กรุงเทพฯ--16 ธ.ค.--ปภ.
จากสถิติอุบัติเหตุทางถนน พบว่า คนไทยเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนกว่าปีละ 11,000 คน และกว่าร้อยละ 75ของผู้เสียชีวิตเป็นกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ โดยสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตเกิดจากการบาดเจ็บที่ศีรษะอย่างรุนแรงเนื่องจากผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์สวมหมวกนิรภัยเพียงร้อยละ 60 ส่วนผู้ซ้อนท้ายรถจักรยานต์สวมหมวกนิรภัยร้อยละ 30 และสัดส่วนของการสวมหมวกนิรภัยจะลดลงในกลุ่มเด็กและเยาวชนจากปัญหาดังกล่าว รัฐบาลจึงได้ประกาศให้อุบัติเหตุทางถนนเป็นวาระแห่งชาติ และกำหนดให้ปีพ.ศ.2554-2563 เป็นทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน ซึ่งมาตรการสำคัญที่รัฐบาลจะเร่งผลักดันให้บรรลุผลสำเร็จเป็นอันดับแรก ได้แก่การส่งเสริมให้ผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์สวมหมวกนิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจึงได้ผลักดันการดำเนินโครงการปีแห่งการส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์ ประกอบด้วยกิจกรรมหลัก 5 ด้าน ดังนี้ กิจกรรมที่ 1 การผลักดันให้รัฐบาลประกาศให้ปี 2554 เป็นปีแห่งการรณรงค์ส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์ กิจกรรมที่ 2 การรณรงค์ประชาสัมพันธ์และการให้ความรู้ด้านการสวมหมวกนิรภัย กิจกรรมที่ 3 การบังคับใช้กฎหมาย กิจกรรมที่ 4 การผลิตหมวกนิรภัยและการออกแบบหมวกนิรภัย กิจกรรมที่ 5 การติดตามประเมินผล รวมถึงกำหนดให้สถานที่ราชการทุกแห่งเป็นพื้นที่สวมหมวกนิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์ และให้เจ้าหน้าที่ในสังกัด
สวมหมวกนิรภัยทุกครั้งที่ขับขี่และโดยสารรถจักรยานยนต์ อีกทั้งให้สถานประกอบการ สถานศึกษาของภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งกำหนดมาตรการในการส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัยแก่พนักงานและบุคลากรอย่างเคร่งครัด
แม้หมวกนิรภัยไม่ใช่อุปกรณ์ป้องกันอุบัติเหตุ แต่การสวมหมวกนิรภัยที่ได้มาตรฐานอย่างถูกวิธี เมื่อประสบอุบัติเหตุจะช่วยป้องกันการบาดเจ็บที่ศีรษะได้ถึงร้อยละ 70 และป้องกันการเสียชีวิตได้ถึงร้อยละ 40 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจึงขอแนะวิธีเลือกใช้และการสวมหมวกนิรภัยอย่างถูกวิธี ดังนี้
การเลือกใช้หมวกนิรภัย เลือกใช้หมวกที่มีขนาดพอดีกับศีรษะ มีเครื่องหมายรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรมกำกับไม่ใช้หมวกกที่มีขนาดใหญ่กว่าศีรษะ เพราะหากประสบอุบัติเหตุ จะหลุดออกจากศีรษะได้ง่าย เลือกใช้หมวกที่มีสีสันสดใสจะช่วยให้ผู้ใช้รถใช้ถนนรายอื่นเห็นได้ชัดเจนในระยะไกล ห้ามนำหมวกนิรภัยที่เคยประสบอุบัติเหตุหรือกระแทกอย่างรุนแรงมาใช้งาน และควรเปลี่ยนหมวกใบใหม่ทุกๆ 5 ปี หรือภายหลังหมวกกระแทกพื้นหรือของแข็งอย่างแรง เนื่องจากวัสดุอาจเสื่อมสภาพ
การสวมหมวกนิรภัยอย่างถูกวิธี สวมหมวกตรงๆบนศีรษะ ไม่เอียงไปทางใดทางหนึ่ง โดยส่วนหน้าคลุมหน้าผากทั้งหมดจนถึงขอบคิ้ว ส่วนที่เหลือคลุมพื้นที่บนศีรษะให้มากที่สุด ปรับความตึงของสายรัดคางให้กระชับใต้คาง สายรัดคางต้องไม่บิดหรือหย่อน รวมถึงแน่นหนาเพียงพอที่หมวกจะไม่หลุดออกจากศีรษะหรือเลื่อนเปลี่ยนตำแหน่งได้ง่ายนอกจากนี้ เพื่อความปลอดภัยไม่ควรซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์เกินกว่าหนึ่งคนหรือบรรทุกสิ่งของที่มีน้ำหนักมากเกินไปเพราะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการควบคุมรถ ทำให้รถเสียการทรงตัวได้ง่ายและเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนน รวมถึงปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด ไม่ขับรถย้อนศร ไม่ขับขี่ในลักษณะผาดโผน ไม่ขับขี่ด้วยความเร็วสูง โดยระดับความเร็วที่ปลอดภัยต้องไม่เกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เนื่องจากเป็นระดับที่หมวกนิรภัยที่ได้มาตรฐานสามารถรองรับแรงกระแทกได้กรณีเกิดอุบัติเหตุ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0-2243-2200 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย