กรุงเทพฯ--13 ม.ค.--สป.
“คณะกรรมาธิการ การวิทยาศาสตร์ฯ วุฒิสภาร่วมประชุมแลกเปลี่ยนความเห็นกับสภาที่ปรึกษาฯแนะกำหนดแผนแม่บทในการพัฒนาประเทศโดยส่งเสริมการนำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาร่วมในการพัฒนา”
เมื่อวานนี้ (12 ม.ค.54) คณะกรรมาธิการ การวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การสื่อสารและโทรคมนาคม วุฒิสภา เข้าเยี่ยมเยือนและพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ประเทศ ตามภารกิจและอำนาจหน้าที่ของสภาที่ปรึกษาฯ เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมาธิการ โดยมี นายโอกาส เตพละกุล ประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะทำงานที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ
โดยการประชุมในครั้งนี้ คณะกรรมาธิการ การวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การสื่อสารและโทรคมนาคม วุฒิสภา ซึ่งมีภารกิจในการพิจารณาศึกษาติดตาม ตรวจสอบเพื่อการส่งเสริมและการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีการสื่อสารและคมนาคม ได้เข้าร่วมประชุมเพื่อรับทราบนโยบายและแนวทางการส่งเสริม สนับสนุนการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อพัฒนาและสร้างความเข้มแข็งให้ประเทศไทย ในการดำเนินงานตามภารกิจและอำนาจหน้าที่ของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อประกอบการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการ ในการส่งเสริมเร่งรัด ผลักดันการพัฒนาการเทคโนโลยีสารสนเทศโดยรวมของประเทศ เพื่อยกระดับการให้บริการประชาชนด้วยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ อันส่งผลต่อความเข้มแข็งของประเทศชาติในยุคโลกาภิวัฒน์
ในโอกาสนี้ นายโอกาส เตพละกุล ประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สป.) พร้อมด้วย นางภรณี ลีนุตพงษ์ รองประธานสภาที่ปรึกษาฯ และเลขาธิการสภาที่ปรึกษาฯ ได้กล่าวต้อนรับและแสดงความยินดีที่คณะกรรมาธิการ เล็งเห็นความสำคัญต่อการทำหน้าที่ของสภาที่ปรึกษาฯ และร่วมประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เกี่ยวกับการทำงานของสภาที่ปรึกษาฯ เพื่อเป็นแนวทางในการส่งเสริมและสนับสนุนการทำงานของคณะกรรมาธิการ ในด้านการส่งเสริมและสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการพัฒนาประเทศ
นายอนันต์ วรธิติพงษ์ รองประธานคณะกรรมาธิการ การวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การสื่อสารและโทรคมนาคม วุฒิสภา กล่าวว่า สืบเนื่องจากการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการ การวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การสื่อสารและโทรคมนาคม วุฒิสภา ในเรื่องเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาประเทศ ซึ่งก็ได้มีข้อเสนอแนะไปยังรัฐบาลในหลายๆ เรื่อง และได้รับการตอบสนองจากรัฐบาลด้วยเช่นกัน ซึ่งการหารือร่วมกับสภาที่ปรึกษาฯ ในครั้งนี้ เนื่องจากสภาที่ปรึกษาฯ มีหน้าที่ให้ความในการให้ความเห็นและข้อเสนอแนะด้านเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้สิ่งที่อยากจะนำเสนอ เพื่อเป็นประเด็นในการทำงานร่วมกัน คือ เสนอให้สภาที่ปรึกษาฯ กำหนดแผนแม่บทในการพัฒนาประเทศ โดยเน้นการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศมาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศ โดยให้ยึดเป็นยุทธศาสตร์สำคัญ ที่จะต้องปรับแผนอื่นๆ ให้สอดคล้องกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ โดยทำการศึกษาว่า เทคโนโลยีมีส่วนสำคัญในการช่วยพัฒนาชาติได้อย่างไร และจะทำอย่างไรให้เกิดการบรรจุเข้าไปในแผนของชาติ และพัฒนาให้เกิดความยั่งยืนต่อไปได้ โดยเฉพาะในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 ที่อยู่ระหว่างการร่างแผน ซึ่งอยากให้สภาที่ปรึกษาฯ พิจารณาเรื่องนี้ บรรจุเข้าไปในแผนพัฒนาฯ ดังกล่าวด้วย
นอกจากนี้ ได้มีการแสดงความเห็นจากคณะทำงานที่เกี่ยวข้อง เช่น คณะทำงานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร, คณะทำงานโครงสร้างพื้นฐาน คมนาคมและพลังงาน, คณะทำงานเศรษฐกิจภาคบริการและการท่องเที่ยว และคณะทำงานสื่อสารกับสังคม ดังนี้
- เนื่องจากยังไม่มีการจัดทำแผนแม่บท (Master plane) ที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นแผนในระยะ 3 ปี 5 ปี หรือ 10 ปี จึงจำเป็นต้องจัดทำขึ้น ทั้งแผนด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รวมถึงแผนการพัฒนาพลังงานในประเทศด้วย
- ในต่างประเทศมีการใช้แผนข้อมูลพื้นฐานภูมิสารสนเทศ มาเป็นแผนแม่บทในการพัฒนาประเทศด้านโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ แต่ในประเทศไทยยังไม่ให้ความสำคัญเท่าที่ควร หากมีการเตรียมทำแผนข้อมูลพื้นฐานภูมิสารสนเทศ มาใช้ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลด้านภูมิประเทศ ด้านการคมนาคม ด้านการเกษตร ก็จะมีประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศเป็นอย่างมาก
- การใช้ประโยชน์จากดาวเทียมคีออส ยังน้อยเกินไป ทั้งที่สามารถตรวจสอบสภาพภูมิสารสนเทศของประเทศไทยได้เป็นอย่างดี
- การทำแผนยุทธศาสตร์ต่างๆ นั้น ในบางครั้งเป็นการทำแผนเฉพาะแต่ละรัฐบาล แต่ละกระทรวง เมื่อมีการปรับเปลี่ยนการบริหารงาน ก็ไม่มีใครนำมาสานต่อโครงการ ทำให้แผนงานสะดุดและขาดความต่อเนื่องในการดำเนินงาน เนื่องจากมองว่า อาจเป็นการคัดลอกนโยบายมาทำต่อ
- การวิจัยและพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในประเทศไทยนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นข้อมูลมีประโยชน์ แต่ยังขาดการพัฒนาให้เป็นรูปธรรมได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเสียดาย อีกทั้งในเรื่องสิทธิทางปัญญา ในการคุ้มครองผู้พัฒนาสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ มีความล่าช้า จึงทำให้ผู้ประกอบการเสียโอกาสในการแข่งขัน
- การพัฒนาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ในด้านการแข่งขันในประเทศไทยยังไม่เป็นเชิงรุก แต่เป็นแบบเชิงรับมากกว่า และยังตามต่างประเทศอยู่ จึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องให้ความสำคัญ
- การแข่งขันในขณะนี้ แข่งกันที่เวลาและความสามารถ ในปัจจุบันมีเพียงเทคโนโลยีสารสนเทศเท่านั้น ที่จะทำให้ประเทศสามารถพัฒนาให้ก้าวหน้าได้
- การขับเคลื่อนแผนการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการพัฒนาประเทศนั้น ในระยะแรกอาจยังไม่ทันต่อการบรรจุไปในแผนของชาติ สภาที่ปรึกษาฯ คงต้องมีการกำหนดแนวทางศึกษา เพื่อให้มีความสมบูรณ์อีกครั้งหนึ่ง
ด้านนายอนันต์ วรธิติพงษ์ รองประธานคณะกรรมาธิการฯ กล่าวในตอนท้ายว่า เนื่องจากสภาที่ปรึกษาฯ มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาให้ความเห็นและข้อเสนอแนะต่อแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ก่อนพิจารณาประกาศใช้ หากมีการกำหนดยุทธศาสตร์หรือแผนส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อพัฒนาและสร้างความเข้มแข็งให้ประเทศไทย ก็จะส่งผลดีต่อประเทศในอนาคตต่อไป
ทั้งนี้ ภายหลังการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น นายโอกาส เตพละกุล ประธานสภาที่ปรึกษาฯ กล่าวแสดงความขอบคุณ คณะกรรมาธิการ การวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การสื่อสารและโทรคมนาคม วุฒิสภา พร้อมสนับสนุนโดยจะเร่งทำการศึกษา การส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการพัฒนาประเทศ และวางวิธีการที่จะขับเคลื่อนให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป