พม. ผนึกพลังสังคม ร่วมจัดกิจกรรมวันรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ๕๓

ข่าวทั่วไป Monday November 22, 2010 10:11 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--22 พ.ย.--พม. - ระดมจัดกิจกรรมต่อเนื่อง หนุนปีแห่งการรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัว- กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เดินหน้ารณรงค์ “รวมพลังภาครัฐและเอกชน” ต่อต้านความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัว เนื่องในวันรณรงค์ยุติ ความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ประจำปี ๒๕๕๓ ในวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ศกนี้ เพื่อลดสถิติความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง หลังจัดกิจกรรมเพื่อสร้างความตระหนัก พร้อมช่วยแก้ปัญหาอย่างเต็มพิกัดตั้งแต่ ต้นปี เนื่องในปีแห่งการรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัว เชื่อมั่นสังคมไทยพร้อมร่วมมือ นายอิสสระ สมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ พม. ได้ให้ความสำคัญที่จะแก้ไขปัญหาและลดสถิติการเกิดความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และ ความรุนแรงในครอบครัวอย่างต่อเนื่องนั้น ตามมติและนโยบายที่รัฐบาลได้มอบให้ พบว่า มีการตอบรับจากกระแสสังคมเพิ่มขึ้นในทุกปี แต่ก็ยังต้องเดินหน้าจัดกิจกรรมรณรงค์เพื่อยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และ ความรุนแรงในครอบครัวต่อไป เพื่อให้สังคมไทยในทุกภาคส่วนเกิดความตระหนักถึงปัญหาและผลที่เกิดขึ้นจากความรุนแรงดังกล่าว จนนำไปสู่การร่วมมือกันยุติปัญหาอย่างมีประสิทธิผล ทั้งนี้ ล่าสุดจากผลสำรวจของศูนย์ พึ่งได้ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในปี ๒๕๕๒ พบว่า มีความรุนแรงเกิดขึ้นกว่า 20,000 ราย โดยส่วนใหญ่ กว่า 70% เป็นความรุนแรงในครอบครัว และมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นทุกปี ซึ่งปัญหาดังกล่าวนอกจากจะเกิดจากการเลียนแบบจากสื่อแล้ว ยังเกิดจากการปลูกฝังผ่านครอบครัว ตลอดจนสิ่งแวดล้อมอื่นๆ ด้วย “ปัจจุบันสังคมไทยกำลังเผชิญกับปัญหาความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัว ซึ่งเป็นผลมาจากความเครียดทางสังคมที่เปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ซึ่งปัญหาดังกล่าวได้ส่งผลต่อการพัฒนาประเทศอย่างชัดเจน โดยในแต่ละปีประเทศไทยต้องสูญเสียงบประมาณกว่า ๓๖,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อใช้ในการรักษาพยาบาล และ ใช้เป็นค่าชดเชยรายได้ของผู้ที่ถูกกระทำความรุนแรงดังกล่าว” นายอิสสระ สมชัย กล่าว ทั้งนี้ ปี ๒๕๕๓ ถูกกำหนดให้เป็นปีแห่งการขับเคลื่อนด้านการรณรงค์เพื่อยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และ ความรุนแรงในครอบครัวอย่างจริงจัง โดยภารกิจหลักที่สำคัญประการหนึ่งของ พม. คือการขับเคลื่อนพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ ไปสู่การบังคับใช้อย่างจริงจัง โดยปัจจุบัน พม. ได้จัดให้มีศูนย์ประชาบดี โทร. ๑๓๐๐ เพื่อรับแจ้งเหตุความรุนแรงต่างๆ ตลอด ๒๔ ชั่วโมง ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ รวมทั้งยังมีช่องทางอื่นๆ ซึ่งจัดขึ้นภายใต้ความร่วมมือของทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อร่วมสร้างความตื่นตัวและช่วยกันแก้ไขปัญหาดังกล่าว ตลอดปี ๒๕๕๓ นับแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พม. ได้ระดมจัดกิจกรรมเพื่อกระตุ้นให้คนไทยตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งก่อให้เกิดการสร้างกระแสสังคมที่แสดงให้เห็นว่า ความรุนแรงในครอบครัว ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวอีกต่อไป และต้องร่วมกันเป็นพลังในการยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัว ซึ่งมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นต่อไปในอนาคต จากสถิติพบว่า ปี ๒๕๕๑ มีเด็กและสตรีที่ได้รับความรุนแรงเข้ารับการรักษาพยาบาลจำนวนมากกว่า ๒๖,๐๐๐ ราย เฉลี่ย ๗๓ รายต่อวัน นั่นหมายความว่า ในทุกๆ ๒๐ นาที จะมีเด็กหรือสตรีถูกทำร้าย ๑ คน “พม. ในฐานะกระทรวงผู้รับผิดชอบดำเนินการรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัว ประจำปี ๒๕๕๓ ในวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน เวลา ๑๓.๐๐ น. เป็นต้นไป ณ รอยัลพารากอนฮอลล์ ๑ และ ๓ ชั้น ๕ ศูนย์การค้าสยามพารากอน ภายใต้แนวคิด Net Work Of Men Leaders โดยภายในงานได้มีการจัดกิจกรรม อาทิ นิทรรศการจากหน่วยงานภาคีเครือข่าย ที่น่าสนใจมากมาย จึงขอเชิญประชาชนผู้สนใจ ร่วมในกิจกรรมครั้งนี้ เพื่อร่วมแสดงความเป็นหนึ่งในการแสดงพลังยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัว ยิ่งไปกว่านั้น ยังถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จเป็นองค์ประธานในพิธีจัดกิจกรรมรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัว ประจำปี ๒๕๕๓ ในครั้งนี้ด้วย ซึ่งนับเป็นศูนย์รวมพลังของปวงชนชาวไทยในการร่วมยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัว” นายอิสสระ สมชัย กล่าวสรุป สื่อมวลชนสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: คุณจาจิญา เพ็งพันธ์ หรือ คุณชวิสรา สัมฤทธิ์นรพงศ์ ฝ่ายประชาสัมพันธ์โครงการยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัว โทรศัพท์ ๐๒-๙๕๑-๙๑๑๙

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ