แดเนียล แรดคลิฟฟ์ (แฮร์รี่ พอตเตอร์) คำถามและคำตอบ

ข่าวบันเทิง Monday November 29, 2010 10:10 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--29 พ.ย.--MMM Digital คำถาม: ฉากหนึ่งในภาพยนตร์ที่แฮร์รี่กับเฮอร์ไมโอนี่เต้นรำด้วยกัน คุณคิดอย่างไรกับการแสดงของคุณและเอ็มม่าในฉากนี้? แดเนียล แรดคลิฟฟ์: เอ่อ, ครับ, เฮ้, มันก็ดีนะ มันเป็นฉากจี๋จ๋า มันตลกด้วย ตอนที่ผมดูหนังเป็นครั้งแรก ผมไปดูกับเพื่อนผม พอเพลงของ Nick Cave ดังขึ้นมา ผมก็บอกว่า ‘นั่นน่ะแฮร์รี่ พอตเตอร์ที่เท่ห์ที่สุดเท่าที่เคยเป็นมาเลยนะ’ [หัวเราะ] ใช่ครับ มันเป็นฉากสวีทนะผมว่า มันเป็นสิ่งหนึ่งที่เดวิด [เยทส์] สร้างจุดเด่นขึ้นมาได้ค่อนข้างมาก เอ็มม่าก็เป็นนักเต้นที่ดี ฉะนั้นมันเป็นผมเองแหละที่ทำให้มันดูมั่ว แต่แฮร์รี่ก็ไม่ใช่นักเต้นรำที่ดี เขาน่าจะดูแย่นะผมเป็นอย่างนั้น แต่ปีหน้าบนเวทีบรอดเวย์ผมหวังว่าจะได้เห็นพัฒนาการยิ่งใหญ่ ไม่ต้องเป็นห่วง คำถาม: คุณกำลังสร้าง “วิธีประสบความสำเร็จในธุรกิจโดยไม่ต้องใช้ความพยายามอย่างจริงจัง” คุณตื่นเต้นกับสิ่งนั้นมั้ย? แดเนียล แรดคลิฟฟ์: ใช่ครับ ผมตื่นเต้นมาก คำถาม: นั่นเป็นหนึ่งในละครเพลงโปรดของผมเลยนะ แดเนียล แรดคลิฟฟ์: หรอครับ? โอเค หวังว่าผมจะได้รับเกียรตินั้นได้ คำถาม: คุณสุดยอดจริงๆ แดเนียล แรดคลิฟฟ์: โอเค [หัวเราะ] ผมหมายถึงในส่วนของการร้องเพลง ผมก็ไม่ได้เป็นกังวลอะไรมากมาย ผมรักการร้องเพลงและผมทำมานานแล้ว แต่สำหรับการเต้นเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยทำมาก่อนที่จะได้เรียนรู้มัน แต่ถ้าพูดถึงมันแล้ว ผมฝึกเต้นประมาณ 9 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และถ้ามันจะออกมาแย่ ก็ไม่ใช่เพราะไม่มีความพยายามนะ [หัวเราะ] คำถาม: จะเปิดตัวเมื่อไหร่? แดเนียล แรดคลิฟฟ์: เราเริ่มฝึกซ้อมเดือนมกราคม ผมว่าเราจะมีการฉายก่อนในเดือนกุมภาพันธ์ แต่เปิดตัวเดือนมีนาคม คำถาม: บทบาทนั้นเป็นที่สนใจของคุณเพราะอะไร? แดเนียล แรดคลิฟฟ์: ฟินช์ครับ รู้มั้ยมันประหลาด มันเกิดขึ้นเพราะตอนที่ผมแสดง “Equus” เครก ซาเด็น นีล เมรอน ผู้อำนวยการสร้างของภาพยนตร์เรื่อง “How to Succeed” มาที่หลังเวทีหลังการแสดง “Equus” และบอกว่า ‘เธอร้องเพลงได้นี่!’ ผมก็ตอบ ‘ครับ ผมร้อง Milky bar thing to you ได้’ [หัวเราะ] นั่นคือเพลงที่ผมร้องใน “Equus” พวกเขาก็ ‘โอ้ ไม่จริง มันยอดไปเลย เราหาละครเพลงกันอยู่’ และมันเป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นถึงการคะยั้นคะยอ เพราะเขาให้พวกเราแสดงและเราก็รู้สึกเหมือน ‘โอเค ผมชอบมัน มันยอด ยอดไปเลย แต่ผมไม่แน่ใจว่านั่นคือสิ่งถัดไปที่จะทำ อะไรทั้งหมดแบบนั้น’ แล้วพวกเขาก็ส่งสคริปต์ให้เราทีละเล็กละน้อยจากการคะยั้นคะยอของเขา จนเราเริ่มหลงใหลกับมัน แล้วตอนนี้ผมนึกภาพตัวเองทำสิ่งอื่นไม่ออก นอกจากละครเพลงแล้ว มันไม่เคยมีคนอายุเท่าผมแสดงมาก่อนด้วย ผมว่ามันค่อนข้างน่าตื่นเต้นเพราะมันไม่มีการแสดงในยุคนี้จริงๆ และผมว่ามันเป็นบทบาทที่ต่างออกไปอย่างใหญ่หลวง ในทางกลับกันหากเราอยู่ในช่วง 20 ตอนปลาย แล้วแสดงช่วง 30 ตอนต้นเราจะเหมือน ‘โอเค เขาอยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลงไปมาก’ แต่จริงๆ แล้วเวลาที่มีคนอายุเท่าผมมาแสดง นั่นหมายถึงเรามีคุณสมบัติ เป็นคนวัยหนุ่มที่ทันสมัย และเราไม่ต้องสงสัยอะไรมากมาย คำถาม: ในภาพยนตร์ภาคนี้คุณน่าประทับใจมาก มันแสดงให้เห็นถึงสไตล์การแสดงของคุณ สำหรับคราวนี้คุณรู้สึกว่ามีความท้าทายเพิ่มขึ้นมั้ย? มันก็เป็นความท้าทาย มีช่วงเวลาที่ท้าทาย แต่รู้สึกเหมือนเป็นพัฒนาการแบบธรรมชาติในสิ่งที่เราต้องทำ เราไม่ได้ถูกขอให้แสดงอย่างก้าวกระโดดไปอย่างมาก รู้สึกเหมือนเราถูกปล่อยให้ทำสิ่งที่เราพร้อมแล้วที่จะแสดง 2-3 ปีสุดท้าย ในสิ่งที่เราแสดงมาก่อน และในภาคนี้เราโชคดีมาก เพราะเราพยายามย่อหนังสือมาอยู่ในภาพยนตร์ — ซึ่งผมว่ามันต้องแย่แน่ๆ— หลายสิ่งต้องถูกตัดออกซึ่งมีหลายอย่างมากในภาคนี้ และฉากบนถนนก็ทรมานเหมือนในละครเลย ดังนั้นมันเป็นโอกาสของเราที่มีทุกช่วงเวลาเพื่อการเสาะหาบทบาท และความยิ่งใหญ่คือการเสาะหาบทบาทการแสดงของมัน แต่มันก็น่าสนุกจริงๆ มันจะไม่มีวันข้ามพรมแดนแห่งความหมกมุ่น เพราะมันเป็นสิ่งที่ต้องเดินหน้าต่อไปตลอด เราไม่เคยถ่ายมากกว่า 5 ซีนสำหรับการต่อสู้อันยิ่งใหญ่หรืออะไรเลย [หัวเราะ] คำถาม: หลายฉากในภาพยนตร์เรื่องนี้ที่มีแค่คุณ 3 คนอยู่ด้วยกัน—แฮร์รี่, รอนกับเฮอร์ไมโอนี่ การไม่มีคนอื่นอยู่รอบๆ ถือเป็นความท้าทายหรือเปล่า? แดเนียล แรดคลิฟฟ์: ครับ ผมว่ามันเป็นอย่างงั้นนะ แต่มันก็น่าสนใจเพราะเราไม่ได้แสดงในฉาก ผมนึกว่าเราไม่รู้สึกแบบนั้นตอนนั้นหรอก เพราะเราถ่ายทำเหมือนเป็นฉากของเราสองคนประมาณ 2 วันแล้วเราก็ถ่ายฉากแต่งงานพร้อมกับคนจำนวนมากมายหรืออะไรพวกนั้น ฉะนั้นมันเลยแตกกระจายในแบบที่เราไม่คิดว่าเราโดดเดี่ยวแบบที่ตัวละครเป็น แต่ก็ใช่นะ ผมหมายถึงผมว่ามันสร้างความน่าสนใจมากกว่าภาคแรก เพราะเราไม่เคยเห็นตัวละครเหล่านี้โดยไม่มีฮอกวอตส์หรือไม่มีตัวละครคุ้นตาที่เราเห็นเขาอยู่รายล้อมมาตลอด เพราะฉะนั้นนั่นแหละคือสิ่งที่ถูกถ่ายทอดต่อ ผมว่ารู้สึกสดชื่นขึ้นมากและน่าสนใจขึ้นนิดหน่อย คำถาม: อาณาจักรแห่งแฟนๆ สำหรับแฮร์รี่ พอตเตอร์เติบโตขึ้นมาก มีพัฒนาการเกิดขึ้นตลอดเวลา รวมไปถึงการโตขึ้นพร้อมกับภาพยนตร์ ความคิดของคุณในปริมาณและสัดส่วนของภาพยนตร์เรื่องนี้คืออะไร? คุณเคยค้นหาในกูเกิลเกี่ยวกับตัวคุณหรือเปล่า? [หัวเราะ] แดเนียล แรดคลิฟฟ์: ผมเคยทำตอนอายุ 14 หรือ 15 นะ เพื่อเป็นการอ้างอิง มีประโยคหนึ่งจากรายการโปรดของผมบอกว่า การค้นหาตัวเองจากกูเกิลเหมือนกับการเปิดประตูไปยังห้องที่เต็มไปด้วยผู้คนที่บอกคุณว่า คุณเป็นคน [แย่] แบบไหน [หัวเราะ] ซึ่งอาจจะมาจากสถานที่ที่คนบ้าในอีโก้ตัวเองและมีสภาพจิตค่อนข้างรุนแรง อะไรทำนองนั้น โอเค ผมจะเขียนชื่อตัวเองลงไปและดูว่าจะมีอะไรขึ้นมา จากนั้นสิ่งที่เราพบคือการได้ยินสิ่งดีๆ เกี่ยวกับตัวเอง และสิ่งแย่ๆ เกี่ยวกับเราทุกอย่าง เกี่ยวกับการพูดโดยทั่วไป มันไม่เกิดอะไรขึ้นมาหรอก หากมีจำนวน 20 ความเห็น โดยที่อาจดีเยี่ยมซัก 19 ความเห็น และอีกหนึ่งความเห็นแย่ๆ มันอาจกัดกินเรา จากนั้นผมก็หยุดการหากูเกิลเกี่ยวกับตัวเองเลย ตั้งแต่บัดนั้น แต่ในส่วนของความอลังการของพอตเตอร์ ผมว่ามันมหัศจรรย์นะ ในรูปแบบที่หนึ่งในหลายสิ่งที่ทำให้ผมติดดินและมีสติ เป็นข้อเท็จจริงที่เราต้องจำไว้ว่า นั่นไม่ใช่เพราะผม แต่เพราะผู้คนที่ส่งเสียงกรีดร้องในรอบปฐมทัศน์ ใครก็ตามที่เป็นส่วนนั้นจะอยู่ในกระแสความคลั่งไคล้ที่อยู่รายล้อมพวกเขาไป 2-3 อาทิตย์ต่อปี ผมว่ามันเป็นเรื่องสำคัญมากที่ต้องจดจำ ผมมีความโชคดีมากๆ ที่ผมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของมัน แต่อีกส่วนเพราะมันกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต และงานหนึ่งในความรู้สึกเชิงบวก—เหมือนกับผมรักงานของผม—แต่มันก็คืองาน เราตื่นขึ้นมาทำงาน ต้องไปทำงานและพบเจอทีมงานกับทุกคน เรารับรู้ไม่ได้จริงๆ ว่ามันยิ่งใหญ่แค่ไหนเวลาที่เราอยู่ใจกลาง มันเป็นเหตุการณ์ของการไม่สามารถเห็นแม้แต่ไม้บนต้นไม้ แต่มันมหัศจรรย์ ปรากฏการณ์มหัศจรรย์ ส่วนเรื่องอื่น ผมอยากพูดเกี่ยวกับแฟนๆ และขนาดความเป็นจริงที่ว่ามันน่าสนุก เพราะถึงแม้แฮร์รี่ พอตเตอร์เป็นภาพยนตร์ตอนนี้ โดยส่วนสำคัญก็ยังเป็นผลงานประพันธ์ที่น่าประทับใจอยู่ เมื่อเราเปรียบเทียบแฟนๆ ของเรื่องนี้กับหนังอย่าง Star Trek หรือ Star Wars ที่ทั้งหมดมีฐานของแฟนๆ ที่จงรักภักดีอย่างน่าทึ่งเหมือนกัน เพราะมันเริ่มจากการเป็นผลงานประพันธ์ มันเป็นแรงบันดาลใจของแฟนรุ่นหนึ่งที่น่าสนใจและมีความรู้ ผู้คนที่หลงใหลในหนังสือพอตเตอร์ ได้แผ่ขยายการอ่านกว้างเข้าไปอยู่ที่อาณาบริเวณอื่น ผมว่านั่นเป็นสิ่งที่เด่นที่สุดสำหรับมัน ผมว่าไม่มีแฟนกลุ่มไหนเหมือนแฟนแฮร์รี่ พอตเตอร์ที่สนใจในทุกสิ่ง ไม่ใช่แค่สิ่งที่เป็นจุดสนใจของอาณาจักรแฟนๆ คำถาม: คุณไม่ใช่คนอ่านแฮร์รี่ พอตเตอร์อย่างจริงจังมาก่อนใช่มั้ย คุณจับหนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์ครั้งแรกได้อย่างไร? เพราะพ่อแม่หรือเปล่า? แดเนียล แรดคลิฟฟ์: เพราะพ่อแม่ของผม พวกเขาอ่านให้ผมฟัง ผมว่าพวกเขาอ่าน 2 เรื่องแรกให้ฟังตอนอายุ 8-9 ขวบ เพราะผมไม่ได้อ่านทั้งหมด ผมชอบคิดว่า ผมตามอ่านทันในหลายปีต่อมา แต่ผมไม่ได้อ่านตลอดเวลา ผมว่ามันน่าเบื่อและผมเพลินกับการมีหนังสืออ่านให้ผมฟัง มันเยี่ยมมาก พ่อของผมทำเสียงบาซิลิสก์ได้ประหลาด [หัวเราะ] ผมบอกกับคริส โคลัมบัสว่า ‘คุณน่าจะได้ยินเสียงบาซิลิสก์ของพ่อผมนะ มันน่าจะวิเศษเลย’ และคริสก็พูดว่า ‘ยอดไปเลย พ่อหรอ ใช่ ผมว่าเราจะมีดารามาแสดงแล้วล่ะ’ [หัวเราะ] แต่หลังจากที่พวกเขาอ่านภาคที่สองให้ผมฟัง ผมก็เบี่ยงความสนใจออกไปจากพอตเตอร์ และไม่ได้อ่านมันมากมาย จากนั้นพอตอนที่ผมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง ผมก็คิดว่า ‘โอ้ น่าจะอ่านพวกนี้นะ’ คำถาม: ตอนที่พวกเขาอ่านให้คุณฟัง คุณเคยคิดมั้ยว่า ‘ฉันอยากเป็นแฮร์รี่ พอตเตอร์’? แดเนียล แรดคลิฟฟ์: ไม่ ไม่ถึงขนาดนั้น ชีวิตเขาเหมือนกับฝันร้าย [หัวเราะ] ผมคิดว่า ‘พระเจ้า เด็กคนนี้น่าสงสารจัง’ แต่หลังจากที่ผมได้แสดง ผมกลับไปอ่านทั้งสี่เล่ม—ผมว่าแค่หนังสือสี่เล่มแรกก็แสดงจุดนั้นออกมา—และผมก็อ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเกิดความหลงใหล ผมจะเดินไปมารอบห้องผม ถึงแม้จะมีการแสดงภาพยนตร์เป็นเขาในระหว่างวัน ผมก็ [หัวเราะ] บอกคุณย่าผ่านห้องที่โรงแรมของผมในนิวคาสเซิล ที่เราถ่ายทำฉากไม้กวาดกระโจนเข้ามาในมือผม และผมกลับไปที่ห้องในโรงแรมพร้อมกับมีไม้กายสิทธิ์ไว้ต่อสู้กับคนที่ไม่มีตัวตน [หัวเราะ] โอ้ ใช่ มันน่าสงสารที่ผมไม่มีน้องชายนี่ คำถาม: ในภาคนี้เหมือนกับเป็นทริปที่แล่นอยู่บนความทรงจำสำหรับพวกเราที่ดูภาพยนตร์ทั้งหมดมา การกลับไปสู่ตู้เสื้อผ้าและการอยู่ที่บ้านซอยพรีเว็ตตอนอายุเท่านี้ ที่ต้องย้อนเป็นเด็กน้อยถือว่าเป็นการเดินทางย้อนกลับไปสำหรับคุณมั้ย? แดเนียล แรดคลิฟฟ์: ใช่ มันรู้สึกแปลกที่ได้เห็นมันอีกครั้ง ได้เห็นคลิปต่างๆ นั่น และเมื่อผมนึกย้อนกลับไป มันจะมีอะไรมากกว่านี้ในภาคที่ 2 นะ มันรู้สึกแปลกเสมอที่ได้เห็นสิ่งพวกนั้น แต่ผมว่าหากเราเห็นมันในสภาพแวดล้อมของภาพยนตร์แล้ว มันจะไม่รู้สึกกระดากเลย มันเหมาะแล้วที่จะมีอยู่ในนั้น ผมหมายถึงมันแปลกเสมออยู่แล้วที่นั่งดูตัวเอง แต่รู้มั้ยมันเป็นช่วงเวลาแห่งความภาคภูมิใจเล็กๆ และรู้สึกเหมือนอาลัยอาวรณ์ ผมคิดว่า ‘โอ้ ผมเคยแสดงพวกนั้นมา มันสมบูรณ์แบบด้วยตัวผม ใช่’ [หัวเราะ] คำถาม: เราเฝ้าดูมาเป็นเวลากว่า 10 ปีว่าคุณจะมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร แต่ทำไมคุณไม่เปลี่ยนไปเลย? คุณยังคงความเดิมไว้ได้อย่างไร? แดเนียล แรดคลิฟฟ์: ผมยังไฮเปอร์สุดๆ เหมือนเดิม ผมยังมีพลังล้นเหลือเหมือนเดิม ผมว่ามีสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปนั่นคือ ผมต้องก้าวฝีเท้าแสดงอย่างมีวิจารณญาณมากขึ้นตลอดทั้งวัน ฉะนั้นผมจะไม่บ้าบิ่นตลอด 4 ชั่วโมงและคอยพุ่งชนหรือเผา [หัวเราะ] ผมไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอีกดี? ตอนนี้ผมก็ยังคงแปลกไปจากตอนนั้นนะ ผมว่าความแปลกน่าจะเป็นสิ่งสุดวิเศษที่ใครจะมีได้ และผมว่าผมยังคงความเคารพในฉากภาพยนตร์เหมือนตอนนั้น ตอนผมอายุ 11 ขวบ มันปราศจากความเกรงกลัวแต่ผมมีความเคารพในฉากภาพยนตร์ ตอนนี้มันเป็นเพราะผมรวมเข้ากับมันจริงๆ และผมเข้าใจแล้วว่าพวกเขาทำงานกันได้อย่างน่าอัศจรรย์แค่ไหน และมันเป็นประสบการณ์วิเศษขนาดไหน—เพราะมันเป็นประสบการณ์ที่ได้ร่วมแบ่งปันกันจริงๆ เวลาเราทำงานร่วมกับกลุ่มคนเป็นเวลา 3-4 เดือนในภาพยนตร์ทั่วไป และผมว่าจากช่วง 11-18 เดือนของหนังพอตเตอร์เรื่องหนึ่ง พวกเราต่างมานะพยายามไปอย่างต่อเนื่องเหมือนเดิม อาจมีช่วงเวลาที่เรารู้สึกเหมือนค้นหาหลายอย่างจากหลายด้าน แต่ท้ายที่สุดเราทุกคนก็ไปทิศทางเดียวกัน และพยายามสร้างภาพยนตร์ที่ดีร่วมกัน และมีบางสิ่งที่ผมคิดว่ามันพิเศษมาก ผมว่านั่นแหละ—ความเคารพอย่างเคร่งครัดในการทำงานของฉากภาพยนตร์; ผมว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่มีวันเปลี่ยน คำถาม: มีการร้องไห้มั้ยตั้งแต่ที่ทุกคนรู้ว่าภาพยนตร์กำลังจบลง? แดเนียล แรดคลิฟฟ์: เอ็มม่า รูเพิร์ทและผมรวมถึงทีมงานร้องไห้หนักมาก เพราะคนส่วนใหญ่อยู่กับมันมานานเป็น 10 ปี มีน้ำตาจากทุกคนมากมาย มันเศร้ามาก ในช่วงเวลานั้นผมจำได้ว่าเราโศกเศร้านานร่วม 2 ชั่วโมง จากนั้น 4 ชั่วโมงถัดมาผมอยู่บนเครื่องบินและอ่านบทภาพยนตร์เรื่อง The Woman in Black ที่ผมกำลังแสดงอยู่ ฉะนั้นเราต้องเดินหน้าต่อไป [หัวเราะ] คำถาม: ตอนนี้คุณกำลังแสดงเรื่องอะไร? แดเนียล แรดคลิฟฟ์: เรื่อง The Woman in Black มันเป็นการดัดแปลงมาจากนวนิยายของซูซาน ฮิล มันเป็นภาพยนตร์สยองขวัญแนวโกธิก คำถาม: คุณแสดงเป็นอะไร? แดเนียล แรดคลิฟฟ์: ผมแสดงเป็นคุณพ่อวัย 24 ปีที่ภรรยาเสียชีวิตลง และเป็นทนายความที่ถูกส่งไปยังบ้านของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่เพิ่งเสียชีวิต พยายามศึกษาเอกสารทั้งหมดของเธอและรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเอาไว้ และบ้านที่เขาไปมีผีสิงอยู่ บอกอะไรมากไม่ได้แล้วล่ะ คำถาม: เอ็มม่ามุ่งความสนใจไปที่เรื่องวิทยาลัย คุณกำลังมุ่งความสนใจไปที่อาชีพการงานของคุณหรือเปล่า? แดเนียล แรดคลิฟฟ์: ผมกำลังพยายามสร้างอาชีพให้ตัวเอง รู้มั้ยเอ็มม่าเป็นสาวน้อยผู้ขยันมากที่สุดในบรรดาเราทั้งสามคนมาเป็นเวลานานแล้ว [หัวเราะ] ผมไม่คิดว่ามหาวิทยาลัยจะอยู่ในตัวเลือกของผมกับรูเพิร์ท [หัวเราะ] ผมหาโรงเรียนยากมากๆ ผมมีผลการเรียนดีโดยส่วนใหญ่ แต่ผมก็หยุดหนึ่งปีล่วงหน้า เพราะต้องฝึกซ้อมเรื่อง “Equus” และบอกตรงๆ ผมคิดว่าผมเจอบางอย่างที่ผมมีความถนัดเหมาะสมแล้ว หรือผมลังเลที่จะพูดว่าผมทำมันได้ดี เพราะผมออกมาไกลจากการสำเร็จการศึกษาที่โรงเรียนศิลปะ แล้วและยังมีหลายอย่างที่ต้องเรียนรู้ แต่ผมมั่นจว่าผมทำสิ่งนี้ได้ดีกว่าอย่างอื่น ฉะนั้นผมเลยจะลองดูและมุ่งความสนใจไปที่นั่น และทำอาชีพนี้ให้นานเท่าที่จะทำได้ คำถาม: ผมคิดว่าคุณถูกห้อมล้อมบนถนน ตอนนี้คุณคุ้นเคยกับการเป็นคนของสังคมหรือยัง? แดเนียล แรดคลิฟฟ์: ผมว่าโดยรอบบริเวณของผมพวกเขาค่อนข้างคุ้นเคยกับผมแล้ว เหมือนกับ ‘โอ้ นั่นเขาอีกแล้ว’ แต่มันก็ดีนะที่ตัวใหญ่ขนาด 5’5”—ไม่มีใครต้องมองสองครั้งสองครา หากเราเป็นพวกหน้าผอมหุ้มกระดูกท่ามกลางฝูงชน มันก็ไม่ดึงดูดความสนจได้มากหรอก คำถาม: มันเคยควบคุมไม่ได้มั้ย? แดเนียล แรดคลิฟฟ์: ก็ไม่นะ แค่ที่ญี่ปุ่นเท่านั้น มันโหดร้ายตอนที่ผมอยู่ที่ญี่ปุ่น มันน่าประหลาดเพราะมันมีการจัดการทั้งการรุกรานและควบคุมอย่างไม่น่าเชื่อในเวลาเดียวกัน พวกเขาจะพุ่งมาหาเรา แต่มันเหมือนกับเครื่องกั้นที่เรามองไม่เห็นห่างไป 2 ฟุตจากตัวเรา พวกเขาจะผ่านมาไม่ได้ มันน่าทึ่งจริงๆ มันเหมือนกับมีฝ่ายกองกำลังคุ้มกันเราอยู่ ผมหมายถึงเราไปถึงญี่ปุ่นตอนผมอายุ 13 มีคนห้าพันคนเฝ้ารออยู่ที่ทางเข้าสนามบินส่งเสียงกรี๊ด ผมหมายถึงมันดูเป็นจริงเป็นจังมาก ผมเป็น Beatle ที่ญี่ปุ่นเลย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ