ปภ. สรุปสถานการณ์อุทกภัยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก 39 จังหวัด คลี่คลายแล้ว 21 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 18 จังหวัด ณ วันที่ 11 พฤศจิกายน 2553

ข่าวทั่วไป Friday November 12, 2010 15:08 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--12 พ.ย.--ปภ. ปภ. สรุปสถานการณ์อุทกภัยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก39 จังหวัด คลี่คลายแล้ว 21 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 18 จังหวัด ณ วันที่ 11 พฤศจิกายน 2553 กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก รวม 39 จังหวัด 401 อำเภอ 2,952 ตำบล 25,618 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 1,954,827 ครัวเรือน6,846,490 คน ขณะนี้สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้ว 21 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 18 จังหวัด 87 อำเภอ 670 ตำบล 4,919 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 474,497 ครัวเรือน 1,421,140 คน พื้นที่การเกษตรที่คาดว่าจะเสียหาย 6,316,156 ไร่ ผู้เสียชีวิต 144 ราย แนวโน้มระดับน้ำลดลง 47 อำเภอ ระดับน้ำทรงตัว 6 อำเภอ ระดับน้ำเพิ่มขึ้น 12 อำเภอ สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้วอยู่ในระหว่างฟื้นฟู 22 อำเภอ นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวถึง สถานการณ์อุทกภัยระหว่างวันที่ 10 ตุลาคม — ปัจจุบันมีพื้นที่ประสบภัยรวม 39 จังหวัด 401 อำเภอ 2,952 ตำบล 25,618 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 1,954,827 ครัวเรือน 6,846,490 คน ขณะนี้สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้ว 21 จังหวัด ได้แก่ พิจิตร เพชรบูรณ์ ระยอง จันทบุรี ตราด ตาก ชลบุรี ลำพูน เชียงใหม่ สระแก้ว นครนายก กำแพงเพชร พิษณุโลก หนองบัวลำภู ปราจีนบุรี สมุทรปราการ นครปฐม อุทัยธานี บุรีรัมย์ ฉะเชิงเทรา และชัยภูมิ ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 18 จังหวัด 87 อำเภอ 670 ตำบล 4,919 หมู่บ้าน 474,497 ครัวเรือน 1,421,140 คน พื้นที่การเกษตรที่คาดว่าจะเสียหาย 6,316,156 ไร่ ผู้เสียชีวิต 144 ราย ดังนี้ ภาคเหนือ 1 จังหวัด ได้แก่ นครสวรรค์ น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ 20 ตำบล 133 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 2,237 ครัวเรือน 7,021 คน ระดับน้ำลดลงแล้วทั้ง 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอโกรกพระ และพยุหะคีรี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 8 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา น้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ 19 ตำบล 167 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 11,992 ครัวเรือน 48,986 คน พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย 815,189 ไร่ มูลค่าความเสียหาย 1,395,933,824 บาท สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้วอยู่ในระหว่างฟื้นฟู 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอประทาย ชุมพวง และลำทะเมนชัย ส่วนที่อำเภอเมืองยางระดับน้ำลดลงแล้ว ศรีสะเกษ น้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ 13 ตำบล 55 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 6,939 ครัวเรือน 28,687 คน ระดับน้ำทรงตัว 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอราษีไศล กันทรารมย์ ศิลาลาด และยางชุมน้อย อำเภอบึงบูรพ์ระดับน้ำลดลง ส่วนที่อำเภอเมืองศรีสะเกษสถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้วอยู่ในระหว่างฟื้นฟู สุรินทร์ น้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ 23 ตำบล 194 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 17,265 ครัวเรือน 63,876 คน ระดับน้ำลดลง 2 อำเภอได้แก่ อำเภอชุมพลบุรี และท่าตูม ส่วนอำเภอรัตนบุรีมีระดับน้ำเพิ่มขึ้น ขอนแก่น น้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ 32 ตำบล 357 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 12,399 ครัวเรือน 84,002 คน ระดับน้ำลดลง 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองขอนแก่น ชนบท มัญจาคีรี และอุบลรัตน์ สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้วอยู่ในระหว่างฟื้นฟู 2 อำเภอ ได้แก่ ภูเวียง และหนองนาดำ กาฬสินธุ์ น้ำท่วมพื้นที่ 3 อำเภอ 10 ตำบล 99 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 10,313 ครัวเรือน 34,068 คน พื้นที่การเกษตร ที่คาดว่าจะเสียหาย 43,964 ไร่ ระดับน้ำเพิ่มขึ้นทั้ง 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอกมลาไสย ร่องคำ และฆ้องชัย มหาสารคาม น้ำในแม่น้ำชีเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ 3 อำเภอ 30 ตำบล 407 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 17,726 ครัวเรือน 42,528 คน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น 2 อำเภอได้แก่ อำเภอเมืองมหาสารคาม และกันทรวิชัย ระดับน้ำลดลงที่อำเภอโกสุมพิสัย ร้อยเอ็ด น้ำในแม่น้ำมูลและแม่น้ำชีเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ 4 อำเภอ 15 ตำบล 100 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 1,034 ครัวเรือน 3,102 คน พื้นที่การเกษตรคาดว่าจะได้รับความเสียหาย 22,670 ไร่ ระดับน้ำเพิ่มขึ้นทั้ง 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอจังหาร โพนทราย สุวรรณภูมิ และหนองฮี อุบลราชธานี น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ 2 เทศบาล 29 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 1,351 ครัวเรือน 4,514 คน เนื่องจากมีการสูบน้ำเพื่อเร่งระบายลงสู่แม่น้ำโขง ทำให้ระดับน้ำแม่น้ำมูลเพิ่มขึ้นเล็กน้อยทั้ง 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองอุบลราชธานี และวารินชำราบ ภาคกลาง 9 จังหวัด ได้แก่ ชัยนาท น้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ 17 ตำบล 129 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 16,307 ครัวเรือน 43,088 คน ระดับน้ำลดลงทั้ง 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองชัยนาท วัดสิงห์ มโนรมย์ และสรรพยา สิงห์บุรี น้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ 39 ตำบล 6 เทศบาล 256 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 19,174 ครัวเรือน 72,688 คน พื้นที่การเกษตรคาดว่าได้รับความเสียหาย 131,652 ไร่ ระดับน้ำลดลง 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางระจัน ค่ายบางระจัน และท่าช้าง สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้วอยู่ในระหว่างฟื้นฟู 3 อำเภอ ได้แก่อำเภอเมืองสิงห์บุรี พรหมบุรี และอินทร์บุรี อ่างทอง น้ำท่วมในพื้นที่ 7 อำเภอ 73 ตำบล 506 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 10,649 ครัวเรือน 39,615 คน สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้วอยู่ในระหว่างฟื้นฟูทั้ง 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองอ่างทอง ป่าโมก ไชโย วิเศษชัยชาญ โพธิ์ทอง สามโก้ และแสวงหา สุพรรณบุรี น้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ 67 ตำบล 478 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 103,110 ครัวเรือน 263,764 คน ระดับน้ำลดลงที่อำเภอเมืองสุพรรณบุรี ระดับน้ำทรงตัว 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางปลาม้า และสองพี่น้อง สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้วอยู่ในระหว่างฟื้นฟู 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสามชุก และอู่ทอง พระนครศรีอยุธยา น้ำท่วมในพื้นที่ 13 อำเภอ 160 ตำบล 1,074 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 101,877 ครัวเรือน 322,189 คน ระดับน้ำลดลงทั้ง13 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองพระนครศรีอยุธยา บางไทร มหาราช ผักไห่ บางบาล เสนา บางปะอิน อุทัย บางปะหัน นครหลวง บ้านแพรก ลาดบัวหลวง และบางซ้าย ลพบุรี น้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ 29 ตำบล 510 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 85,622 ครัวเรือน 196,872 คน สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้วอยู่ในระหว่างฟื้นฟูทั้ง 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองลพบุรี บ้านหมี่ และท่าวุ้ง สระบุรี น้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ 17 ตำบล 141 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 13,474 ครัวเรือน 42,234 คน พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย 101,319 ไร่ ระดับน้ำลดลง 2 อำเภอ ได้แก่ ดอนพุด และหนองโดน ส่วนที่อำเภอบ้านหมอสถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้วอยู่ในระหว่างฟื้นฟู นนทบุรี น้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ 52 ตำบล 128 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 15,027 ครัวเรือน 71,940 คน ระดับน้ำลดลงทั้ง 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองนนทบุรี ปากเกร็ด บางกรวย บางใหญ่ บางบัวทอง และไทรน้อย ปทุมธานี น้ำท่วมในพื้นที่ 7 อำเภอ 50 ตำบล 144 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 27,947 ครัวเรือน 111,788 คน ระดับน้ำลดลงทั้ง 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองปทุมธานี สามโคก ลาดหลุมแก้ว ธัญบุรี ลำลูกกา คลองหลวง และหนองเสือ สำหรับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตและสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดที่ประสบภัยได้ประสานความร่วมมือกับจังหวัด อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในพื้นที่ประสบภัย จัดส่งเรือท้องแบน 1,765 ลำ ถุงยังชีพ 388,418 ชุด เต๊นท์ที่พักอาศัย 1,608 หลัง รถผลิตน้ำดื่ม 17 คัน น้ำดื่ม 396,227 ขวด เครื่องสูบน้ำ 350 เครื่อง รถกู้ภัยทุกชนิดรวม 600 คัน รถไฟฟ้าส่องสว่าง 8 คัน กระสอบทราย 4,000,000 ใบ ยารักษาโรค 33,000 ชุด เครื่องนุ่งห่ม700 ชุด รถสุขา/สุขาเคลื่อนที่ 7,158 หลัง พร้อมเจ้าหน้าที่กว่า 1,600 คน สนับสนุนการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยด่วนแล้ว ตลอดจน จัดเจ้าหน้าที่เร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียกระทรวงการคลังฯ สุดท้ายนี้ หากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานและให้ความช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ