นายกรัฐมนตรีเปิดโครงการปีรณรงค์ส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัย 100%

ข่าวทั่วไป Thursday January 27, 2011 15:48 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--27 ม.ค.--สสส. นายกฯ ประกาศลดอุบัติเหตุครึ่งหนึ่งให้ได้ใน 10 ปี ต้องตายไม่เกิน 10 ต่อประชากร 1 แสน ชี้ ขรก. ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีสวมหมวกกันน็อกทุกครั้ง ด้านรองนายกฯ เผยอุบัติเหตุทำไทยสูญเสีย 2.8% ต่อจีดีพี ไม่สวมหมวกนิรภัย ผลตาย 24 คนต่อวัน 1 ใน 4 เป็นเด็ก เยาวชน เปิดผลสำรวจ คนไทยสวมหมวกกันน็อกแค่ 43.7% จัดอันดับ 10 จังหวัดปลอดภัย - เสี่ยงตาย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการปีแห่งการรณรงค์ส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัย 100% ที่สโมสรกองทัพบก ซึ่งศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน และเครือข่ายด้านความปลอดภัยทางถนน ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน อาทิ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มูลนิธิเมาไม่ขับ สำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ สมาคมผู้ประกอบการรถจักรยานยนต์ไทย ฯลฯ ร่วมกันจัดขึ้น โดยมีเป้าหมายให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารรถจักรยานยนต์ทุกคนสวมหมวกนิรภัยเพื่อความปลอดภัย โครงการดังกล่าวมุ่งดำเนินการให้ทุกภาคส่วนมีมาตรการส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัยทั่วทั้งประเทศ เพื่อลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุ โดยในงานมีตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนมาร่วมงานอย่างคับคั่ง อาทิ นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายพีระภัฏ บุญเจริญ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม พล.ต.อ. วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ดร. สุปรีดา อดุลยานนท์ รองผู้จัดการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) นพ. แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ ฯลฯ พร้อมทั้งมีศิลปินดาราร่วมสร้างสีสัน ได้แก่ โฬม - พัชฏะ นามปาน และนิค - วิชญบูล ลี้สุวรรณ ตัวแทนโน๊ต - วัชรบูล ลี้สุวรรณ ซึ่งจะเป็นทูตรณรงค์ของโครงการฯ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในปี 2554 — 2563 ถือเป็นนโยบายของรัฐบาล ที่ประกาศเป็นทศวรรษแห่งความปลอดภัยบนท้องถนน เป็นเจตนารมณ์ร่วมกับสหประชาชาติ โดยไทยมีเป้าหมายลดอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนให้ได้ครึ่งหนึ่งในปี 2563 หรือมีอัตราการตายไม่เกิน 10 คน ต่อประชากร 100,000 คน จากอัตรา 16.87 ต่อแสนประชากรในปี 2552 และในปี 2554 รัฐบาลประกาศให้เป็นปีแห่งการรณรงค์สวมหมวกนิรภัย 100% โดยมุ่งเน้นให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมทั้งการบังคับใช้กฎหมายหมวกนิรภัยอย่างเข้มงวด พัฒนามาตรฐานหมวกนิรภัยให้มีทั้งความปลอดภัยและเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของประเทศไทย “สิ่งสำคัญที่สุดคือให้เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐ องค์กรมหาชน รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งปฏิบัติตนเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ประชาชนทั่วไป โดยปฏิบัติตามกฎหมายนโยบายความปลอดภัยทางถนนเรื่องการขับขี่รถจักรยานยนต์ ต้องสวมหมวกนิรภัยทุกครั้ง หากไม่ปฏิบัติตามถือว่าฝ่าฝืนกฎหมายและให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาดำเนินการลงโทษทางวินัยทันที” นายกรัฐมนตรีกล่าว นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการและผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน กล่าวว่า การจัดงานในครั้งนี้ เพื่อประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันที่จะส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัยทั่วประเทศเพื่อความปลอดภัยของประชาชน และให้ทุกคนได้รับทราบและให้ความร่วมมือสวมหมวกนิรภัยในทุกพื้นที่ ซึ่งจะช่วยบรรเทาความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นกับผู้ใช้รถจักรยานยนต์ลงได้ เนื่องจากอุบัติเหตุทางถนนยังคงเป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิต การบาดเจ็บและพิการของคนไทย และสร้างความสูญเสียทั้งเศรษฐกิจและสังคม หากคิดเป็นมูลค่าความสูญเสียทางเศรษฐกิจเฉลี่ยมากกว่าปีละ 2 แสนล้านบาท หรือ 2.8% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ โดยพบว่ามีผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์หรือผู้ซ้อนท้ายเสียชีวิตเฉลี่ยวันละ 24 คน 1 ใน 4 เป็นเด็กและเยาวชน แต่ละปีมีผู้บาดเจ็บต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลกว่าแสนราย กลายเป็นคนพิการกว่าปีละ 3,000 คน โดยเฉลี่ยในทุก 2 ชั่วโมงจะมีผู้พิการเพิ่มขึ้น 1 คน พฤติกรรมที่สำคัญคือไม่สวมหมวกนิรภัย นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะเลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน กล่าวว่า ทางกรมฯ จะร่วมกับเครือข่ายความปลอดภัยทางถนน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชน องค์กร และมูลนิธิด้านความปลอดภัยทางถนน ขานรับนโยบายดังกล่าว โดยขยายผลรณรงค์ส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัยให้เข้าถึงผู้ใช้รถจักรยานยนต์ในพื้นที่ทั้ง 4 ภาค โดยจะเปิดตัวที่จังหวัดนครนายก ขอนแก่น นครศรีธรรมราช และลำพูนต่อไป ด้าน ดร. ปิยพงษ์ จิวัฒนกุลไพศาล นักวิชาการมูลนิธิไทยโรดส์ เปิดเผยว่า จากการสำรวจร่วมกับ สสส. เกี่ยวกับการสวมหมวกนิรภัยของผู้ใช้จักรยานยนต์ทั่วประเทศ จำนวน 954,956 ราย ระหว่างเดือนมีนาคม-กรกฎาคม 2553 พบว่า ภาพรวมมีผู้สวมหมวกนิรภัย 43.7% แบ่งเป็น ผู้ขี่รถจักรยานยนต์สวมหมวกนิรภัย 53.3% และคนซ้อนสวมหมวกนิรภัย 19.4% จังหวัดที่มีผู้สวมหมวกนิรภัยสูงสุด 10 อันดับแรก คือ กรุงเทพฯ ภูเก็ต เลย สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี หนองบัวลำภู พิษณุโลก สระบุรี และสุรินทร์ ตามลำดับ ส่วนจังหวัดที่มีผู้สวมหมวกนิรภัยน้อยที่สุด 10 จังหวัด คือ นราธิวาส ปัตตานี พังงา อ่างทอง เพชรบุรี กาญจนบุรี พัทลุง บุรีรัมย์ ปราจีนบุรี และชัยนาท สาเหตุของการไม่สวมหมวกนิรภัยคือ เห็นว่าเดินทางระยะใกล้ 64% ไม่ได้ออกถนนใหญ่ 37% และเร่งรีบ 29% โดยกลุ่มตัวอย่าง 55% ไม่ทราบว่าการซ้อนท้ายโดยไม่สวมหมวกนิรภัยมีโทษปรับทั้งคนขี่และคนซ้อน ขณะที่อีก 13% คิดว่าการซ้อนท้ายโดยไม่สวมหมวกนิรภัยไม่ผิดกฎหมาย นพ.วิทยา ชาติบัญชาชัย ประธานคณะทำงานสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุในจังหวัดนำร่อง (สอจร.) กล่าวว่า สำหรับจังหวัดที่มีอัตราการสวมหมวกนิรภัยสูง 10 อันดับแรก เป็นภาคกลาง 5 อันดับ อันดับต้นๆ คือ กทม. และปริมณฑล มีสาเหตุจาก ความเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมายเป็นหลัก ส่วนจังหวัดรองลงมาเป็นเพราะผู้ว่าราชการจังหวัดเอาจริง มีผู้รับผิดชอบที่เข้มแข็ง มีความสามารถในการประสานความร่วมมือจากภาคีเครือข่าย และมีภาคีเครือข่ายที่เข้มแข็ง ทั้งนี้ การสำรวจอัตราการสวมหมวกนิรภัย จะทำให้แต่ละจังหวัดนำไปปรับปรุงแผนการดำเนินงาน และสร้างความตื่นตัวให้กับประชาชน ซึ่งจำเป็นต้องมีการติดตามเฝ้าระวังเพื่อให้เกิดการปรับตัวต่อไป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ