โยโกฮามารุกหนักกลยุทธ์ Motorsport Marketing มั่นใจตลาดยางสดใสปรับเป้าขายปีหน้า 4 แสนเส้น

ข่าวยานยนต์ Tuesday November 16, 2010 11:49 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--16 พ.ย.--โยโกฮามา ไทร์ เซลส์ โยโกฮามาเดินหน้ารุกกลยุทธ์การตลาด Motorsport Marketing สุดตัว อัดงบหนุนกีฬามอเตอร์สปอร์ตระดับประเทศ หวังสะท้อนสมรรถนะคุณสมบัติเด่นที่สุดแห่งเทคโนโลยียางรถยนต์ Hyperformance จากสนามแข่งสู่ท้องถนน เพื่อกระตุ้นการรับรู้ผู้บริโภค และเพิ่มยอดขาย มั่นใจจบปี 2553 จำหน่ายยางรถยนต์เฉียด 3 แสนเส้น หรือคิดเป็นมูลค่าร่วม 800 ล้านบาท เผยปีหน้าปรับยอดขายเพิ่มเป็น 4 แสนเส้น หรือเพิ่มขึ้นอีก 30% เร่งกรุยทางเพื่อก้าวขึ้นติดอันดับ 1 ใน 4 ผู้นำตลาดยางรถยนต์เมืองไทยต่อไป มร.ยาซูชิ อิอิดะ ประธานกรรมการ บริษัท โยโกฮามา ไทร์ เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ยางโยโกฮามายังคงเน้นการดำเนินกิจกรรมส่งเสริมการตลาด ด้วยการสนับสนุนกีฬามอเตอร์สปอร์ตในรายการต่างๆ ล่าสุดในการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ “Bangsaen Thailand Speed Festival 2010” จัดแข่งขันไปเมื่อวันที่ 12-14 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นครั้งที่สองที่ให้การสนับสนุนรายการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบระดับประเทศดังกล่าว ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มการรับรู้ต่อแบรนด์ “โยโกฮามา” ว่าเป็นยางรถยนต์ Hyperformance ที่ไม่ใช่เป็นเพียงยางรถยนต์ที่มีคุณสมบัติโดดเด่นในด้านสมรรถนะและประสิทธิภาพสูงเท่านั้น แต่เป็นยางที่ให้ความนุ่มนวล ความเงียบ อันเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความโดดเด่นของยางโยโกฮามาจากสนามแข่งสู่ท้องถนน ด้วยการส่งยางประเภท slick และ semi-slick ให้ทีมนักแข่งใช้ใส่ลงชิงชัยในรายการนี้ได้แก่ คุณณัฐวุฒิ เจริญสุขะวัฒนะและคุณณัฐพงษ์ ห่อทองคำ จากทีมโตโยต้า อาร์โต้, คุณพีท ทองเจือ ดารานักแข่งจากทีมปตท., Mr.Thomas Raldorf และ Mr.Tony Percy จากทีม เดอะพิซซ่า โยโกฮามา เรซซิ่งทีม, คุณสนธยา คุณปลื้ม อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาแห่งประเทศไทย ในนามทีม เดอะ ไทด์ รีสอร์ท และคุณเอกรัฐ ดิษฐ์เจริญ จากทีมเอ มอเตอร์ นอกจากนี้ยังสนับสนุนยางให้แก่นักแข่งชาวญี่ปุ่นคือ Mr.Takuma Aoki และ Mr.Nao Fukasawa เพื่อใช้แข่งขันในรายการ 555 Endurance Series ครั้งนี้ด้วย รวมถึงคุณศรานนท์ ภรณ์พัฒนารักษ์ แชมป์ดริฟต์รถของเมืองไทย เจ้าของฉายา “God Of Drift” โชว์ดริฟต์และขับแข่งขันในรายการนี้ด้วย พร้อมทั้งนำยางรถยนต์รุ่นต่างๆ ที่มีจำหน่ายในปัจจุบันมาออกบู๊ธและจัดกิจกรรมพิเศษ เพื่อโชว์เทคโนโลยีการผลิตและออกแบบยางรถยนต์โยโกฮามา รวมถึงให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้ยางรถยนต์แก่ผู้สนใจทั่วไปภายในบู๊ธ ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนทั่วไปและนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาชมการแข่งขันรถยนต์ในรายการนี้อย่างล้นหลาม “กิจกรรมนี้เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ส่งเสริมการตลาดของโยโกฮามา เพราะเราเห็นว่า “Bangsaen Thailand Speed Festival 2010” ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางในกลุ่มผู้รักกีฬาความเร็ว โดยโยโกฮามาใช้งบประมาณในส่วนนี้ค่อนข้างมากเกินกว่า 10 ล้านบาท และปีหน้าจะเพิ่มงบการตลาดในส่วนนี้อีก ทั้งนี้ เพื่อสร้างการรับรู้ต่อผลิตภัณฑ์และสะท้อนให้เห็นถึงสมรรถนะอันโดดเด่นของยางโยโกฮามา” มร.ยาซูชิ อิอิดะ กล่าวว่า ร่วมสองปีที่โยโกฮามาเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอย่างเต็มตัว ปัจจุบันมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ 10% โดยภาพรวมตลาดยางของบริษัทในปี 2553 ได้ตั้งเป้าจำหน่ายไว้สูงมาก คือเกือบ 3 แสนเส้น หรือราว 800 ล้านบาท มากกว่าปี 2552 ร่วม 30% “เป้าหมายยอดจำหน่ายเกือบ 3 แสนเส้นในปีนี้ เป็นยางรถยนต์ในตลาดยางทดแทนทั้งหมด ไม่รวมยางในตลาด OEM โดยเมื่อจบไตรมาส 3 ปี 2553 ที่ผ่านมา (มกราคม-กันยายน) สามารถทำยอดจำหน่ายได้แล้วร่วม 2 แสนเส้น และมั่นใจว่าในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้จะสามารถบรรลุถึงเป้าหมายยอดขายจำนวนเกือบ 3 แสนเส้นได้อย่างแน่นอน ส่วนปีหน้าจะปรับยอดขายเพิ่มเป็น 4 แสนเส้น หรือเพิ่มขึ้นอีก 30% ของยอดขายรวมทั้งปีของปี 2553” “จากเป้าหมายการตลาดที่กำหนดไว้นี้มั่นใจว่า ในไม่ช้าโยโกฮามาจะก้าวขึ้นเป็นอันดับ 4 ในตลาดยางรถยนต์เมืองไทย แม้จะเป็นเรื่องที่ยากยิ่งก็ตาม เนื่องจากคู่แข่งของเราเข้ามาทำตลาดในเมืองไทยนานหลายสิบปี ขณะที่เราเพิ่งเข้ามาได้เพียงแค่ 2 ปี นับเป็นสิ่งที่ท้าทายความสามารถเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เรามองว่า ก่อนที่จะเพิ่มยอดขายให้สูงขึ้นนั้น เราควรเน้นเรื่องคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ดีมีคุณภาพ และสามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างสูงสุดเสียก่อน เมื่อทำตรงนี้ได้สำเร็จ แน่นอนว่ายอดขายจะมีตามมา ซึ่งยางทุกรุ่นของโยโกฮามานั้นมีจุดเด่นในเรื่องของสมรรถนะที่ดีเยี่ยมในทุกๆ ด้านอยู่แล้ว” มร.อิอิดะ กล่าวเพิ่มเติมว่า เป้าหมายสู่ความสำเร็จของยางโยโกฮามาในขั้นต่อไป เพื่อทำให้สามารถก้าวสู่อันดับ 4 ของตลาดยางรถยนต์เมืองไทยนั้น โยโกฮามาเตรียมรุกการทำตลาด OEM อย่างเข้มข้นมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันโยโกฮามาทำตลาดแบบ OEM กับบริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จำกัด ในรถยนต์รุ่นแลนด์เซอร์ อีเอ็กซ์ 1.8 1ลิตร และ 2.0 ลิตรเท่านั้น ส่วนผลกระทบจากยางพาราซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตยางรถยนต์มีการปรับราคาเพิ่มขึ้นนั้น มร.อิอิดะ กล่าวในท้ายสุดว่า ไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อยอดการจำหน่ายนัก “การปรับราคายางในปีนี้ปรับแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกเดือนเมษายน ล่าสุดในเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยปรับราคาขายเพิ่มขึ้นครั้งละ 5% ซึ่งไม่ได้ส่งผลกระทบต่อยอดจำหน่ายของโยโกฮามามากนัก เนื่องจากผู้ผลิตรายอื่นต่างก็ปรับราคาตามเช่นกัน” สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : ฝ่ายการตลาดบริษัท โยโกฮามา ไทร์ เซลส์ (ประเทศไทย) โทร.02-652-6996-7 หรือคุณเล็ก ที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ