้นท์ แอนด์ เคมิคัลส์ (UAC) และ บมจ. กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) มูลค่าระดมทุน 120 และ 540 ล้านบาท ขณะที่เป็นการระดมทุนในตลาดรองของ SET และ maiมีมูลค่ารวม 8,831.05 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการระดมทุนของ บมจ. ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ (TUF) และ บมจ. ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) สำหรับภาพรวมการระดมทุนในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2553 มูลค่าการระดมทุนรวม 81,353.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 157.11% ของมูลค่าการระดมทุนในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2552 ซึ่งอยู่ที่ 34,641.30ล้านบาท ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.set.or.th/setresearch/setresearch หรือสอบถามข้อมูลที่ S-E-T Call Center โทร. 0 2229 2222

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ