บทสัมภาษณ์นักแสดงสาว “มิลค์ ภาวิณี วิริยะชัยกิจ”

ข่าวบันเทิง Thursday November 25, 2010 17:49 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--25 พ.ย.--สหมงคลฟิล์ม บทสัมภาษณ์นักแสดงสาว “มิลค์ ภาวิณี วิริยะชัยกิจ” กับผลงานภาพยนตร์เรื่องที่ 2 ของเธอในเรื่อง “กะปิ ลิงจ๋อไม่หลอกจ้าว” Q. จากจุดเริ่มต้นเข้าสู่วงการบันเทิงมาถึงวันนี้ผ่านผลงานอะไรมาบ้าง คือมิลค์เริ่มต้นจากการประกวดปายเกิล์ลและได้ตำแหน่งชนะเลิศ ก็เลยได้รับโอกาสจากทางสหมงคลฟิล์มมาเล่นหนังเรื่องฝันโคตรๆ หลังจากนั้นก็ได้ทำอะไรหลายๆ อย่าง ได้เล่นเอ็มวี เกลียดเพลงรัก ของแพนเค้ก และก็มีโอกาสได้ร่วมงานกับเวิร์คพอยท์ เป็นหนึ่งในนักแสดงของรายการระเบิดเทิดเถิงรุ่นที่ 3 และตอนนี้ที่ออนแอร์อยู่ก็มีรักล้นๆ 9 คน 4 คู่ แล้วก็ภาพยนตร์ รักนะ สารคาม แล้วที่กำลังจะได้เห็นก็เป็นหนังเรื่อง กะปิ ลิงจ๋อไม่หลอกจ้าว ที่ได้กลับมาร่วมงานกับทางสหมงคลฟิล์มอีกครั้งค่ะ Q. ได้เล่นทั้งระเบิดเถิดเทิงและละครซิทคอม มันต่างจากการเล่นหนังอย่างไรบ้าง ต่างค่ะ ต่างมากเลย เพราะอย่างหนังจะถ่ายกล้องเดียว แต่ซิทคอมจะถ่ายหลายกล้องเพราะถ่ายครั้งเดียว ก็ต้องให้ได้อารมณ์ทุกคน อย่างถ่าย 10 คนก็ต้องให้ได้อารมณ์ทั้ง 10 คนภายในครั้งเดียว แต่อย่างหนังเหมือนจะเจาะทีละครั้งมันก็ทำให้การแสดงออกมาละเอียดกว่า เพราะว่าบางทีเรายังเล่นไม่ดี เรายังมีโอกาสในการแก้ตัวได้ อย่างระเบิดเทิดเทิงเล่นกับพี่โหน่งพี่เท่งเขาก็เป็นตลกชั้นเซียนไปแล้ว ก็ยากมาก ต้องปรับตัวเยอะอยู่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นการพูดเสียงเบา ซึ่งมันก็ต้องพูดให้ดังขึ้น อย่างเล่นหนังพูดเสียงเบามันก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เพราะมันเน้นอารมณ์มากกว่า แต่อย่างซิทคอมเราต้องออกเสียงให้มันชัดด้วยอารมณ์จะได้ชัด Q. ผ่านงานมาแล้วมากมาย ชื่นชอบงานไหนเป็นพิเศษบ้างรึเปล่า จริงๆ ก็ชอบทุกอย่าง ความแตกต่างของงานมันไม่เหมือนกัน การทำงานมันก็แตกต่างกัน ก็เลยรู้สึกว่างานแต่ละงานมันก็มีความท้าทายแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นงานภาพยนตร์ ซิทคอม หรือว่าพิธีกร Q. เหลืองงานอะไรที่อยากทำแล้วยังไม่ได้ลองอีกบ้าง ตอนนี้ก็เหลือละครแบบเต็มๆ ที่ไม่ใช่ซิทคอม ที่ผ่านมามันเป็นภาพยนตร์ ซิทคอม มิวสิควีดีโอ และพิธีกร อย่างละครที่เป็นพวกละครหลังข่าวยังไม่เคยลอง ก็อยากที่จะลองเล่นดู เคยเล่นบันทึกกรรมแต่รูปแบบการถ่ายทำมันจะเหมือนภาพยนตร์ก็เลยอยากลองงานละครมากกว่า Q. ความรู้สึกที่ได้กลับมาเล่นหนังอีกครั้ง ก็รู้สึกดีใจ เหมือนสิ่งที่เราเคยทำไว้ผลงานของเราความตั้งใจของเรา ทำให้เขาอยากจะให้เรามาร่วมงานอีก ก็รู้สึกภูมิใจมาก และเป็นเกียรติด้วยที่ได้กลับมาร่วมงานกับสหมงคลฟิล์มอีกครั้ง Q. ในภาพยนตร์เรื่องกะปิรับบทเป็นใคร ในภาพยนตร์เรื่องนี้มิลค์รับบทเป็นสัตวแพทย์ชื่อ หงษ์ พื้นเพเป็นคนกรุงเทพฯมาทำงานที่ต่างจังหวัดซึ่งเป็นบ้านเกิดของกานต์ คือในสมัยเรียนเราสนิทกันมาก่อนจนพัฒนามาเป็นแฟนกัน แล้วหงษ์ค่อนข้างที่จะสนิทกับบ้านของลุงมิ่งเพราะต้องเข้าไปตรวจร่างกายกะปิบ่อยๆ จนวันนึงที่ลุงมิ่งแกล้มป่วย เราก็ต้องเข้ามารับช่วงดูแลต๋องและกะปิต่อจากลุงมิ่ง นิสัยของหงษ์จะเป็นคนที่นิ่งๆ เงียบๆ Q. เป็นคาแรกเตอร์ที่ไกล้เคียงหรือว่าแตกต่างจากตัวจริงอย่างไรบ้าง ก็เป็นตัวละครที่ค่อนข้างใกล้เคียงตัวมิลค์เองนะ เพราะว่าพี่กังฟูผู้กำกับเขาก็บอกว่าให้มิลค์เล่นเป็นตัวเองเลยเต็มที่ เพราะพี่กังฟูเขาเชื่ออยู่แล้วว่าเราคือหงษ์ คือคนอื่นอาจจะมองว่าภายนอกเราเป็นคนที่เข้าใจยาก เพราะภายในเราคิดว่าคนอื่นเข้าใจ แล้วไม่พยามแสดงอะไรออกมามาก จะเป็นคนนิ่ง ใช้ความรู้สึกของเราจริงๆ Q. มีการเปลี่ยนแปลงคาแรกเตอร์ไปจากหนังเรื่องที่แล้วอย่างไรบ้าง เรื่องที่แล้วจะดราม่ามากๆ คือต้องแสดงอารมณ์เยอะมากๆรู้สึกอย่างไรก็แสดงออกมาเลย เรื่องนี้จะเก็บอารมณ์ และแสดงออกอย่างอื่นที่ไม่ใช่การร้องไห้ ถึงแม้เราจะเศร้าหรือเสียใจ หรืออึดอัดซักแค่ไหน แต่เราจะต้องบอกคนอื่นด้วยการกระทำมันก็เป็นสิ่งที่ยากและท้าทายเหมือนกัน ฝันโคตรๆ คือเราร้องไห้เสียใจคนอื่นเขาก็รู้ว่าเราเสียใจ แต่เรื่องนี้เราจะทำอย่างไรที่ให้คนอื่นรู้ว่าเราเสียใจมาก โดยที่ไม่มีน้ำตา Q. จากฝันโคตรๆ ที่เล่นกันอยู่ 2 คนพอมาเรื่องนี้เจอนักแสดงหลากหลาย ต้องปรับตัวอย่างไร คือมิลค์รู้สึกว่าถ้าเราเกร็งแล้วงานมันจะออกมาไม่ดีมากกว่า เราก็เลยพยายามทำตัวให้สนิทกับทุกคนให้เร็วขึ้น อย่างเรื่องฝันโคตรๆ เรามีเวลาในการทำความรู้จักกันมากกว่านี้ แล้วนักแสดงก็มีกันอยู่แค่ 2 คน มันก็เลยมีความรู้สึกว่าคุ้นเคยกันมากกว่า แต่อย่างเรื่องนี้เวลาเตรียมตัวมันน้อย ไม่ค่อยได้เจอไม่ค่อยได้คุยกัน พอเวลาเจอเราก็ต้องคุยๆกันพยายามทำตัวให้สนิทกันอย่างเจอเด็กก็จะเข้าไปแกล้งไปกวนๆ อย่างผู้ใหญ่เราก็จะเข้าไปคุยด้วย ขอคำแนะนำ หรือว่าชวนคุยเรื่องอื่น Q. ในเรื่องเล่นเป็นสัตวแพทย์ แล้วชีวิตจริงเป็นคนรักสัตว์รึเปล่า ก็รักนะ ชอบเล่นกับสัตว์ เวลาไปเจอลูกหมาน่ารักๆ ก็ชอบไปเล่นกับมันเคยเลี้ยงหมาด้วยเมื่อก่อนเคยเลี้ยงหนู แล้วมันออกลูกออกมา 1 คอก แล้วมันเป็นคอกแรกเราก็ตื่นเต้นมาก เราก็จะไปเปิดดูก็จะเห็นหนูตัวเล็กๆ แต่ว่าเราก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าหนูถ้ามันออกลูกออกมาแล้วไปกวนมัน มันก็จะกินลูกตัวเอง คือพอเราเปิดเข้าไปลูกหนูมันก็หายไปหมดแล้วเหลือแต่พ่อหนูกับแม่หนู ก็รู้สึกเสียใจ หลังจากนั้นมันคลอดลูกมาก็ไม่เปิดไปอีกเลย ปล่อยให้มันอยู่อย่างนั้น ไม่ให้คนอื่นมากวน เราเอาผ้ามาคลุมมันไว้ด้วย เพื่อไม่ให้ใครมากวนมัน แต่ตอนนี้มิลค์ก้เลี้ยงหมาด้วย Q. แล้วเคยมีความคิดอยากเป็นสัตวแพทย์บ้างไหม ไม่นะ แต่อยากเป็นเภสัชกรมากกว่า แต่ก็เป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือพวกสายวิทย์ Q. กะปิ ลิงจ๋อไม่หลอกจ้าวเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร มันเป็นเรื่องราวของหมู่บ้านทิวมะพร้าวซึ่ง วันหนึ่งผู้ใหญ่บ้านเขาต้องการที่ดินตรงนั้นซึ่งเป็นบ้านของต๋องและลุงมิ่งเอามาทำเป็นโครงการกังหันลม เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง ต๋องซึ่งเป็นเด็กอายุไม่กี่ขวบ ซึ่งเขาก็ไม่สามารถรักษาผลประโยชน์ตรงนี้ได้ หงษ์ก็ต้องเข้าไปช่วย แล้วด้วยความเจ้าเล่ห์ของผู้ใหญ่จั๊บซึ่งอยากได้ที่ดินตรงนั้นมาก เลยท้าต๋องแข่งลิง แล้วต๋องมันเป็นเด็กที่ใครท้าอะไรเป็นไม่ได้ด้วย ก็เลยตกปากรับคำท้าผู้ใหญ่ไป ต๋องก็ต้องพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะชนะการแข่งขันในครั้งนี้ แต่บทสรุปของเรื่องราวจะเป็นอย่างไรก็ต้องไปติดตามชมในโรงภาพยนตร์ Q. ร่วมงานกับริชาร์ดเป็นอย่างไรบ้าง ริชาร์ดเขาเป็นเด็กที่แสดงหนังเก่งและน่าทึ่งมากๆ ซึ่งจะมีริชาร์ดนั่งเฝ้าลุงมิ่งอยู่ แล้วตัวมิลค์เองต้องเดินเข้าไปปลอบใจ ประมาณว่าลูบหลังเป็นการปลอบ แล้วพอน้องเขาหันหน้ามาหาเราแล้วน้ำตาเขาหยดลงมา เขาดูอินจริงๆ เป็นภาพที่น่าสงสารมาก เขาแสดงได้เก่งมาก แล้วเวลาที่ไม่ได้เข้าฉากด้วยกัน เขาจะกวนทั้งวัน แต่ก็เป็นเด็กที่น่ารัก เวลาที่ไม่ได้เข้าฉากด้วยกันเขาก็ชอบมาเล่น มาท้าแข่งเกมส์ คือมาชวนมิลค์แข่งวินนิ่ง แล้วผู้หญิงที่ไหนเขาเล่นวินนิ่ง พอบอกว่าริชาร์ดพี่เล่นไม่เป็น เขาก็จะกวนๆ ใส่ ประมาณว่าไม่ไหวเลยนะพี่มิลค์ แล้วเขาก็จะชอบเรียกมิลค์ว่าคุณเธอ ประมาณว่าคุณเธอทานข้าวรึยังก็เป็นเด็กที่น่ารักค่ะ Q. ประทับใจฉากไหนของริชาร์ด ชอบฉากหมีแพนด้า เป็นฉากที่ริชาร์ด โกรธกะปิที่ไม่ยอมแข่งปั่นจักรยาน ก็เลยเอาสีมาทาเจ้ากะปิให้กลายมาเป็นหมีแพนด้าแล้วเราก็โดนด้วย ริชาร์ดเองก็โดนด้วย แล้วพอทาเสร็จเขาก็ทำท่าเป็นผู้ชนะ แล้วฉากนี้ถ่ายกันตอนดึกมาก ถ่ายจนถึงเที่ยงคืน ซึ่งวันนั้นน้องเขาก็ถ่ายทั้งวันก็ยังมีแรงทำงานอยู่อ่ะ ฉากนี้ถ่ายกันนานพอสมควร และได้เลอะกันหมดเลย Q. พูดถึงพระเอกใหม่อย่างเป้ ร่วมงานกันครั้งแรก เป็นอย่างไรบ้าง เขาเป็นคนที่อารมณ์ดีตลอดเวลา ชอบเล่นมุกขำ ชอบสร้างความสนิทสนม เขาเป็นคนที่มีความตั้งใจมาก มิลค์ให้คะแนนเขาเต็มสิบเลยเพราะว่าเขาชอบมาปรึกษาว่าฉากนี้พี่ต้องทำอย่างไร ชอบมาถามว่ารู้จักใครที่เขาสอนแอ็กติ้งไหม ตั้งใจมาก เขาจะมีความรู้สึกว่าเขายังเล่นไม่ดีพอ แล้วเขาจะชอบสังเกตุเวลาคนอื่นแสดง มาปรึกษามิลค์บ่อยๆ ว่าควรต้องทำอย่างไรในสิ่งที่เขาไม่รู้ Q. ให้คำแนะนำเขาอย่างไรบ้าง ก็จะแนะนำว่าอย่าคิดว่ามีกล้องอยู่ คือไม่ต้องพูดแบบท่องบท ให้ฟังในสิ่งที่เขาสนทนากับเรา ก็บอกเขาเหมือนที่ครูเงาะซึ่งเป็นครูสอนการแสดงของมิลค์จากเรื่องฝันโคตรๆ เคยแนะนำเรามาค่ะ Q. พูดถึงการร่วมงานกับป๋าเทพ เขาก็เป็นนักแสดงที่มืออาชีพมาก คือถึงแม้เราจะชินกับป๋าเทพในภาพของนักแสดงตลกแต่พอมาเรื่องนี้ป๋าค่อนข้างที่จะพลิกบทมาเป็นดราม่านิดๆ ซึ่งป๋าก็ทำได้ดีมาก คือสวมบทบาทของลุงมิ่งได้อย่างไม่มีที่ติ ป๋าเป็นคนมีฝีมืออยู่แล้วไม่ว่าจะบทบาทไหนก็แสดงได้หมด Q. ร่วมงานกับพี่ตุ๊กกี้เป็นอย่างไรบ้าง มิลค์เข้าฉากกับพี่ตุ๊กกี้แค่วันเดียว คือนั่งรถมากองด้วยกันยังฮามาอยู่ในรถอยู่เลย แต่พอเวลาทำงานก็เปลี่ยนไปอีกคนหนึ่งเลย เขาเป็นคนที่มีพลังเยอะแยะมากมาย เอามาจากไหนก็ไม่รู้ ในเรื่องจะมีฉากที่ต๋องต้องไปผ่าเอาเฝือกออกกับพี่ตุ๊กกี้ที่เล่นเป็นพยาบาลแมว แล้วเขาผ่าเอาจะโดนเนื้อริชาร์ด ซึ่งร้องโวยวายกันเสียงดังมาก แล้วเราเป็นคนที่เสียงเบาที่สุด จนรู้สึกว่าอะไรกันนี้ ฉันสู้ไม่ไหวแล้วนะ ก็ขำดี พยามกลั้นหัวเราะไปด้วยถ่ายไปด้วย Q. ร่วมงานกับผู้กำกับอย่าง กังฟู เป็นอย่างไรบ้าง พี่กังฟูเป็นคนที่ใจดีมาก เวลาที่เข้าฉากพี่เขาชอบที่จะเรียกมิลค์มาดูผลงานตัวเองที่มอนิเตอร์ เขาจะคอยแนะนำว่าต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้นะ เขาก็จะคอยสอนเรา ไม่ใช้อารมณ์เลย เขาเป็นคนใจเย็นน่ารัก และมีความละเอียดพิถีพิถันในการทำงานค่อนข้างมาก คือภาพในหนังที่จะสื่อออกไปคืออยู่ในหัวของพี่กังฟูเขาหมดแล้ว เขาต้องการภาพแบบไหนเขาก็จะอธิบายให้เราฟังให้เราเห็นภาพ ก็เป็นผู้กำกับคนเก่งคนหนึ่งค่ะ Q.หนังเรื่องนี้ มิลค์ต้องร่วมงานกับลิงด้วย ไข่เล็กเป็นลิงที่เขาว่ากันว่าเก่งที่สุดในประเทศไทย ณ.เวลานี้ ซึ่งตอนแรกไม่เชื่อว่าลิงจะทำได้ขนาดนี้ ซึ่งเจ้าของเขาสั่งวิดพื้น แล้วไข่เล็กมันก็จะลงไปวิดพื้น ท่าเหมือนคนจริงๆ เลย คือขนาดลิงฟังภาษาคนรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง คือตามนิสัยของมันที่ดื้อไม่ฟังคน แต่ตัวนี้สามารถสั่งได้ บางครั้งก็กระโดดเกาะมืออยู่เฉยๆ ถ่ายรูปได้ บางครั้งก็ดึงเชือกมาใกล้ๆแล้วไข่เล็กก็จะมานอนซบอยู่บนตักเรา Q. ประทับใจฉากไหนของไข่เล็กเป็นพิเศษไหม ชอบตอนที่ไข่เล็กมันวิดพื้น และก็ซีนหมีแพนด้า ที่เขาจะให้มันนั่งอยู่บนขอนไม้ก่อนที่จะถูกจับทาเป็นหมีแพนด้า คือด้วยความเนียนของมันขอนไม้นั้นจะมีลูกมะพร้าวผูกอยู่ อาจารย์เขาก็จะสั่งว่าไข่เล็กอย่าไปหมุนลูกมะพร้าวให้มันล่วงนะ แล้วพอทุกคนเผลอปุ๊ป ก็คือได้ยินเสียงลูกมะพร้าวหล่นไปแล้ว แล้วมันก็จะทำหน้าไม่สนใจ มองนั้นมองนี้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและพอคนเผลอ มันก็ค่อยๆ ขยับไปอีกลูกหนึ่งแล้วก็เอามือไปปัดๆ อยู่ด้านหลัง คือทำเหมือนไม่มีคนรู้ แต่ว่าเราสังเกตุเห็น Q. ถ้าพูดถึงซีนที่ยากที่สุดของมิลค์ในหนังเรื่องนี้ ซีนที่ยากที่สุดน่าจะเป็นซีนที่ต้องทะเลาะกับกานต์ คือทั้งวันนั้นเรายังไม่ได้ถ่ายอะไรมาเลย แล้วพอมาเจอกันปุ๊ปก็ให้เล่นซีนอารมณ์ทะเลาะกันเลย คือปกติในกองเราก็คุยกันดีๆ แต่พอเข้าฉากต้องทะเลาะกันเลย ก็ทำอารมณ์ค่อนข้างยาก และพี่เป้เขาจะบอกว่าเวลามิลค์หน้าโกรธมันตลกดี เขาก็จะนั่งหัวเราะอยู่ตลอดเวลา ตอนที่ถ่ายรับหน้ามิล์คเขาก็จะนั่งขำเราตลอดก็ยากนะ เพราะต้องทำอารมณ์ในขณะที่อีกคนกำลังนั่งหัวเราะอยู่แล้วพี่เป้เขาก็ขำอยู่หลายเทคมากเลย แล้วเขาก็มาโทษเราว่ามิลค์หน้าขำอ่ะ เลยถ่ายไม่ได้เลย Q. โดยส่วนตัวประทับใจซีนไหนเป็นพิเศษบ้างรึเปล่า ซีนที่ประทับใจน่าจะเป็นซีนสุดท้ายของเรื่อง เป็นฉากงานแข่งเก็บมะพร้าวซึ่งซีนนี้ยิ่งใหญ่มากและถ่ายยากมาก เพราะคน 100 กว่าที่เข้าร่วมแสดงในซีนนี้ ก็ต้องใช้เครนเพื่อจะเก็บภาพได้ทั้งหมด เห็นคนตัวเท่ามดแต่ต้องแสดงเหมือนเราตัวใหญ่เท่ายักษ์ แล้วทุกคนต้องมีแอ็กติ้งหมดอ่ะ ซึ่งมันก็ยากนะ กับการต้องควบคุมคน 100 กว่าคน คือถ่ายกัน 2 วัน ซีนนี้ริชาร์ดเขาก็ต้องพาเจ้ากะปิไปแข่งลิงกับน้าไมค์ คือริชาร์ดเขาจะต้องเอาลิงที่ตัวเองฝึกมากับมือ และเด็กตัวเล็กๆ ต้องไปแข่งกับผู้ใหญ่ตัวใหญ่ๆ มิลค์ชอบซีนนี้ตรงที่มันดูอลังการดี ด้วยมุมกล้องด้วยเรื่องราว มันเป็นซีนที่สนุกมากซีนหนึ่งของเรื่องเลย จะเรียกว่าเป็นซีนไคลแม็กซ์ก็ว่าได้ Q. พูดถึงกะปิจะนึกถึงอะไร ตอนนี้นึกถึงลิงอย่างเดียว ถ้าตอนแรกก็จะนึกถึงกะปิที่เรากินกัน แต่ตอนนี้ก้จะนึกถึงแต่ลิง เจ้าไข่เล็กและซิงๆ และก็คิดถึงริชาร์ดเป็นลิงอีกหนึ่งตัว ก็เป็นนิยามใหม่ของคำว่ากะปิ Q. เสน่ห์ของหนังเรื่องกะปิ ลิงจ๋อไม่หลอกจ้าว สำหรับมิลค์กะปิเป็นหนังที่ดูแล้วน่าจะรู้สึกอิ่ม มีความสุข คือมันมีทั้งเด็กและลิง ซึ่งมันทำให้เรารู้สึกว่ามันน่ารักอ่ะ คือตามธรรมชาติของทั้งเด็กและสัตว์ มันน่ารักน่าติดตามและน่าดู และคาแรกเตอร์ของตัวละคร เรื่องนี้แทบจะไม่มีตัวร้ายเลย อาจจะมีผู้ใหญ่จั๊บ แต่ก็ไม่ได้ร้ายมาก คือความรู้สึกมันจะบวกมากกว่า คือปัจจุบันเราเจออะไรร้ายๆ มาเยอะแล้ว ไปดูอะไรที่มันสร้างสรรค์สิ่งดีๆ บ้างก็จะทำให้มีความสุขมากขึ้น Q. คนดูจะได้อะไรจากหนังเรื่องนี้ เห็นถึงความพยามของเด็กคนหนึ่ง และการกระทำที่ผู้ใหญ่ไม่ควรทำ เอาบ้านของเด็กมาเดิมพันด้วยการแข่งลิง และก็ได้ความสนุกสนาน ได้บรรยากาศดีๆ ทะเลวิถีชีวิตชาวบ้านริมทะเลความเป็นอยู่ได้เห็นการแข่งลิงด้วย เป็นประเพณีที่ไม่เคยเห็นเลย เหมือนจะเคยได้ยินแต่น้อยมาก และก็ได้เห็นลิงแสนรู้อย่างเจ้ากะปิ คือส่วนมากเราจะได้เห็นแต่ลิงชิมแปนซีของเมืองนอก แต่อันนี้เป็นลิงของไทย ที่ฝึกโดยคนไทย และก็เก่งมาก Q. ฝากหนัง ก็ฝากภาพยนตร์เรื่อง กะปิ ลิงจ๋อไม่หลอกจ้าว ให้ไปดูกันเยอะๆ มีลูกมีหลานก็พากันไปดูเป็นครอบครัว เป็นหนังเด็กที่สนุกสนาน แต่ถ้ามองในมุมผู้ใหญ่ก็ให้แง่คิดพอสมควร ก็ไปดูภาพยนตร์เรื่องนี้กันเยอะๆ ค่ะ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ