มูลค่าการลงทุนซื้อขายอาคารทั่วโลกในปี 53 พุ่งเป็น 316,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่ม 50% จากปี 52 คาดปีนี้มูลค่าขยายตัวอีก 25%

ข่าวอสังหา Tuesday January 25, 2011 15:16 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--25 ม.ค.--โจนส์ แลง ลาซาลล์ รายงานจากโจนส์ แลง ลาซาลล์ เปิดเผยว่า การลงทุนซื้อขายอาคารที่มีวัตถุประสงค์การใช้ประโยชน์ในเชิงธุรกิจ (อาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า และโรงแรม) ทั่วโลกในปี 2553 มีมูลค่ารวม 316,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบกับปี 2552 ที่มีมูลค่าการซื้อขายเพียง 209,000 ล้านดอลลาร์ สะท้อนให้เห็นถึงการฟืนตัวของตลาดการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ในทั้งสามภูมิภาคหลักของโลก ก่อนหน้านี้ในช่วงต้นปี 2553 โจนส์ แลง ลาซาลล์ เคยประมาณการณ์ไว้ว่า การซื้อขายอาคารที่มีวัตถุประสงค์การใช้ประโยชน์ในเชิงธุรกิจทั่วโลกของทั้งปี จะมีมูลค่ารวมประมาณเกือบ 300,000 ล้านดอลลาร์ แต่จากการที่ไตรมาสสุดท้ายของปีมีการซื้อขายคึกคักมากเป็นพิเศษ ส่งผลให้มูลค่าของทั้งปีสูงเกินคาด และไตรมาสสุดท้ายของปี 2553 ยังนับเป็นไตรมาสแรกที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์นับตั้งแต่วิกฤตการณ์ทางการเงินโลกเริ่มขึ้นในปี 2550 หากไม่มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นอีก คาดว่า การซื้อขายทั่วโลกจะยังคงคึกคักต่อไปอีกในปีนี้ โดยคาดว่า มูลค่าในปีนี้จะสูงขึ้นจากปีที่แล้วอีกประมาณ 20-25% ตลาดการซื้อขายอาคารทั่วโลกปรับตัวดีขึ้นมากในปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะภูมิภาคอเมริกาและยุโรป ซึ่งเคยมีมูลค่าการซื้อขายดิ่งลงต่ำสุดในปี 2551 และ 2552 ในเอเชียแปซิฟิก การลงทุนซื้อขายของทั้งปี 2553 มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 83,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มสูงขึ้น 25% จากปี 2552 ตลาดที่มีมูลค่าการซื้อขายเพิ่มสูงขึ้นมากได้แก่ สิงคโปร์ (219%) ออสเตรเลีย (77%) จีน (41%) และฮ่องกง (28%) กิจกรรมการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้นในเอเชียแปซิฟิก สะท้อนให้เห็นถึงปัจจัยพื้นฐานที่ปรับตัวดีขึ้นในตลาดอสังหาริมทรัพย์ทั่วภูมิภาค และการฟื้นตัวของตลาดในหลายๆ ประเทศ ในขณะที่ญี่ปุ่นยังคงเป็นตลาดที่มีมูลค่าการซื้อขายอาคารสูงสุดในภูมิภาคนี้ในปีที่ผ่าน การซื้อขายในจีนมีมีมูลค่าพุ่งสูงขึ้นมากในไตรมาสสุดท้าย ทำให้การซื้อขายของทั้งปีมีมูลค่าเท่ากับ 2 ใน 3 ของมูลค่าการซื้อขายในญี่ปุ่น สำหรับการซื้อขายอาคารในกรุงเทพฯ ในปีที่ผ่านมามีสภาพคึกคักเช่นกัน โดยก่อนหน้านี้ นายอำพล เทพนัมโสมนัสส์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริการด้านการลงทุน โจนส์ แลง ลาซาลล์ ได้กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา มีอาคารสำนักงานเสนอขายในกรุงเทพฯ หลายโครงการ โดยมีสาเหตุหลักสองประการ ประการแรกเกิดจากผลพวงของวิกฤตการณ์ทางการเงินโลกที่ขยายตัวขึ้นในช่วงปลายปี 2552 ซึ่งทำให้นักลงทุนประเภทสถาบันของต่างชาติมีการปล่อยขายทรัพย์สินออกมา ส่วนประการที่สองคือ การมีบริษัทหลายๆ บริษัท ปรับโครงสร้างพอร์ตสินทรัพย์ โดยการเสนอขายสินทรัพย์ที่ไม่ใช่สินทรัพย์หลักของบริษัท รวมถึงอาคารสถานที่ทำการที่ไม่จำเป็นต้องใช้ประโยชน์อีกต่อไป นายอำพลยังกล่าวด้วยว่า ช่วงนี้ นับเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนซื้ออาคารสำนักงานในกรุงเทพฯ เนื่องจากมีอาคารสำนักงานคุณภาพดีเสนอขายในราคาที่น่าสนใจ นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มด้วยว่าตลาดอาคารสำนักงานจะปรับตัวดีขึ้นในระยะสั้นถึงปานกลาง เนื่องจากอาคารที่มีกำหนดสร้างเสร็จใหม่ในอนาคตมีปริมาณน้อยมาก คาดว่าในปีนี้ การซื้อขายอาคารในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จะมีมูลค่าประมาณ 95,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากปี 2553 ประมาณ 15% มูลค่าการซื้อขายในภูมิภาคอเมริกาในปีที่ผ่าน เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว จาก 45,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2552 เป็น 97,000 ล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่าน โดยการซื้อขายมีมูลค่าพุ่งขึ้นสูงสุดในไตรมาสสุดท้ายของปี คือ 38,000 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าถึง 150% การซื้อขายส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในเมืองหน้าด่านสำคัญๆ ได้แก่ นิวยอร์ก วอชิงตันดีซี ซานฟรานซิสโก และริโอเดอจาเนโร อย่างไรก็ดี การแข่งขันที่เริ่มขยับตัวสูงขึ้นในหัวเมืองเหล่านี้ ทำให้ผลตอบแทนการลงทุนเริ่มลดลง ดังนั้น นักลงทุนจึงเริ่มหันไปมองเมืองอื่นๆ คาดว่าในปีนี้ การซื้อขายอาคารในภูมิภาคอเมริกา จะมีมูลค่าประมาณ 135,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากปี 2553 ประมาณ 40% ในภูมิภาคยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา หรือที่เรียกรวมว่า EMEA (Europe, Middle East & Africa) ทั้งปีมีการซื้อขายมูลค่ารวมทั้งสิ้น 136,000 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าปีก่อนหน้าเกือบ 40% โดยในไตรมาสสุดท้ายมีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด คือ 49,000 ล้านดอลลาร์ ตลาดที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดได้แก่ อังกฤษ เยอรมัน และฝรั่งเศส โดยมีมูลค่ารวมกันเท่ากับมากกว่ากึ่งหนึ่งของมูลค่าการซื้อขายในทั้งภูมิภาค ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของนักลงทุนที่สนใจซื้อโครงการอสังหาริมทรัพย์ในตลาดที่พัฒนาแล้วและมีความโปร่งใสสูง โดยเฉพาะอังกฤษ ซึ่งเป็นตลาดที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดในภูมิภาค คือ 49,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 46% ผู้ซื้อโดยเฉพาะที่เป็นนักลงทุนจากต่างประเทศ ให้ความสนใจสูงในการหาซื้ออาคารในกรุงลอนดอน ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีความเสี่ยงต่ำ เนื่องจากตลาดมีความโปร่งใสและสภาพคล่องสูง คาดว่าในปีนี้ การซื้อขายอาคารในภูมิภาค EMEA จะมีมูลค่าประมาณ 150,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากปี 2553 ประมาณ 10-15% โจนส์ แลง ลาซาลล์ โจนส์ แลง ลาซาลล์ จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ค เป็นบริษัทบริการมืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ โดยให้บริการที่ครบวงจรโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกแก่ลูกค้าที่ต้องการคุณค่าสูงสุดจากการเป็นเจ้าของ ใช้ประโยชน์หรือลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ในปี 2552 โจนส์ แลง ลาซาลล์มีรายได้ทั่วโลกรวมทั้งสิ้น 2.5 พันล้านดอลลาร์ จากการให้บริการแก่ลูกค้าใน 750 เมืองของ 60 ประเทศ ผ่านสำนักงาน 180 สาขา ในประเทศไทย โจนส์ แลง ลาซาลล์ เปิดดำเนินการในปี 2533 และปัจจุบันเป็นบริษัทระหว่างประเทศที่ให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่สุดในไทย โดยมีพนักงานราว 1,000 คน ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ วินัย ใจทน 02 624 6540 winai.jaiton@ap.jll.com www.joneslanglasalle.co.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ