เปิดตัว CAPP GROUP คัดหัวกะทิยังก์บลัดโชว์กึ๋นส์ หวังปีแรกยอด 120 ล้าน ฟุ้ง 3 ปี นั่งเบอร์ 1 ศาสตร์แพทย์ตะวันออก ของเอเชีย

ข่าวทั่วไป Thursday January 13, 2011 17:32 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--13 ม.ค.--โฟร์ฮันเดรท เปิดตัว CAPP GROUP กลุ่มบริษัทคนรุ่นใหม่ ลั่น!!!พร้อมนำนวัตกรรมเข้ายกระดับศาสตร์สมุนไพรตะวันออกโชว์เท่ห์บนเวทีสากล หลังพบเทรนด์ตลาดสมุนไพรโลกมีมูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านดอลล่าร์ ที่สมุนไพรตะวันออกมีแชร์เพียง 2% ในขณะที่ทิศทางการเติบโตของตลาดสมุนไพรในยุโรปโตเพิ่ม 30% และอีก 20% ในสหรัฐ ฯ พร้อมทุ่มเงินกว่า 50 ล้านบาททำงานร่วมกับทีมวิจัยพร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์แบบ 360 องศา จนได้ตัวยาคุณภาพเป็นที่ยอมรับ ในมาตรฐานโลก ภายใต้แนวคิด ENRICHING LIFE หรือการมีชีวิตที่เปี่ยมด้วยพลัง เชื่อตลาดไทยไร้คู่แข่งเปิดตัวปีแรกตั้งเป้า 120 ล้านบาท ดร.นำกฤติ จีรพุทธิรักษ์ กรรมการผู้จัดการ และผู้ถือหุ้น บริษัท ซี.เอ.พี.พี กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด หรือ C.A.P.P. GROUP เปิดเผยว่า การเกิดขึ้นของ CAPP GROUP นั้นมาจากผู้บริหารทั้ง 4 อันประกอบด้วย นายนรัลวรรธน์ ดุลยพีรดิส ผู้ที่คร่ำหวอดกับธุรกิจค้าเหล็ก และเชี่ยวชาญด้านการสร้างทีมขาย นายสุเมธ นิรเพียรนันท์ ผู้จัดการบริษัท จงที (ไทย) จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจครอบครัวที่มีองค์ความรู้เรื่องศาสตร์สมุนไพรตะวันออกจากบรรพบุรุษ นายภัทรพล ศิลปาจารย์ ดาราศิลปินที่สนใจดูแลเรื่องสุขภาพและอาหารเสริม และตนซึ่งทำงานในทีมที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของอดีตรัฐมนตรี และให้คำปรึกษาความเสี่ยงด้านการลงทุน ซึ่งได้คุยกันถึงทิศทางแนวโน้มของธุรกิจที่น่าจับตาและมีความเป็นไปได้ในอนาคต โดยทุกคนมีความเห็นคล้อยตามกันว่าเทรนด์ของสุขภาพและอาหารเสริมจะกลายเป็นไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งศาสตร์สมุนไพรตะวันออก ซึ่งเป็นภูมิปัญญาที่แม้แต่เทรนด์ตะวันตกยังหันมาให้ความสนใจ เพราะสิ่งที่มาจากธรรมชาติย่อมมีผลข้างเคียงน้อยกว่าสารสังเคราะห์ที่มาจากเคมีแน่นอน เมื่อความคิดตรงกันความร่วมมือจึงเกิดขึ้นโดยมีอีกหุ้นส่วนสำคัญอย่าง CIRD (CAPP Institute of Research and Development หรือมูลนิธิเพื่อการวิจัยและพัฒนาแค็ปป องค์กรที่ไม่แสวงผลกำไรทางการค้า ได้ร่วมกันนำองค์ความรู้และมาตรฐานการเป็นโรงงานผลิตยามาตรฐาน GMP ของ บริษัท จงที (ไทย) จำกัด เข้าสู่กระบวนการยกระดับด้วยนวัตกรรม กับการทำงานร่วมกับทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยชื่อดัง และหน่วยงานวิชาการภาครัฐ เพื่อค้นคว้าหาความชัดเจน แน่นอนการออกฤทธิ์สรรพคุณทางยาของสมุนไพรตะวันออกเพื่อพัฒนาตัวยาให้ได้คุณสมบัติตามต้องการสร้างความเชื่อมั่นสู่ระดับสากล เพื่อพัฒนาตัวยาให้ได้คุณสมบัติตามต้องการ โดยสินค้าของ CAPP GROUP นั้นจะมีบุคลิกที่ชัดเจน คือเป็นสินค้าที่เน้นตลาดพรีเมี่ยม มีความปลอดภัยได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา เป็นยาหรืออาหารเสริมที่ผลิตภายใต้มาตรฐานสากล และใช้แล้วให้ผลชัดเจน ดร.นำกฤติ ได้พูดถึงทิศทางไลน์ผลิตภัณฑ์ของ CAPP GROUP ว่าจะมีสินค้าในการผลิตอยู่ 4 กลุ่มผลิตภัณฑ์คือ กลุ่มเฉพาะ ที่เน้นการใช้สรรพคุณในฤทธิ์ของยาเฉพาะ ในกลุ่มที่มีปัญหาสุขภาพเช่นกลุ่มผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง กลุ่มผู้มีปัญหาเกี่ยวกับการทำงานของไต เป็นต้น โดยสินค้าในกลุ่มดังกล่าว CAPP GROUP วางแผนจะมีผลิตออกมา 3 ตัวโดยจะเปิดตัวสินค้าตัวแรกในไตรมาสนี้ กลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มสินค้าอาหารเสริม ที่เน้นการบำรุงร่างกาย ซึ่งเป็นความโดดเด่นของศาสตร์สมุนไพรตะวันออกที่เดิมได้นำสมุนไพรจากธรรมชาติมาบำรุงร่างกายของหลายประเทศในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกอยู่แล้ว โดยได้มีการเฟ้นหาสูตรตัวยาบำรุงที่โดดเด่นของแต่ละประเทศทั้งญี่ปุ่น จีน เกาหลี อินเดีย ไต้หวัน มาทดสอบ พัฒนาและเข้าสู่กระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน โดยจะทยอยเปิดตัวตามมา ส่วนในกลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่ม COSMETIC ที่ใช้จุดแข็งสำคัญของ บริษัท จงที (ไทย) จำกัด ที่เป็นผู้รับจ้างผลิตให้กับคลินิกและสถาบันความงามชื่อดังก่อนหน้านี้ โดยจะร่วมกับพาร์ทเนอร์ผลิตแบรนด์ขึ้นมาในอนาคต ส่วนกลุ่มสุดท้าย CAPP GROUP ให้ความสนใจกลุ่มนวัตกรรมทางการแพทย์ ที่เน้นการนำวัตถุดิบจากธรรมชาติ มาสร้างเป็นนวัตกรรมทางการแพทย์ใหม่ๆ อย่างเช่นเรื่องของ ทฤษฎีเต็มเซลล์ ซึ่งเป็นนวัตกรรมสมัยใหม่ในการรักษาที่ไม่มีผลข้างเคียงของเคมี ที่ปัจจุบันวงการแพทย์ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ โดยในกลุ่มผลิตภัณฑ์ 3 กลุ่มแรกนั้น ภายใน 2 ปีจะมีสินค้าหลักทยอยเปิดตัวสู่ตลาด และในกลุ่มสุดท้ายจะเป็นในรูปของรายงานผลการวิจัย ดร.นำกฤติ ได้ตั้งเป้าว่าในปีแรกนี้จะสามารถสร้างยอดขายได้ ราว 120 ล้านบาท จากสินค้ากลุ่มเฉพาะที่จะสร้างกระแส Talk of the Town อย่างแน่นอนหากเปิดตัวออกมา ประกอบกับแนวโน้มการใช้สมุนไพรในโรงพยาบาลของรัฐที่ปัจจุบันภาครัฐได้เพิ่มสัดส่วนการเบิกจ่ายงบประมาณสำหรับสวัสดิการรักษาพยาบาล ที่ต้องการส่งเสริมการใช้สมุนไพรเป็นยา จากเดิม 1% เพิ่มเป็น 10% จากตัวเลข 800 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 880 ล้านบาท นั้นน่าจะเป็นทิศทางการตอบรับที่ดีสำหรับตลาดยาสมุนไพร โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมุนไพรที่ผ่านการผลิตจากโรงงานที่ได้มาตรฐานและการรับรองจาก อย.ของ CAPP GROUP สำหรับช่องทางการจัดจำหน่ายนั้น CAPP GROUP จะสร้างทีม SALE MARKETING ของตนเองขึ้นมา โดยเขาขยายว่า “ยาแต่ละตัวที่ออกมาก็เหมือนกับลูกของเรา ถ้าได้ดูแลเองให้ความรู้กับตัวแทนร้านขายยาทั่วประเทศเอง ข้อมูลก็จะออกมาจากคนที่เป็นพ่อแม่ ถ้าไปฝากคนอื่นขายในขณะที่เขาเองก็มีสินค้าหลายตัว การดูแลเอาใจใส่กับสินค้าของเราอาจจะไม่ทั่วถึง โดยร้านขายยาทั่วประเทศมีทั้งหมดประมาณ 15,000 ร้าน แต่เป็นร้านที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของเราประมาณ 2,000 ร้าน โดยเป็นกลุ่มที่ขายในย่านชุมชนแหล่งท่องเที่ยว หัวเมืองใหญ่ ช่องทางนี้จะประมาณ 50-60% นอกจากนี้จะผ่านทางโมเดิร์นเทรด อย่าง Boots , Watson อีกประมาณ 20% อีก 20% ผ่าน CALL Center ที่จะมีผู้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าของเราโดยตรงซึ่งตอนนี้เราได้พาร์ทเนอร์อย่าง TV Direct เป็นช่องทางการจัดจำหน่าย นอกนั้นจะเป็น E-Commerce ,Web Site และที่เหลือจะส่งออก โดยเราวางแผนการส่งออกว่า น่าจะไปที่ตลาด Middle East ที่มีขนาดตลาดใหญ่กว่าไทย 30 เท่า ที่ตอนนี้เราได้มองหาพาร์ทเนอร์ไว้บ้างแล้ว นอกนั้นจะเป็นตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่คุ้นเคยกับการใช้สมุนไพรดีอยู่แล้ว ตลาดสหรัฐอเมริกาที่มีอัตราการบริโภคขนาดใหญ่และมีแนวโน้มที่ดี รวมถึงตลาดยุโรปและออสเตรเลียในอนาคตด้วย และตอนนี้เราได้ JETRO เป็นผู้ดูแลเรื่องการ MATCHING กับนักธุรกิจในญี่ปุ่นให้ ซึ่งแต่ละรายก็มีความน่าสนใจเพราะผ่านการคัดเลือกจาก JETRO มาแล้วระดับหนึ่ง ซึ่งคาดว่าในเร็วๆนี้จะสามารถเข้าไปในตลาดญี่ปุ่นได้” ดร.นำกฤติ ทิ้งท้ายว่าเป้าหมายของ CAPP GROUP ต้องการเป็นผู้เล่นอันดับหนึ่งด้านการแพทย์ตะวันออกในประเทศไทยและเอเชียในที่สุด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บริษัทที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์ บริษัท โฟร์ฮันเดรท จำกัด คุณสิทธิกร เสงี่ยมโปร่ง (คุณแป๋ง) โทร. 02-553-3161-3

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ