3 องค์กรหลักสืบสาน นโยบายรัฐ จัดกิจกรรม “ASEAN Business Forum 2010”

ข่าวทั่วไป Wednesday November 24, 2010 14:00 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--24 พ.ย.--สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย 3 องค์กรหลักสืบสาน นโยบายรัฐ จัดกิจกรรม “ASEAN Business Forum 2010”รวมสุดยอดนักธุรกิจชั้นนำทั้งไทยและต่างประเทศ เตรียมความพร้อมภาคเอกชนของไทย ต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา TMA (สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย) ร่วมกับ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และ IOD (สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย) จัด การประชุมนักธุรกิจอาเซียน หรือ ASEAN Business Forum 2010 ในวันที่ 22 — 23 พฤศจิกายน 2553 ณ โรงแรมพลาซ่า แอทธินี กรุงเทพฯ สืบเนื่อง จากการจัดกิจกรรมการประชุมสุดยอดนักธุรกิจอาเซียนในปี 2552 ที่ผ่านมา ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง กับงานรวมตัวระหว่างนักธุรกิจภาคเอกชนของไทย รวมถึงประเทศในแถบภูมิภาคอาเซียนได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูล และเตรียมความพร้อมหลังจากการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนและประเทศคู่เจรจา เมื่อปี 2009 โดยประเด็นสำคัญหลักในการหารือกัน คือ เรื่องการเตรียมการสู่การเป็นประชาคม ASEAN ในปี ค.ศ. 2015 หรือปี พ.ศ. 2558 ซึ่งก็คือ 5 ปี นับจากนี้ไปจะเกิด ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ ASEAN Economic Community (AEC) ภายในงาน ประกอบไปด้วยการปาฐกถาและการเสวนาในหัวหลากหลายจากนักธุรกิจทั้งไทย และต่างชาติ โดย ฯพณฯนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงานกล่าวสุนทรพจน์ และได้รับเกียรติจากองค์ปาฐกถกพิเศษ อาทิ ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียน, คุณเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธาน TMA และประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) รวมถึงผู้บริหารจากองค์กรธุรกิจชั้นนำ ทั้งในและต่างประเทศ มีผู้ร่วมงานจากภาคธุรกิจร่วมรับฟังปาฐกถาและเสวนาตลอดทั้ง 2 วัน กว่า 500 คน ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียน ย้ำอนาคตอาเซียนสดใส หากภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการช่วยผลักดัน กระตุ้น ทั้งในเรื่องการเตรียมความพร้อม การพัฒนาบุคลากรรุ่นใหม่ให้ตอบรับการแข่งขัน รวมถึงการพัฒนาศักยภาพในระดับภูมิภาคของประเทศไทยไปสู่เป้าหมายในการเข้าสู่ตลาดอาเซียน อีก 5 ปีข้างหน้า โดยตลาดอาเซียนจะเป็นศูนย์กลางระหว่างสินค้าและบริการที่หลากหลาย แต่ละประเทศจะต้องลงทุนในเรื่องเทคโนโลยี การอำนวยความสะดวกในการลงทุน การพัฒนาด้านโลจิสติกส์ที่สามารถเชื่อมโยงกับภูมิภาค เพื่อให้ตลาดเปิดกว้างมากขึ้น ดังนั้น การพัฒนาและการลงทุนของภาคเอกชนทั้งในประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ในอาเซียน มีส่วนช่วยในการกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจ ทำให้บริษัทข้ามชาติต่างๆ ให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในอาเซียนมากยิ่งขึ้น ซึ่งผู้ประกอบการของไทยต้องยอมรับและเตรียมพร้อมการเข้ามาของเศรษฐกิจระดับภูมิภาค คุณดุสิต นนทะนาคร กรรมการ Broad of Trustees TMA และประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวปาฐกถา ถึงจุดยืนในการเตรียมความพร้อมของภาคเอกชน แนวทางที่ชัดเจนในการรองรับการเข้าสู่ตลาดอาเซียน โดยเฉพาะการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้สามารถก้าวสู่การแข่งขันอย่างมีประสิทธิภาพในภูมิภาค โดยดำเนินการในหลายๆ ด้าน เพื่อผลักดันให้ผู้ประกอบการให้รู้จักและเตรียมความพร้อมในการใช้ประโยชน์จากการที่อาเซียนจะเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(เออีซี)ในปี 2558 ที่จะเป็นตลาดและฐานการผลิตเดียวกัน ทั้งนี้การพัฒนาในเชิงลึกด้านการบริหารจัดการที่สอดคล้องกับธุรกิจตลาดการค้าภูมิภาค รวมทั้งภาคธุรกิจไทยต้องรู้ว่าขณะนี้เราอยู่ ณ จุดใดของการพัฒนา และช่วยกันวิเคราะห์หาแนวทางกำจัดอุปสรรคต่างๆ เพื่อใช้เป็นแนวทางต่อไป โดยภาพรวมของการจัดงาน ในช่วงเสวนา ได้รับเกียรติจากนักธุรกิจชั้นนำทั้งในและนอกประเทศกว่า 30 คนจาก 10 ประเทศ ต่างได้แสดงให้เห็นในสิ่งที่ประเทศไทยและประเทศในภูมิภาคอาเซียนควรตระหนัก คือ ความท้าทายของการรวมตลาดที่จะเกิดขึ้นในปี 2015 การนำมาปฏิบัติที่จะต้องแสดงจุดยืนที่มุ่งเน้นในการพัฒนาร่วมกัน ทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาค นอกจากนี้ ก็ยังมีประเด็นที่จะต้องร่วมมือกันคือเรื่องของกำแพงภาษี และการชักชวนทุกภาคธุรกิจและชาติสมาชิกเข้าร่วมเตรียมพร้อมรับมือ อาทิ การสร้างระบบขนส่งทางราง และ โครงข่ายการเชื่อมต่อโทรคมนาคม ความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นภาคเอกชนต้องเตรียมพร้อมรองรับการเติบโตที่จะสูงขึ้น โดยเฉพาะบริษัทเล็ก ที่จะแข่งขัน กับบริษัทระดับ ยักษ์ใหญ่ ควรต้องรวมตัวกัน ไม่ว่าในด้านการร่วมทุน การจับมือร่วมกัน เพื่อจะแข่งขันกับภายนอก ไม่ใช่เพื่อการแข่งขันกันเองโอกาสของประเทศอาเซียนจะมีมากขึ้น เพราะฐานการลงทุนจะย้ายจากโลกด้านตะวันตกสู่ ตะวันออก สิ่งที่ควรทำคือ การผนึกกำลังร่วมกัน ไม่ใช่ต่างคนต่างเดิน กลุ่มประเทศอาเซียนควรต้องมีการจัดทำ business model ใหม่ ที่จะต้องมีรูปแบบการทำธุรกิจต่างไปจากอดีต ภาคเอกชนต้องมีบทบาทมากขึ้นไม่ใช่ให้ภาครัฐ เป็นผู้ลงทุนอย่างเดียว คณะผู้จัดฯ วางแผนที่จะจัดงานเพื่อสร้างความรู้และความเข้าใจให้กับนักธุรกิจใน ASEAN เช่นนี้จนถึงปี 2015 หรืออีก 5 ปีข้างหน้า เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการร่วมมือเพื่อการแข่งขัน และสร้างโอกาสในการเจริญเติบโตไปพร้อมกับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนต่อไป และยังสร้างความมั่นใจให้ประเทศไทยอีกด้วย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ