บทสัมภาษณ์ "อนันดา จาก คืนจิตหลุด ใน หลุด4หลุด"

ข่าวบันเทิง Wednesday January 5, 2011 17:13 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--5 ม.ค.--สหมงคลฟิล์ม พระเอกมากฝีมือ “อนันดา เอเวอริงแฮม” กับการพลิกบทบาทใหม่ที่คุณไม่เคยเห็น ลุคใหม่ที่คุณไม่เคยสัมผัส ในโปรเจ็คต์หนังหลุดสุดขั้ว “หลุด 4 หลุด” ตอน “คืนจิตหลุด” เป็นหนุ่มฮ็อตคิวงานแน่นตลอดแล้วมีเวลาให้กับหนังเรื่องนี้อย่างไร สำหรับหนังเรื่องนี้ผมเคลียร์คิวกันถึงนาทีสุดท้ายเลยครับ ความจริงแล้วคิวมันไม่เหลือจริงๆ แล้วจังหวะหนังเรื่องนี้มันเข้ามาพอดี อย่างพี่ใหม่ (ภวัต พนังคศิริ-ผู้กำกับ) เองเขาก็มีคิวละครด้วยเหมือนกัน ผมเองก็ต้องเดินทางไปต่างประเทศ แต่พอเป็นพี่ใหม่กำกับเราก็พยายามที่จะเคลียร์คิวให้เขา แล้วเป็นบทหนังของพี่เอกสิทธิ์ด้วย เราก็อยากเล่นมากๆ คือผมเคยพลาดไปแล้วจากหนังเรื่อง “13 เกมสยอง” คือชอบบทชอบสไตล์พี่เอกสิทธิ์ พอกลายเป็นบทของพี่เอกสิทธิ์และพี่ใหม่กำกับ ยังไงก็ต้องเล่นหนังเรื่องนี้ให้ได้ นี่คิดตอนยังไม่ได้อ่านบทด้วยนะ ซึ่งพอได้อ่านบทแล้วเห็นว่ามีตัวละครแรงๆ อย่าง “หนึ่ง” ในเรื่องนี้ ก็อยากลองดู อาจจะต้องเหนื่อยหน่อย เพราะคิวถ่ายทำมันน้อยมากครับ บทบาท-คาแร็คเตอร์ใน “คืนจิตหลุด” ใน “คืนจิตหลุด” ผมรับบทเป็น “หนึ่ง” ครับ คือดูเป็นพวกอันธพาลนักเลง มีนิสัยโรคจิตหน่อยๆ ไม่มีความสงสาร ไม่ว่าจะเพื่อนหรือคนรอบข้าง เป็นคนที่ชอบเห็นคนรอบข้างเจ็บ ชอบกดดันคนอื่น ชอบข่มคนอื่นให้เห็นว่าตัวเองเหนือกว่า ดูเป็นคนที่มีอำนาจ โดยรวมเป็นคนที่นิสัยไม่ดี ไม่มีความดีอยู่ในตัวเลยในผู้ชายคนนี้ มันเป็นพวกนิสัยแบบมันเป็นตัววรนุชเลย (หัวเราะ) ก็คือเป็นคนเลว เป็นโจร มันเป็นคนที่มีความสุขในการที่เห็นคนอื่นอึดอัดเจ็บปวดหรืออะไรแบบนี้ เป็นโรคจิตอะไรแบบนั้น ก็คือมันเป็นอาการของคนชนิดหนึ่งเลยครับ เกิดความสะใจเกิดความท้าทายในการที่เห็นคนอื่นกดดัน ไม่ค่อยมีสำนึก ไม่มีสันดานของมนุษย์ปกติทั่วไป คือตัวนี้เป็นตัวละครที่เลวที่สุดตั้งแต่เล่นมาใช่ไหม ก็เลวที่สุดคือตอนแรกเราอ่านบทมันก็ยังไม่ถึงขั้นนั้น แต่เราก็คุยกับผู้กำกับเขาว่า ไม่อยากให้มันดูเป็นจิ๊กโก๋โวยวาย อยากได้ให้มันดูแบบจิตก็จิตไปเลย คือในเรื่องเนื้อหาทั้ง 4 เรื่องนี้มันมาในเรื่องของความหลุดเรื่องจิตไม่ปกติอะไรแบบเนี่ย ก็อยากให้มันเป็นมากกว่าแค่โจรกะโหลกกะลาคนหนึ่งอะไรแบบนี้ เพราะที่ทำมันก็กะโหลกกะลามาก มันก็ไปขโมยของบ้านชาวบ้าน แต่ว่าคือสิ่งที่แตกต่างคือเราไปปรึกษากับพี่ใหม่ว่าแบบอยากจะเพิ่มความโรคจิตเข้าไปในตัวละคร ส่วนภายนอกเราก็ไปเพิ่มเป็นรอยแผลที่หน้า ก็จะมีแบบรอยบากที่หน้าเหมือนเคยโดนอีโต้ฟันหัวมา แล้วก็ไปปั่นให้ตัวละครมันลดความโวยวายของตัวละครลงมาให้เปลี่ยนให้เป็นความโรคจิตมากขึ้น พลิกบทบาทจากพระเอกมาร้ายสุดขั้ว มันได้ปลดปล่อยพลังการแสดงไปขนาดไหน คือมันเป็นตัวละครที่เราไม่เคยเล่นมาก่อน มันมีแต่ด้านมืดไม่มีด้านสว่างเลย ซึ่งพอผมมาวิเคราะห์ดูตัวนี้มันเล่นได้หลากหลายวิธีมาก ตอนที่อ่านบทผมมองว่ามันเป็นจิ๊กโก๋ขี้โวยวาย ผมก็คุยกับพี่ใหม่ว่าขอเปลี่ยนให้มันดูมีความเป็นคนโรคจิตหน่อยๆ ได้ไหม ตอนที่เล่นเราก็พยายามเติมความไม่เต็มของจิตใจตัวละครเพื่อไม่ให้มันเหมือนจิ๊กโก๋ขี้โวยวายทั่วไป มันก็เป็นบทที่ได้ปลดปล่อยอยู่แล้วแน่นอน คือเราก็ไม่เคยเล่นเป็นตัวละครอะไรที่มันมีความข่มเหงหรือความบ้าบิ่นบ้าพลังอะไรขนาดนี้ เพราะปกติลุคผมจะออกมาเป็นตัวละครเก็บกดอยู่เรื่อยโดนคนอื่นเขาทำทารุณ แต่คราวนี้เราไปทำเขาเอง โวยวายวิ่งไล่ล่ายิงคนอะไรแบบนี้ ก็สะใจส่วนตัว ก็เป็นอีกแบบหนึ่งไม่เคยเล่นแบบมันเลวจริงๆ ถ่ายหนังเรื่องนี้โวยวายจนเสียงหายหมดเลย มันเป็นตัวละครที่ใช้พลังงานเยอะมาก ก็สะใจดี มีทั้งด่าคนอื่น ทำร้ายคนอื่น เตะต่อย ยิงปืน แต่จะเล่นแบบนี้บ่อยๆ ก็ไม่ไหวเพราะเหนื่อยมากครับ เรื่องราวของ “คืนจิตหลุด” มันเป็นเรื่องของจิ๊กโก๋กลุ่มหนึ่งที่ไปโขมยของปล้นบ้านคนอื่นเขามา แล้วหนีตำรวจเข้าไปแบ่งของกันที่โรงพยาบาลร้าง แล้วมันก็เกิดเรื่องหลอกหลอนขึ้นมาที่นั่น เพราะมันไม่ใช่มีแค่จิ๊กโก๋เท่านั้นที่อยู่ที่นั่น แต่มันยังมีใครหรืออะไรไม่รู้ซึ่งเราก็ไม่รู้จัก แต่ว่ามันดันรู้จักพวกเราดีทุกคน เราก็พยายามที่จะไล่ล่าสิ่งลึกลับนั้น จนเมื่อมาประจันหน้ากันจริงๆ มันก็ไม่ง่ายอย่างที่เราคิด เพราะดูแล้วมันมีอำนาจการต่อรองที่เหนือกว่าพวกเราที่คิดว่ามีปืนแล้วจะทำอะไรก็ได้ มันกลับไม่ใช่อย่างนั้น แล้วไอ้เรื่องราวของแต่ละคน ความอึดอัดของแต่ละตัวก็ค่อยๆ ออกมา ตัวละครของเรามันก็ค่อยๆ จิตขึ้นๆ สติไม่ค่อยดี เริ่มบ้าเริ่มแบบไม่มีใครให้ไปกดขี่ ก็แบบกดขี่กันเอง ก็ไปสร้างปัญหาในกลุ่มเดียวกัน และเรื่องราวก็ค่อยๆ เผยปมออกมา การร่วมงานกับผู้กำกับ ได้ติดตามผลงานหรือรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่า จริงๆ ผมกับพี่ใหม่ภวัตรู้จักกันมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยที่ผมถ่ายหนังเรื่อง “เมมโมรี่ รักหลอน” แล้วตอนนั้นพี่ใหม่เขากำลังทำหนังให้กับค่ายเอ.จี. เหมือนกัน เราก็ได้มีการพูดคุยว่า อยากจะร่วมงานด้วยกัน เขาก็เอาบทหนังมาให้อ่าน ตัวผมเองก็ชอบสไตล์การทำงานของพี่ใหม่อยู่แล้ว คือเป็นผู้กำกับที่มีแนวคิดดี เราก็นัดหมายกันไว้ว่าสักวันหนึ่งเราต้องได้ทำงานร่วมกัน ในที่สุดก็มาลงตัวที่โปรเจ็คต์นี้ มันเหมือนมีโอกาสที่เหมือนเป็นการอุ่นเครื่อง มาลองร่วมงานด้วยกันในโปรเจ็คต์ที่มันสั้นกว่า เพื่อมาดูว่าแบบระหว่างกันมันเป็นอย่างไรบ้าง และก็เป็นโอกาสสำหรับเราด้วยที่ได้รู้จักพี่ใหม่มากขึ้น แต่จริงๆ เราค่อนข้างชอบงานพี่เขาอยู่แล้ว เราดูผลงานในปีที่ผ่านมา หนังที่อาจจะดูเป็นหนังดีที่สุดในปีที่ผ่านมาก็คือ “นาคปรก” พอได้ดูเรื่องนั้นแล้วเราก็รู้สึกอยากร่วมงานกับพี่เขา ก็ชอบตรงที่พี่เขาแบบเป็นคนกล้าหาญเป็นคนท้าทายของคนที่แบบกล้าผลักขอบเขตของสิ่งที่สมควรในเนื้อหาอะไรแบบนี้ ผมรู้สึกว่าบางทีโจทย์ของหนังเนี่ยบางเวลามันก็ต้องผลักคนดูได้เหมือนกัน ผลักขอบเขตกรอบของคนดูให้กว้างออกไป มันเป็นสิ่งที่เขาทำได้ดีมากแล้วก็ทำด้วยรสนิยมที่ดี ก็เลยค่อนข้างดีใจมากที่ได้มีโอกาสมาทำเรื่องนี้ ก่อนที่เราจะไปทำ โปรเจ็คต์หนังยาวเรื่องใหม่ด้วยกันอีก เพราะเราได้เห็นสไตล์กันและกันแล้ว ก็สนุกดีครับ คือพี่ใหม่เป็นคนที่มีไอเดียเปิดกว้างมาก ผมก็จะนำเสนอไอเดียของผมตลอด พี่ใหม่เขาก็อยากให้นักแสดงได้มีส่วนร่วมด้วย เขาเป็นคนที่เปิดใจมาก พอผมอยากจะแก้บทอย่างนี้อยากจะตั้งตัวละครมาเป็นสไตล์ประมาณนี้ เขาก็เปิดใจเพราะว่าเป็นพวกอยากให้เรามีส่วนร่วมในงานซึ่งเป็นสไตล์ทำงานของเราด้วย เราก็รู้สึกว่าหนังมันเป็นศิลปะที่มันต้องช่วยกันทำร่วมกัน มันทำคนเดียวไม่ได้ และอีกอย่างผมก็ชอบตรงที่พี่ใหม่เป็นคนที่สามารถยืดหยุ่นการทำงานได้ แล้วแกเป็นคนที่ไม่กดดันไม่เครียดมาก คือทำให้บรรยากาศในกองที่บางครั้งมันดูตึงเครียดมันเบาลงได้ตลอด ก็เป็นประสบการณ์ที่ค่อนข้างดีเลยครับ แล้วการร่วมงานกับเพื่อนนักแสดงในเรื่อง นักแสดงในเรื่องนี้ก็มี เอ็กซ์ (ฐิติ เวชบุล) ซึ่งผมกับเขารู้จักกันมานานแล้ว เคยเล่นหนังสั้นมาด้วยกัน เขาก็เป็นคนดีนะ แล้วก็เป็นคนน่ารักมากนะ เป็นคนค่อนข้างเงียบหน่อยไม่ค่อยพูดจาอะไรมาก คือผมเป็นคนชอบคนปกติที่ไม่มีอีโก้หรืออะไร ก็ดีใจที่ได้ทำงานร่วมกัน ส่วน อิ๊คคิว (พีระพล เสนาคุณ) มีมันอยู่ก็ฮาดีครับ เราไม่ต้องไปเอนเตอร์เทนใคร นั่งฟังอิ๊คคิวพูดทั้งวันก็ฮาแล้ว ผมว่าเขาเหมาะกับบทมากนะ ยิ่งได้มาร่วมงานกันในกองนี้เขาทำให้บรรยากาศในกองดูเบาลง แล้วก็มาทำให้หนังมันมีมิติมากขึ้น เพราะมันทำให้หนังแอบมีอารมณ์ขันด้วย ซึ่งมันสำคัญมาก ไม่เช่นนั้นผมว่าคนดูหนังเรื่องนี้ต้องเหนื่อยแน่นอน ผมว่าพี่ใหม่เลือกนักแสดงได้ดีมาก พูดถึงความยากง่ายของการแสดงในเรื่อง “คืนจิตหลุด” ความยากในส่วนของตัวละคร ผมต้องทำให้มันดูมากกว่าจิ๊กโก๋โวยวาย คือผมจะบอกพี่ใหม่ตลอดให้ช่วยเตือนผมด้วยถ้าผมดูเป็นแค่พวกแหกปากโวยวาย เพราะผมอยากให้ตัวละครมันมีความโรคจิตอยู่ในนั้น แสดงออกถึงความเพี้ยนอยู่ในสายตา บางครั้งพอมันอินจนของขึ้นก็อยากที่จะโวยวายอย่างเดียว มันก็ไม่ได้ เราก็ต้องกดอารมณ์ของตัวละครไว้ด้วย คือต้องไม่ใช้แต่อารมณ์ ไม่ใช่แค่สถานการณ์พาไปเครียดแล้วก็โวยวาย แต่สันดานมันต้องดูเป็นคนโรคจิต ซึ่งมันก็ยากตรงนี้แหละ ผมพยายามทำให้ตัวละครตัวนี้มันมีความเลือดเย็น มันก็ต้องมีความใจเย็น มีความสุขุมอยู่ในระดับหนึ่ง เรียกว่าเล่นแบบทรหดที่สุดโทรมที่สุดเลย ก็เราก็จงใจให้มันเป็นแบบนั้น ให้มันดูแย่ที่สุด เราก็แบบขอแผลเขาก็ทำแผลให้ หน้าต้องเยินๆ หน้าดำๆ หน่อยไปเขียนใต้ตาให้ดำ เขียนขอบตาให้แดงเหมือนเมายา (หัวเราะ) ใส่เข้าไปเรื่อย เพราะรู้สึกว่าหน้าเรามันออกหวานอยู่แล้วไง คือมันต้องมาช่วยแปลงนิดนึง เห็นบอกโวยวายจนเสียงแหบเลยเรื่องนี้ ใช่ ก็แหกปากทั้งเรื่อง แล้วก็วิ่งไปวิ่งมาโวยวายอะไรก็ไม่รู้ นึกถึงตัวเองเป็นก๊อตซิลล่า แล้วมันก็ค่อยๆ เพี้ยนขึ้นๆ ก็เริ่มแบบทั้งจิตหลุดโรคจิตบ้าไปด้วย โมโหไปด้วย โวยวายไปด้วย สนุกดีครับ มันจะกลายเป็นบทบาทที่ไม่เคยเห็นมาก่อนของอนันดาเลยหรือเปล่า ผมว่าเป็นบทบาทหนึ่งที่ไม่น่าจะเคยเห็นนะ คือถ้าได้เห็นจะรู้เลยว่าฉีกไปจากเรื่องที่ผ่านมาแน่นอน เราคุยกับทีมงานว่าอยากจะเปลี่ยนตัวเองไปเลย คนดูน่าจะสนุกถ้าไม่ติดภาพของอนันดา ผมอยากให้เขาลืมตรงนี้ไปเลย ก็จะไปขอเรื่องเมคอัพอย่างที่บอกไป จินตนาการว่าตัวละครมันเป็นแบบนี้นะ อาจจะติดยา สภาพบุคลิกมันต้องกังๆ นึกไปถึงวงจรชีวิตมันด้วย พอตกดึกก็ไปเคาะประตูบ้านเพื่อนขอนอนด้วยที่โซฟา แต่พอเช้ามาก็หายหัวไปไหนไม่รู้ น้ำก็อาบบ้างไม่อาบบ้าง ผมก็ให้ช่างแต่งหน้าเขาเขียนขอบตาให้ ดูเหมือนพวกอยากยาหน่อยๆ คือถ้าคนดูติดภาพผมมาก เดี๋ยวมันอาจจะออกมากลายเป็นจิ๊กโก๋นายแบบ ซึ่งเราก็ไม่อยากให้เป็นแบบนั้น ผมเองก็เปลี่ยนไปไม่เคยเห็นตัวเองในสภาพนี้มาก่อนเหมือนกัน ความยากง่ายระหว่างหนังสั้นกับหนังยาวในการทำงานมันแตกต่างมากน้อยแค่ไหน มันเป็นหนังสั้นเนี่ยช่วงเวลาที่มันจะปั้นตัวละครมาเนี่ย ค่อยๆ ปั้นให้คนดูเข้าใจว่าที่มาที่ไป ปมแต่ละปมของตัวละครมันมาจากไหน มันแทบจะไม่มีเวลาเลย มันแทบจะไม่มีเวลาที่จะปั้น ก็นี่แหละสาเหตุที่ผมไปขอทำให้ตัวละครมันค่อนข้างชัดเจนตั้งแต่ต้น มีแผลที่หน้าอะไรแบบนี้ การที่มีแผลที่หน้ามันรู้สึกช่วยลัดคิวไม่ต้องไปปูมาว่า ทำไมตัวนี้มันถึงเป็นคนแบบนี้ คือแค่เห็นหน้ามันก็รู้แล้วว่าไอ้นี้มันเลวแน่ๆ ก็เลยบางทีมันต้องระวังหน่อยว่า พอเป็นหนังสั้นเนี่ยการแสดงก็ค่อนข้างคม คือต้องรู้ว่าจุดประสงค์ของหนังเรื่องนี้คืออะไร เพราะเรามีเวลาเล่าอยู่ 20 นาที ก็สนุกดีครับ มันจะใช้พลังงานอีกแบบหนึ่ง มันจะสูงตลอดเวลา มันจะดุดันตลอดเรื่อง มันจะเข้มข้นมาก หนังเรื่องนี้มันจะหลอนคนดูขนาดไหน พูดถึงความหลอนมันก็เยอะนะ ผมชอบความแปลกใหม่ของหนังเรื่องนี้ จะมีบางฉากที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน อย่างฉากที่เล่นกับกล่อง มันแปลกใหม่ดี ความรู้สึกมันจะไม่เหมือนหนังผีทั่วไปที่เล่นกับพวกจังหวะตุ้งแช่ มันจะมีฉากหนึ่งที่ตัวละครตัวหนึ่งกับกล่องแล้วสถานการณ์ที่มันบีบให้ตัวละครอยู่ในขั้นจิตหลุดได้ ผมว่ามันเจ๋งดี โดยรวมมันจะหลอกหลอนจิตใจทั้งตัวละครและคนดู จุดเด่นของ “คืนจิตหลุด” คือมันเล่นกับเรื่องของสันดานและจิตใจของคน มันพูดถึงความบอบบางของสติคน บางทีคนที่ดูแข็งแกร่งโหดเหี้ยมทั้งภายนอกและภายใน แต่พอมีอะไรมากระตุ้นถูกจุด มันก็สติแตกได้เหมือนกัน มันเป็นหนังที่ค่อนข้างสด ส่วนมากที่ผมเห็นหนังแนวนี้จะเล่นมุกฉาบฉวย มุกผี หรือมุกนอกกาย ซึ่งมันไม่ใช่ภาวะภายในตัวละคร มุกส่วนใหญ่จะเป็นผีซ่อนในตู้เสื้อผ้า เปิดมาแล้วเจอผี ซึ่งใน “คืนจิตหลุด” มันไม่มีเลย มันเล่นกับจิตใจคนมากกว่า ผมว่ามันเท่ดี ส่วนตัวผมก็รู้สึกว่ามันตรงนี้มันได้เห็นเลยว่าสันดานแท้ของมนุษย์เนี่ยพอเราดิ่งไปทางด้านมืดเนี่ย โห...เราเชื่อว่าคนเราสามารถทำอะไรได้หลากหลายมาก และผมว่าคนดูมันก็จะเกิดคำถามว่า ถ้าเกิดเราอยู่ในสถานการณ์อย่างนั้น สิ่งที่เราทำเพื่อตัวเองหรือว่าสิ่งที่เราทำเพื่อคนอื่นมันมีอะไรบ้าง และสิ่งที่เราจะทำเพื่อให้ตัวเองรอดมันมีอะไรบ้าง พอคนดูดูแล้วก็จะเอาตัวเองเข้าไปแทน ถ้าเราเป็นตัวโน้นตัวนี้จะไม่ทำแบบนี้อะไรแบบนี้ มันจะมีคำถามเยอะ พูดถึงความน่าสนใจของโปรเจ็คต์ “หลุด4หลุด” หนังเรื่องนี้ก็จะแบ่งเป็นสี่เรื่อง ก็เป็นเรื่องของคนเขียนการ์ตูนที่ผมค่อนข้างชอบ เป็นการ์ตูนของพี่เอกสิทธิ์ซึ่งเราเป็นแฟนของเขาตั้งแต่ผมได้มีโอกาสมาอ่านการ์ตูนในเรื่อง “13 เกมสยอง” ที่พี่น้อย วงพรูเล่น เราชอบการ์ตูนเขามาก มันมีกลิ่นของพวกแมงก้า (Manga) ญี่ปุ่นอะไรแบบนี้ ผมไม่เคยเจอพี่เขาเหมือนกัน แต่ว่าแกก็คงมีโลกส่วนตัวของตัวเองสูงเหมือนกัน แต่เราชอบงานของเขาที่เป็นแบบการ์ตูน Satire หน่อยๆ ล้อเลียนสังคมอะไรแบบนั้น ล้อเลียนในส่วนของด้านมืดของมนุษย์ ในความรุนแรงของคน คราวนี้สำหรับเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องสั้นของเขาสี่เรื่องนะครับ มันก็ไม่ได้เหมือนกันแต่ละเรื่องมันเป็นคนละอย่าง แต่ว่าสอดคล้องที่สี่เรื่องราวนั้นเป็นเรื่องของความจิตหลุด ความที่ว่าตัวละครแต่ละตัวเจอภาวะสติไม่อยู่กับตัวเนี่ย มันสามารถทำอะไรที่บ้าๆ ได้ มันก็เป็นคอนเซ็ปต์ของเรื่องนี้ครับ ผมว่าคนที่เคยได้อ่านการ์ตูนของพี่เอกสิทธิ์น่าจะเข้าใจมันได้ดี มันเป็นหนังที่แฝงความเป็นพี่เอกสิทธิ์ได้อย่างชัดเจน คือไม่ต้องไปลอกหรือเอาของเมืองนอกมาปรับแต่งให้ดูเหมือนของเรา แต่ว่า “หลุด4หลุด” มันเป็นลายมือและเอกลักษณ์ของคนไทยอย่างพี่เอกสิทธิ์เลย ถ้าใครได้อ่านการ์ตูนของพี่เอกสิทธิ์จะเข้าใจ ผมชอบสไตล์พี่เขามานานแล้วด้วย มันทำให้เราได้เห็นด้านมืดของคน โดยไม่มีไอเดียของพวกฝรั่งเลยสักนิด หรือหนังที่พวกเราเคยเห็นมาก่อนอย่างแน่นอน แสดงว่าติดตามผลงานพี่เอกสิทธิ์มาตลอด ใช่ครับ ผมก็เป็นแฟนผลงานของพี่เอกสิทธิ์คนหนึ่ง ผมเคยพลาดโอกาสจากหนังเรื่อง “13 เกมสยอง” มาครั้งหนึ่งแล้ว คือรู้สึกเสียดายมาก แต่สำหรับบทหนังเรื่องนี้ใน “คืนจิตหลุด” ผมว่าไม่เล่นเรื่องนี้ก็คงไม่ได้แล้ว ไม่อย่างนั้นคงเสียใจกันอีกครั้งแน่นอน แล้วอีกอย่างโปรเจ็คต์นี้มันเป็นโปรเจ็กต์ที่แปลกใหม่สำหรับวงการภาพยนตร์ไทย มีแต่บุคลากรคุณภาพที่มาร่วมกันสร้างสรรค์โปรเจ็กต์ดีๆ เรื่องนี้ขึ้นมา ทั้งพี่เอกสิทธิ์, มะเดี่ยว, พี่โขม, พี่ใหม่ ก็อยากให้มาดูและชื่นชมผลงานดีๆ โดยฝีมือคนไทยที่ไอเดียและมันสมองไม่ได้แตกต่างจากชาวต่างชาติเลย อยากให้มาดูมาวัดคุณภาพกันครับ ให้พูดถึงนิยามของ “จิตหลุด” ในความคิดของอนันดามันหมายถึงอะไร ก็เมื่อสติมันหายไป จิตไม่ก็ไม่อยู่กับตัว มันก็ไม่สามารถควบคุมอะไรได้แล้วตอนนั้น คือสติไม่อยู่กับตัว ผมว่าประเด็นของหนังมันแสดงให้เห็นว่าพอสติไม่อยู่กับตัวเนี่ยเราสามารถทำอะไรได้มากแค่ไหน นี่ พูดถึงในเชิงลบนะ บางทีมันแสดงให้เห็นว่าแบบสันดานของมนุษย์ สันดานแท้ของมนุษย์เนี่ย บางทีมันก็มีความเลวร้ายความมืดอยู่ในนั้นค่อนข้างมาก ก็แค่ให้เห็นว่าพอสติไม่อยู่กับตัวเนี่ยขนาดแบบครอบครัวตัวเองยังทำร้ายกันได้เลยเพื่อเอาตัวเองรอด มันก็แสดงให้เห็นว่าจริงๆ ด้วยสันดานมนุษย์มันก็แรง
แท็ก อนันดา  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ