กรุงเทพฯ--3 ธ.ค.--
หากจะพูดถึงเวทีสำหรับการประกวดประขันด้านศิลปะระดับประเทศที่ได้ทั้งเงินและกล่อง หนึ่งในนั้นย่อมมีชื่อของฮอร์ส อะวอร์ด และ นานมี ไฟน์ อาร์ต อะวอร์ดรวมอยู่ด้วย นั่นเพราะการจัดต่อเนื่องนับเป็นปีที่ 5 แล้วซึ่งบริษัท นานมี จำกัด ได้สานต่อกิจกรรมดีๆเพื่อเฟ้นหาดาวมาประดับฟากฟ้าวงการศิลปะของไทย และยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานถ้วยรางวัลแก่ผู้ชนะ
โดยแบ่งการประกวดเป็นระดับเยาวชนที่ครอบคลุมทั้งเด็กเล็กเด็กโต ตั้งแต่อนุบาลจนถึงมัธยมศึกษาตอนต้น ใช้ชื่อว่า “ฮอร์สอะวอร์ด” การประกวดผลงานจิตรกรรมสำหรับศิลปิน มือสมัครเล่น จากมัธยมศึกษาตอนปลาย อาชีวศึกษา อุดมศึกษา และประชาชนทั่วไปในชื่อ “นานมี ไฟน์อาร์ต อะวอร์ด” จึงถือเป็นเวทีเปิดกว้างสำหรับผู้มีใจรักศิลปะทุกเพศทุกวัยทุกอย่างแท้จริง และได้รับความสนใจจากผู้มีใจรักงานศิลป์ทุกรุ่น ทั้งจิตรกรเมืองกรุงไปจนถึงศิลปินลูกทุ่งร่วมส่งผลงานมาเป็นจำนวนมาก
ปรีญาณี สุพุทธิพงศ์ รองกรรมการผู้จัดการบริษัทนานมี จำกัด กล่าวถึงโครงการนี้ว่าทางนานมี มุ่งหวังให้ผู้เข้าประกวดและผู้ที่ได้สัมผัสชื่นชมผลงานจะได้นำข้อคิดที่มีประโยชน์จากงานศิลปะมาเป็นแรงบันดาลใจให้กับตนเอง โดยในปีนี้ได้กำหนดหัวข้อการประกวดว่า “รัก” คำสั้นๆ 4 แต่มีความหมายและศิลปินสามารถแสดงออกมาได้ในหลากมิติหลายมุมมอง จุดประกายเพื่อนำเอาอานุภาพของความรักมาสร้างสรรค์สิ่งดีงาม เป็นพลังในการดำเนินชีวิต และแบ่งปันไปยังคนรอบข้างและสิ่งแวดล้อมรอบตัวเกื้อหนุนและผลักดันให้สังคมไทยเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและสามัคคี โดยนานมียังคงเดินหน้าในการจัดโครงการนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนและคนไทยได้แสดงออกถึงความสามารถทางศิลปะ เป็นเวทีในการพบปะแลกเปลี่ยนความรู้ทัศนคติความคิดเห็น ยกระดับและต่อยอดองค์ความรู้และความสามารถด้านศิลปะ รวมทั้งกระตุ้นให้เกิดการฝึกฝนและพัฒนาฝีมืออันนำไปสู่ความก้าวหน้าของวงการศิลปะของไทย เพื่อผลักดันสู่เวทีศิลปะระดับโลกในอนาคต
ผลงานศิลปะมากมายกว่า 4 พันชิ้นจากทั่วทุกภาคของประเทศไทยได้ประจักษ์ต่อสายตากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและศิลปินระดับแนวหน้า โดยในการประกวดระดับเยาวชนมี อ.สังคม ทองมี , อ.ไพบูลย์ ธรรมเรืองฤทธิ์ , อ.มานิตย์ นิเวศน์ศิลป์ , อ.อุทร ตัณฑสมบูรณ์ และอ.ชุติกานต์ พิณกุล ร่วมเป็นคณะกรรมการตัดสิน โดยคณาจารย์ทั้งหมดต่างพูดเป็นเสียงเดียวว่าทึ่งในความสามารถด้านศิลปะของเด็กไทยที่พัฒนาขึ้นมาก มีความกล้าในการสร้างสรรค์ผลงาน ทิ้งกรอบเดิมๆที่เคยถูกสอนและทำกันเป็นรูปแบบ จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นที่น่าภาคภูมิใจ ทั้งในด้านเทคนิคองค์ประกอบศิลป์ การใช้สีตลอดจนการสะท้อนเรื่องราว จุดเด่นที่ทำให้ผลงานในปีนี้ มีคุณค่า คือการแสดงออกของภาพที่สะท้อนหัวข้อคำว่า “รัก” อย่างเป็นอิสระ สร้างอารมณ์และความรู้สึกให้กับผู้ชมได้อรรถรสและจินตนาการ โดยเฉพาะความรักในความเป็นคนไทยบนผืนแผ่นดินไทย ที่ถูกสะท้อนออกมาในรูปแบบต่างๆที่หลากหลาย แต่สิ่งสำคัญที่อยากฝากเยาวชนผู้เข้าประกวดและผู้อยู่เบื้องหลังโดยเฉพาะบรรดาพ่อแม่ผู้ปกครองและครูสอนศิลปะให้ตระหนักอยู่เสมอคือการไม่เข้าไปชี้นำ โดยใส่ความคิดแบบผู้ใหญ่ลงไปในตัวเด็ก แต่สามารถแนะนำส่งเสริมได้ เพราะมาตรฐานในการตัดสินไม่ได้มุ่งเน้นเรื่องความสวยงามและเทคนิคด้านศิลปะเพียงอย่างเดียว แต่ความเป็นธรรมชาติ ความคิดที่ซื่อตรงและไม่ซับซ้อนแบบเด็กๆ ที่แต่งแต้มไปในภาพ คือเสน่ห์ที่มัดใจกรรมการได้ดีที่สุด พูดง่ายๆว่าไม่ได้ดูที่พลังฝีมืออย่างเดียว แต่เน้นที่พลังในตัวเด็กเป็นสำคัญ นับเป็นการประเมินและตัดสินอย่างครบในทุกมิติก็ว่าได้
สำหรับการประกวดผลงานจิตรกรรมรุ่นใหญ่ ได้คณาจารย์ระดับแถวหน้าของไทย ทั้ง ศาสตรจารย์ ปรีชา เถาทอง ศิลปินแห่งชาติ , อ.พิษณุ ศุภนิมิต, อ.โกศล พิณกุล, อ.สมาน คลังจัตุรัส , อ.นพดล เนตรดี , อ.ธงชัย รักปทุม และอ.มานิตย์ นิเวศน์ศิลป์ มาร่วมเป็นกรรมการตัดสิน โดยศิลปินแห่งชาติหนึ่งในคณะกรรมการแสดงทัศนะว่า ทุกๆปีที่ผ่านมา ผลงานที่ส่งประกวดใน 2 รุ่นคือระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และระดับอุดมศึกษาและประชาชน มีความแตกต่างและช่องว่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนทั้งในแง่เทคนิคองค์ประกอบศิลป์และการแสดงออกของเรื่องราว แต่ในปีนี้จะเห็นว่าผลงานของทั้ง 2 รุ่นมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยและช่องว่างของระดับความสามารถแคบลง จึงพูดได้ว่าเยาวชนไทยมีการพัฒนาตนเองและเรียนรู้มากขึ้น ผลงานส่วนใหญ่ศิลปินมีวิธีการนำเสนอที่แตกต่างกัน บ้างก็นำเสนอความรักแบบซื่อตรงเข้าใจได้ง่าย แต่บางคนก็มีวิธีการที่แยบยลทำภาพนั้นๆดูน่าสนใจและชวนติดตามยิ่งขึ้น โดยหัวข้อในปีนี้ถือว่าเปิดกว้างให้ศิลปินแสดงความรู้สึกได้อย่างกว้างขวาง โดยส่วนใหญ่สะท้อนมุมมองความรักที่คุ้นเคย คือความรักในความเป็นไทย รักในศิลปวัฒนธรรมไทย ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ความรักความสามัคคีกันของคนในชาติ และความรักความผูกพันของคนในครอบครัว ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นความรักในเชิงสร้างสรรค์ที่น่าชื่นชม สำหรับด้านเทคนิคองค์ประกอบศิลป์ ผู้เข้าประกวดสามารถนำเทคนิคใหม่ๆเข้ามาบูรณาการได้อย่างลงตัว ทำให้ภาพมีความโดดเด่นและน่าสนใจ โดยศิลปินแห่งชาติกล่าวทิ้งท้ายว่าผลงานส่วนใหญ่มีรูปแบบสัจนิยม จึงน่าที่จะทำให้ผู้ที่เข้ามาชมผลงาน สามารถเข้าใจและชื่นชมภาพจิตรกรรมได้ง่ายขึ้น
สำหรับผลงานที่ส่งเข้าประกวดทั้ง 2 โครงการ จะถูกคัดเลือกและนำมาจัดแสดงเป็นนิทรรศการ พร้อมกับมีพิธีมอบถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีแก่ผู้ชนะโดยมี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี และ พ.อ.หญิงท่านผู้หญิงจิตรวดี จุลานนท์ เป็นประธาน ภายในงานมีการเสวนาด้านศิลปะโดยศิลปินระดับแถวหน้าของไทย โดยท่านองคมนตรีและภริยาจะโชว์ฝีแปรงสดๆในการรังสรรค์งานศิลปะให้ชมด้วย สามารถมาให้กำลังใจและร่วมชื่นชมความสามารถของเยาวชนและศิลปินมือสมัครเล่นได้ในวันพฤหัสบดีที่ 25 พฤศจิกายนนี้ เวลา 15.00 น. ที่อาคารนานมี
บริษัท นานมี จำกัด จึงขอเชิญชวนประชาชนทั่วไปและผู้มีใจรักด้านศิลปะเข้าชมนิทรรศการผลงานในโครงการประกวดภาพวาดฮอร์ส อะวอร์ด และการประกวดผลงานจิตรกรรมนานมี ไฟน์ อาร์ต อะวอร์ดได้ฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน — 30 ธันวาคม 2553 นี้ ณ นานมีแกลลอรี ชั้น 3 อาคารนานมี สาทร โดยสามารถเดินทางโดยรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีสุรศักดิ์ ทางออกหมายเลข 1 สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 648 8000