ปภ. รายงานสถานการณ์อุทกภัยทั่วประเทศ 51 จังหวัด ฟื้นฟู 35 จังหวัด ยังมีสถานการณ์ใน 16 จังหวัด 78 อำเภอ ผู้เสียชีวิตรวม 232 ราย ณ วันที่ 19 พ.ย. 53

ข่าวทั่วไป Friday November 19, 2010 17:39 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--19 พ.ย.--ปภ. กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสถานการณ์อุทกภัยรวม 51 จังหวัด คลี่คลายแล้วและอยู่ระหว่างการฟื้นฟู 35 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์ใน 16 จังหวัด 78 อำเภอ 608 ตำบล 4,569 หมู่บ้าน 367,264 ครัวเรือน 1,193,958 คน ผู้เสียชีวิต 232 ราย แยกเป็น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 6 จังหวัด ได้แก่ ศรีสะเกษ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มหาสารคาม อุบลราชธานี และร้อยเอ็ด ภาคกลาง 6 จังหวัด ได้แก่ ชัยนาท สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี นนทบุรี และปทุมธานี ภาคใต้ 4 จังหวัด ได้แก่ สงขลา สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และพัทลุง นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวถึง สถานการณ์อุทกภัยระหว่างวันที่10 ตุลาคม — ปัจจุบัน ว่ามีพื้นที่ประสบภัยรวม 51 จังหวัด 546 อำเภอ 3,877 ตำบล 31,176 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 2,523,608 ครัวเรือน 8,663,221 คน คลี่คลายแล้ว 35 จังหวัด ขณะนี้ทั่วประเทศยังคงมีพื้นที่ประสบภัย 16 จังหวัด 78 อำเภอ 608 ตำบล 4,569 หมู่บ้าน 367,264 ครัวเรือน 1,193,958 คน ผู้เสียชีวิต 232 ราย ดังนี้ - ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง มีพื้นที่ประสบภัย รวม 39 จังหวัด 413 อำเภอ 3,021 ตำบล 25,725 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 1,975,350 ครัวเรือน 6,930,748 คน ขณะนี้สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้วอยู่ในระหว่างการฟื้นฟู 27 จังหวัด ได้แก่ พิจิตร เพชรบูรณ์ ระยอง จันทบุรี ตราด ตาก ชลบุรี ลำพูน เชียงใหม่ สระแก้ว นครนายก กำแพงเพชร พิษณุโลก หนองบัวลำภู ปราจีนบุรี สมุทรปราการ นครปฐม อุทัยธานี บุรีรัมย์ ฉะเชิงเทรา อ่างทอง ชัยภูมินครสวรรค์ นครราชสีมา ลพบุรี สิงห์บุรี และสุรินทร์ ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 12 จังหวัด 41 อำเภอ 334 ตำบล 2,157 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 185,925 ครัวเรือน 620,921 คน พื้นที่การเกษตรที่คาดว่าจะเสียหาย 6,316,156 ไร่ ผู้เสียชีวิต 156 ราย แยกเป็น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 6 จังหวัด ได้แก่ ศรีสะเกษ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มหาสารคาม อุบลราชธานี และร้อยเอ็ด ภาคกลาง 6 จังหวัด ได้แก่ ชัยนาท สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี นนทบุรี และปทุมธานี - ภาคใต้ มีพื้นที่ประสบภัยรวม 12 จังหวัด 133 อำเภอ 856 ตำบล 5,991 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 548,258 ครัวเรือน 1,732,473 คน ขณะนี้สถานการณ์คลี่คลายแล้วอยู่ในระหว่างการฟื้นฟู 8 จังหวัด ได้แก่ สตูล นราธิวาส ยะลา กระบี่ ชุมพร ระนอง ปัตตานี และตรัง ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 4 จังหวัด 37 อำเภอ 274 ตำบล 2,412 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 181,339 ครัวเรือน 573,037 คน ผู้เสียชีวิต 76 ราย ได้แก่ สงขลา สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และพัทลุง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 6 จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น น้ำท่วมในพื้นที่อำเภออุบลรัตน์ 4 ตำบล 32 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 211 ครัวเรือน 1,017 คน กาฬสินธุ์ น้ำในแม่น้ำชีเอ่อล้นตลิ่งท่วมพื้นที่ 2 อำเภอ 3 ตำบล 11 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 48 ครัวเรือน 166 คน พื้นที่การเกษตรที่คาดว่าจะเสียหาย 43,964 ไร่ ได้แก่ อำเภอฆ้องชัย และกมลาไสย มหาสารคาม น้ำในแม่น้ำชีเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ 3 อำเภอ 30 ตำบล 407 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 17,726 ครัวเรือน 42,528 คน ได้แก่ อำเภอเมืองมหาสารคาม โกสุมพิสัย และกันทรวิชัย ร้อยเอ็ด น้ำในแม่น้ำมูลและแม่น้ำชีเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ 3 อำเภอ 8 ตำบล 34 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 905 ครัวเรือน 2,738 คน พื้นที่การเกษตรคาดว่าจะได้รับความเสียหาย 39,822.50 ไร่ ได้แก่ อำเภอจังหาร โพนทราย และเชียงขวัญ ศรีสะเกษ น้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ 22 ตำบล 96 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 9,271 ครัวเรือน 40,672 คน ได้แก่ อำเภอราศีไศล กันทรารมย์ ศิลาลาด บึงบูรพ์ และยางชุมน้อย อุบลราชธานี น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ 2 เทศบาล 29 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 1,610 ครัวเรือน 5,373 คน ได้แก่ อำเภอเมืองอุบลราชธานี และวารินชำราบ ภาคกลาง 6 จังหวัด ได้แก่ ชัยนาท น้ำท่วมในพื้นที่อำเภอเมืองชัยนาท 2 ตำบล 4 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 566 ครัวเรือน 1,698 คน พื้นที่การเกษตรคาดว่าจะได้รับความเสียหาย 114,768 ไร่ สุพรรณบุรี น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ 28 ตำบล 264 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 21,300 ครัวเรือน 63,900 คน ได้แก่ อำเภอบางปลาม้า และสองพี่น้อง พระนครศรีอยุธยา น้ำท่วมในพื้นที่ 13 อำเภอ 160 ตำบล 1,074 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 101,877 ครัวเรือน322,189 คน ได้แก่ อำเภอเมืองพระนครศรีอยุธยา บางไทร มหาราช ผักไห่ บางบาล เสนา บางปะอิน อุทัย บางปะหัน นครหลวง บ้านแพรก ลาดบัวหลวง และบางซ้าย สระบุรี น้ำท่วมในพื้นที่อำเภอดอนพุด 4 ตำบล 28 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 1,884 ครัวเรือน 6,700 คน พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย 101,319 ไร่ ปทุมธานี น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ 19 ตำบล 2 เทศบาล 50 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 15,500 ครัวเรือน 62,000 คน ได้แก่ อำเภอเมืองปทุมธานี และสามโคก นนทบุรี น้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ 52 ตำบล 128 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 15,027 ครัวเรือน 71,940 คน ได้แก่ อำเภอเมืองนนทบุรี ปากเกร็ด บางกรวย บางใหญ่ บางบัวทอง และไทรน้อย ภาคใต้ 4 จังหวัด ได้แก่ สงขลา น้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ 42 ตำบล 309 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 47,320 ครัวเรือน 144,841 คน พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย 202,499 ไร่ ได้แก่ อำเภอควนเนียง สทิงพระ ระโนด สิงหนคร และกระแสสินธุ์ สุราษฎร์ธานี น้ำท่วมพื้นที่ 9 อำเภอ 61 ตำบล 446 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 32,850 ครัวเรือน 107,254 คน ได้แก่ อำเภอเคียนซา พุนพิน วิภาวดี พระแสง ท่าฉาง บ้านนาสาร ไชยา บ้านนาเดิม และท่าชนะ นครศรีธรรมราช น้ำท่วมพื้นที่ 18 อำเภอ 131 ตำบล 1,227 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 71,727 ครัวเรือน 226,316 คน ได้แก่ อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช หัวไทร ลานสกา สิชล พิปูน ชะอวด ขนอม นบพิตำ ร่อนพิบูลย์ จุฬาลงกรณ์ ท่าศาลาถ้ำพรรณรา ช้างกลาง ปากพนัง พระพรหม พรหมคีรี เชียรใหญ่ และเฉลิมพระเกียรติ พัทลุง น้ำท่วมพื้นที่ 5 อำเภอ 40 ตำบล 430 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 29,442 ครัวเรือน 94,626 คน พื้นที่การเกษตรคาดว่าได้รับความเสียหาย 482,330 ไร่ ได้แก่ อำเภอเมืองพัทลุง เขาชัยสน ควนขนุน ปากพะยูน และบางแก้ว สำหรับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตและสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดที่ประสบภัยได้ประสานความร่วมมือกับจังหวัด อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ประสบภัย จัดส่งเรือท้องแบนกว่า 2,000 ลำ ถุงยังชีพกว่า 500,000 ชุด เต๊นท์ที่พักอาศัยกว่า 4,600 หลัง รถผลิตน้ำดื่ม 17 คัน น้ำดื่มกว่า 400,000 ขวด เครื่องสูบน้ำกว่า 400 เครื่อง รถกู้ภัยทุกชนิดรวมกว่า 700 คัน รถไฟฟ้าส่องสว่าง 15 คัน กระสอบทรายกว่า 4,120,000 ใบ ยารักษาโรค 33,000 ชุด เครื่องนุ่งห่ม 700 ชุด รถสุขา/สุขาเคลื่อนที่ 7,158 หลัง พร้อมเจ้าหน้าที่กว่า 2,800 คน สนับสนุนการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยด่วนแล้ว ตลอดจน จัดเจ้าหน้าที่เร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อเร่งจ่ายเงินชดเชยและให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียกระทรวงการคลังฯ สุดท้ายนี้ หากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานและให้ความช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ