โจนส์ แลง ลาซาลล์ เดินหน้าต่อ สนับสนุนแผนรัฐฯ ผลักดันให้กรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางฐานที่ตั้ง ROH คาดหากแผนสำเร็จ จะช่วยเพิ่มความต้องการในตลาดอาคารสำนักงาน

ข่าวทั่วไป Thursday November 18, 2010 16:25 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--18 พ.ย.--โจนส์ แลง ลาซาลล์ เพื่อสนับสนุนแผนของรัฐฯ ในการผลักดันให้กรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางฐานที่ตั้งสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคของบริษัทระหว่างประเทศ (Regional Operating Headquarters: ROH) เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ร่วมกับบริษัท ดีแอลเอ ไปเปอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้จัดงานเสวนาทางธุรกิจในหัวข้อเรื่อง "กรุงเทพฯ มีศักยภาพเพียงใดที่จะเป็นศูนย์กลางฐานที่ตั้งสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคของบริษัทระหว่างประเทศ" โดยมี ฯพณฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ เป็นประธานกล่าวเปิดงาน นอกจากนี้ โจนส์ แลง ลาซาลล์ ยังได้ตีพิมพ์บทความวิเคราะห์แผนของรัฐบาลไทยในการผลักดันให้กรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางฐานที่ตั้งสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคของบริษัทระหว่างประเทศ ในนิตยสาร SQM ฉบับล่าสุด ซึ่งเป็นนิตยสารรายไตรมาสที่บริษัทฯ จัดทำและเผยแพร่ใน 11 ประเทศของเอเชีย ต่อไปนี้ เป็นส่วนหนึ่งของบทความดังกล่าว ไทยหวังให้บริษัทระหว่างประเทศเลือกกรุงเทพฯ เป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาค รัฐบาลไทยตั้งเป้าให้กรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางฐานที่ตั้งสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาค (Regional Operating Headquarters: ROH) ของบริษัทระหว่างประเทศ ด้วยการประกาศแผนการเสนอมาตรการจูงใจ แข่งกับศูนย์กลางใหญ่ในภูมิภาคปัจจุบัน เช่น ฮ่องกงและสิงคโปร์ ทั้งนี้ ตัวแทนจากภาครัฐฯ ของไทย ระบุว่า มาตรการแรงจูงใจต่างๆ ที่รัฐฯ นำเสนอ จะเป็นมาตรการที่น่าดึงดูดใจมากที่สุดในภูมิภาคนี้ ไม่ว่าจะเป็นการงดหรือลดอัตราภาษีเงินได้ขององค์กรและภาษีเงินได้ของพนักงานชาวต่างชาติที่ทำงานใน ROH นางสุพินท์ มีชูชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ (ประเทศไทย) จำกัด เชื่อว่า นโยบายใหม่ของรัฐบาลในส่วนนี้ จะช่วยผลักดันความต้องการในตลาดอาคารสำนักงานของกรุงเทพฯ ให้ขยายตัวเพิ่มขึ้น พร้อมระบุว่า กรงุเทพฯ มีจุดแข็งในหลายๆ ด้านสำหรับรองรับ ROH อาทิ ระบบสาธารณูปโภคขึ้นพื้นฐานที่ได้รับการปรับปรุงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และจำนวนทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพที่มีเพิ่มขึ้นมากจากอดีต นอกจากนี้ กรุงเทพฯ ยังเป็นสามารถรองรับการอยู่อาศัยของครอบครัวผู้บริหารชาวต่างชาติของบริษัทที่เข้ามาตั้งสำนักงาน ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นที่พักอาศัยที่มีคุณภาพ สถานพยาบาล และสถานศึกษาสำหรับบุตรหลาน ในขณะเดียวกัน เป็นที่ชัดเจนว่า กรุงเทพฯ เป็นหนึ่งในเมืองที่มีค่าเช่าสำนักงานถูกที่สุดในเอเชีย โดยค่าเช่าเฉลี่ยสำหรับอยู่ที่ประมาณ16.3 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตารางเมตรต่อเดือน ซึ่งถูกกว่าค่าเช่าสำนักงานในสิงคโปร์ (56 ดอลลาร์) และฮ่องกง (69 ดอลลาร์) มาก หรือแม้เมื่อเทียบกับค่าเช่าในเมืองที่กำลังพัฒนาด้วยกัน กรุงเทพฯ ยังคงมีความได้เปรียบกว่าในแง่ของต้นทุนค่าเช่า เช่น ค่าเช่าสำนักงานในปักกิ่งเฉลี่ยอยู่ที่ 40.5 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตารางเมตรต่อเดือน ส่วนที่เซี่ยงไฮ้ ค่าเช่าอยู่ที่ 46.5 ดอลลาร์สหรัฐฯ นอกจากนี้ กรุงเทพฯ ยังมีอาคารสำนักงานให้เลือกอย่างหลากหลาย ทั้งในแง่ของคุณภาพและทำเล นายแดน ตันติสุนทร ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย โจนส์ แลง ลาซาลล์ กล่าวว่า ปัจจุบัน กรุงเทพฯ มีอาคารสำนักงานคิดเป็นพื้นที่รวมกันทั้งสิ้นราว 8 ล้านตารางเมตร เป็นอาคารสำนักงานเกรดเอราว 2.6 ล้านตารางเมตร ซึ่งในจำนวนนี้ ราวกึ่งหนึ่งตั้งอยู่ในเขตศูนย์กลางธุรกิจ (ซีบีดี) นายแดนยังกล่าวด้วยว่า ทั่วกรุงเทพฯ มีพื้นที่อาคารสำนักงานที่ยังว่างเหลือเช่าอยู่ประมาณ 17% หรือราว 1.3 ล้านตารางเมตร ในขณะที่แผนการผลักดันให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางฐานที่ตั้ง ROH จะครอบคลุมประเทศไทยทั้งหมด แต่ผลที่จะเกิดขึ้นตามมาส่วนใหญ่จะมีต่อกรุงเทพฯ ซึ่งมีจีดีพี คิดเป็นกว่า 45% ของจีดีพีทั้งประเทศ นอกจากนี้ กรุงเทพฯ ยังเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจของประเทศไทย รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ล้อมรอบ แน่นอนว่า กรุงเทพฯ ต้องแข่งขันกับบางเมืองในการแย่งชิงบริษัทระหว่างประเทศให้เข้ามาตั้ง ROH อาทิ สิงคโปร์และฮ่องกง ซึ่งล้วนแต่พยายามชูจุดแข็งจากการที่มีระบบสาธารณูปโภคที่เพียบพร้อมมากกว่า และคงจะไม่ยอมปล่อยให้เมืองอื่นๆ ก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลาง ROH แทนได้โดยง่าย จุดแข็งของกรุงเทพฯ น่าจะอยู่ที่การเป็นทำเลที่ตั้งสำนักงานที่มีต้นทุนต่ำกว่า มาตรการแรงจูงใจใหม่จากภาครัฐฯ จะทำให้กรุงเทพฯ มีความน่าสนใจมากขึ้นสำหรับบริษัทระหว่างประเทศที่มี ROH ในเมืองที่มีต้นทุนสูงกว่าดังเช่น ฮ่องกงและสิงคโปร์ในขณะนี้ นอกจากความได้เปรียบในเรื่องของต้นทุนแล้ว ประเทศไทยยังมีข้อได้เปรียบจากการมีที่ตั้งอยู่ในศูนย์กลางของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งทำให้มีโอกาสค่อนข้างมากในการแข่งขันดึงดูดให้บริษัทระหว่างประเทศเข้ามาตั้ง ROH มีเพียงเรื่องการเมืองที่ยังคงเป็นประเด็น ทั้งนี้ หากสถานการณ์ทางการเมืองของไทยมีเสถียรภาพ แผนการผลักดันให้กรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางฐานที่ตั้ง ROH จะมีโอกาสสูงที่จะประสบความสำเร็จ ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ วินัย ใจทน 02 624 6540 winai.jaiton@ap.jll.com www.joneslanglasalle.co.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ