มูลนิธิตลาดหลักทรัพย์ฯ สนับสนุน 6 องค์กรและ 6 บุคคลผู้ทำความดีเพื่อสังคมประจำปี 2553

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday November 23, 2010 13:40 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--23 พ.ย.--ตลท. มูลนิธิตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยส่งเสริมการทำความดีเพื่อสังคม มอบรางวัลโครงการเชิดชูผู้ทำความดีเพื่อสังคม ประจำปี 2553 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 มอบทุน 12 ล้านบาทแก่ 6 องค์กร พร้อมเชิดชู 6 ผู้ทำความดีที่ทำประโยชน์ต่อสังคม เพื่อสร้างกำลังใจแก่ผู้ทำความดี และเพื่อต่อยอดความดีเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมในวงกว้างมากขึ้น นายสมพล เกียรติไพบูลย์ ประธานกรรมการ มูลนิธิตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า มูลนิธิตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มอบรางวัลเชิดชูเกียรติแก่องค์กรและผู้ทำความดีประจำปี 2553 ในโครงการเชิดชูผู้ทำความดีเพื่อสังคม หนึ่งในโครงการเพื่อสังคม ที่ ให้การสนับสนุนมาตลอดระยะเวลา 4 ปี ตั้งแต่ปี 2550 โดยมอบทุนสนับสนุนรวม 12 ล้านบาทแก่ 6 องค์กร ที่มีผลงานการทำประโยชน์เพื่อสังคมอย่างต่อเนื่องในสาขาต่าง ๆ องค์กรละ 2 ล้านบาท ได้แก่ มูลนิธิศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย ในสาขาการพัฒนาการศึกษา สมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทยฯ ในสาขาการพัฒนาห้องสมุด สถาบันวิมุตตยาลัย ในสาขาการพัฒนาสังคมเมือง สมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน ในสาขาการพัฒนาสังคมชนบท มูลนิธิอาจารย์สุกรี เจริญสุข ในสาขาการส่งเสริมดนตรี และสมาคมประวัติศาสตร์ฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในสาขาการส่งเสริมกีฬา ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมการทำงานที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมของทั้ง 6 องค์กรดังกล่าวให้ขยายประโยชน์ต่อสังคมในวงกว้างมากขึ้น นอกจากนี้ ทั้ง 6 องค์กร ได้คัดเลือกบุคคลผู้ทำความดีและมีผลงานเป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณชน ใน 6 สาขาที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การทำงานของแต่ละองค์กร เพื่อรับรางวัลผู้ทำความดีเพื่อสังคม และรับทุนสนับสนุนจากมูลนิธิตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อส่งเสริมการทำงานเพื่อสังคมของผู้ทำความดีให้ขยายผลในวงกว้างมากขึ้น โดยในปีนี้ผู้ทำความดีสาขาต่าง ๆ ได้แก่ สาขาการพัฒนาการศึกษา ผู้รับรางวัลศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย โดยการพิจารณาของ มูลนิธิศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย ได้แก่ ร.ต.อ.กิตติคุณ ช่างเขียน ครูใหญ่ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน เทคนิคดุสิต จ.เชียงราย ผู้อุทิศเวลา แรงกาย แรงใจ กำลังทรัพย์และสติปัญญาเพื่อช่วยเหลือพัฒนาเด็กนักเรียน และเพื่อประโยชน์ของหน่วยงานตำรวจตระเวนชายแดน โดยริเริ่ม “โครงการสานฝันสร้างสรรค์อนาคตเด็กไทย ” ส่งเสริมนักเรียนที่มีผลการเรียนดี ประพฤติดีแต่ ฐานะยากจน ให้ได้เข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี โดยมุ่งหวังให้นักเรียนที่สำเร็จการศึกษา นำความรู้กลับไปพัฒนาท้องถิ่นของตนเอง และอีกบทบาทคือการส่งเสริมให้ประชาชนในชุมชนปลูกยางพาราในพื้นที่ไร่ข้าวโพดเพื่อเป็นรายได้เสริม เพื่อลดการทำลายและเผาป่าในพื้นที่ จึงเกิดพื้นที่สีเขียวเพิ่มขึ้นจำนวนมาก สาขาการพัฒนาห้องสมุด ผู้รับรางวัลศาสตราจารย์คุณหญิงแม้นมาส ชวลิต โดยการพิจารณาของสมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทยฯ ได้แก่ นางจินัฐดา ชูช่วย ครูบรรณารักษ์โรงเรียนสตูลวิทยา จ.สตูล ผู้มีผลงานด้านการพัฒนาห้องสมุดอย่างต่อเนื่องในฐานะผู้ริเริ่มนำนวัตกรรม E -Library มาใช้พัฒนาห้องสมุดจนได้รับการยอมรับ และเป็นต้นแบบให้แก่ห้องสมุดแห่งอื่น ๆ ในจังหวัดสตูลและจังหวัดใกล้เคียง นอกจากนี้ยังเป็นพี่เลี้ยงในการช่วยเหลือโรงเรียนประถมที่ขาดแคลนครูบรรณารักษ์ และให้ความรู้ในการบริหารจัดการห้องสมุดอีกด้วย สาขาการพัฒนาสังคมเมือง ผู้รับรางวัลอิสรเมธี โดยการพิจารณาของสถาบันวิมุตตยาลัย ได้แก่ นายสืบ นาคะเสถียร นักวิชาการและนักอนุรักษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ผู้ที่เรียกร้องให้สังคมและราชการหันมาสนใจปัญหาการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ อย่างจริงจัง จึงทุ่มเทเขียนรายงานนำเสนอยูเนสโก เพื่อพิจารณาให้ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรและห้วยขาแข้งเป็นมรดกโลก หลังการจากไป ผู้ใหญ่และผองเพื่อนนักอนุรักษ์ ได้ร่วมกันก่อตั้งมูลนิธิสืบ นาคะเสถียรขึ้น เพื่อสืบทอดเจตนารมณ์ในการพิทักษ์และป้องกันการทำลายป่า แนวคิดการอนุรักษ์ป่าและการทุ่มเทเสียสละนี้ ได้สะท้อนให้เห็นว่า การอนุรักษ์ป่าก็คือการรักษาสังคมเมืองนั่นเอง เพราะหากไม่มีป่าไม้ เมืองก็ย่อมไม่สามารถคงอยู่ได้ สาขาการพัฒนาสังคมชนบท ผู้รับรางวัลมีชัย วีระไวทยะ โดยการพิจารณาของสมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน ได้แก่ พระสุบิน ปณีโต ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม อ.เมือง จ. ตราด ผู้ก่อตั้งกลุ่มสัจจะสะสมทรัพย์ เพื่อส่งเสริมการออมและสร้างความเข้มแข็งด้านเศรษฐกิจ และพัฒนาคุณธรรมครบวงจรชีวิตในหมู่บ้าน ชุมชน ซึ่งดำเนินการมาแล้วเกือบ 20ปี โดยใช้เงินกองทุน เพื่อแก้ปัญหาหนี้สินทั้งในและนอกระระบบ ช่วยเหลือสมาชิกที่มีปัญหาถูกยึดที่ดิน บ้าน โดยการช่วยไถ่ถอน และซื้อที่ดินเพื่อเตรียมช่วยเหลือผู้ที่ไม่มีที่พักอาศัย และที่ทำกิน ซึ่งสร้างประโยชน์แก่สมาชิกกลุ่มถึง 62,542 คน ซึ่งเป็นประชาชนทั่วไปในชุมชนจังหวัดตราด และเครือข่ายต่างจังหวัดใน 42 จังหวัด โดยปัจจุบันกลุ่มสัจจะสะสมทรัพย์ มีเงินออมสมาชิกหมุนเวียนกว่า 736 ล้านบาท สาขาการส่งเสริมการดนตรี ผู้รับรางวัลสุกรี เจริญสุข โดยการพิจารณาของมูลนิธิอาจารย์สุกรี เจริญสุข ได้แก่ นายสุจิตต์ วงษ์เทศ กวี นักหนังสือพิมพ์ นักวิชาการ และศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ (กวีนิพนธ์) ผู้มีความรู้ความสามารถ และสั่งสมประสบการณ์สร้างสรรค์พัฒนาและถ่ายทอดผลงานที่เป็นศิลปะด้านดนตรีอย่างต่อเนื่องเป็นที่ยอมรับและประจักษ์แก่สังคมส่วนรวม ในเรื่องเพลงดนตรีทั้งเครื่องสาย มโหรี ปี่พาทย์ รวมถึงโขนละครฟ้อนรำ เป็นแรงบันดาลใจให้ผลิตสื่อสิ่งพิมพ์วิชาการเกี่ยวกับเรื่องเพลงดนตรี และสร้างสรรค์บทเพลงที่มีเนื้อหาแตกต่างจากขนบจารีตเดิมออกมาสู่สังคมอีกเป็นจำนวนมาก โดยมีผลงานเพลงที่แต่งบทร้อง บันทึกด้วยทำนองดนตรีไทยและดนตรีสากลจำนวนกว่า 90 เพลง สาขาการส่งเสริมกีฬา ผู้รับรางวัลพลตรีสำเริง ไชยยงค์ โดยการพิจารณาของสมาคมประวัติศาสตร์ฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้แก่ นายรังสรรย์ ไพฑูรย์ ครูโรงเรียนสักงามวิทยา จ. กำแพงเพชร ครูพลานามัยดีเด่น ประจำปี 2541 ของ สพท.กำแพงเพชร เขต 2 และผู้ฝึกสอนกีฬาดีเด่น ประจำปี 2547 ของสมาคมกีฬาจังหวัดกำแพงเพชร ผู้มีใจรักการกีฬา จึงนำประสบการณ์สมัยเล่นฟุตบอล ทำการฝึกสอนให้แก่เยาวชนชายและหญิงในจังหวัดกำแพงเพชร ตั้งแต่ พ.ศ. 2539 จนถึงปัจจุบัน โดยใช้ทุนทรัพย์ส่วนตัว ทำให้นักฟุตบอลหญิง จำนวนกว่า 100 คน ได้พัฒนาการเล่นตั้งแต่ระดับเยาวชนและลงแข่งขันฟุตบอลตั้งแต่ระดับท้องถิ่น ภูมิภาค และกีฬาเยาวชนแห่งชาติ และได้รับการคัดเลือกให้ลงเล่นในนามทีมชาติไทย “โครงการเชิดชูผู้ทำความดีเพื่อสังคม โดยมูลนิธิตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มุ่งหวังที่จะยกย่องและส่งเสริมทั้งองค์กรและบุคคลผู้ทำความดี ให้มีกำลังใจที่จะทำความดีต่อไป รวมทั้งมุ่งหวังที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้มีผู้ทำความดีในสังคมเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้คุณภาพชีวิตในสังคมไทยดีขึ้น และในที่สุดย่อมส่งผลดีต่อประเทศโดยรวม” นายสมพลกล่าวสรุป สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. S-E-T Call Center 0-2229-2222

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ