"น้อมบุญ" ดีเวลลอปเปอร์คุณภาพ งัดกลยุทธ์รุกตลาดอสังหาฯ ยึดหัวหาดทำเลศรีนครินทร์ผุดโครการ เลอ นีโอ มูลค่า 630 ล้านบาท

ข่าวอสังหา Thursday February 3, 2011 16:55 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--3 ก.พ.--กนกรัตน์ แอนด์ เฟรนด์ ดีเวลลอปเปอร์คุณภาพ "น้อมบุญ" ซบช่องอสังหาฯ แนวราบกำลังซื้อฟื้น ผุดโครงการบ้านเดี่ยวสไตล์โมเดิร์นทรอปิคอลทำเลศรีนครินทร์แบรนด์ "เลอ นีโอ" บนเนื้อที่ 26 ไร่ จำนวน 115 ยูนิตมีขนาดพื้นที่ใช้สอย 147-249 ตร.ม. มูลค่าโครงการ 630 ล้านบาท เคาะราคาขายเริ่มต้นที่ 4.4 ล้านบาท เจาะกำลังซื้อโซนตะวันออก เทพารักษ์-บางนา-เมืองสมุทรปราการ ปลื้มกวาดยอดขายแล้วกว่า 50% คาดปิดการขายภายในสิ้นปี 54 เตรียมงัดแลนด์แบงก์อีก 40 ไร่ ขึ้นโปรเจคใหม่ นายมานะ จิระนภากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท น้อมบุญ จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทฯ ประสบความสำเร็จจากการเปิดขายบ้านเดี่ยวโครงการแรกภายใต้แบรนด์ เลอ นครินทร์ ย่านถนนศรีนครินทร์ บนเนื้อที่ 15 ไร่ จำนวน 67 แปลง ขนาดที่ดิน 52 ตารางวาขึ้นไป ราคาขายที่ 4 - 9 ล้านบาท ปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างล้นหลามจนสามารถปิดการขายได้ทั้งโครงการภายใน 1 ปี ล่าสุด บริษัทได้เปิดตัวโครงการใหม่ ภายใต้แบรนด์ เลอ นีโอ พัฒนาเป็นบ้านเดี่ยวสไตล์โมเดิร์นทรอปิคอล ตั้งบนเนื้อที่ 26 ไร่เศษ จำนวน 115 ยูนิต มีขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 147-249 ตารางเมตร ราคาขายเริ่มต้นที่ 4.4 ล้านบาท มูลค่าโครงการรวม 630 ล้านบาท มีบ้านให้เลือก 8 แบบ ประกอบด้วย 1) L1 (เลอลดา) ขนาด 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ พื้นที่ใช้สอย 147 ตารางเมตร 2) L1-s (เลอลัดดา) ขนาด 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ พื้นที่ใช้สอย 153 ตารางเมตร 3) L2 (เลอฤดี) ขนาด 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ พื้นที่ใช้สอย 169 ตารางเมตร 4) L2 x (เลอฤดีพิเศษ) ขนาด 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ พื้นที่ใช้สอย 190 ตารางเมตร 5) L3 (เลอวิมาน) ขนาด 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ พื้นที่ใช้สอย 212 ตารางเมตร 6) L3 s (เลอวิมานพิเศษ) 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ พื้นที่ใช้สอย 224 ตารางเมตร 7) L4 (เลอสราญ) ขนาด 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ห้องนั่งเล่นแยกส่วน พร้อมส่วนคนรับใช้ พื้นที่ใช้สอย 243 ตารางเมตร และ 8) L4 s (เลอสิริน) ขนาด 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ พร้อมห้องนั่งเล่นแยกส่วนและส่วนคนรับใช้ พื้นที่ใช้สอย 249 ตารางเมตร จุดเด่นของโครงการตั้งอยู่บนถนนศรีนครินทร์อยู่ใกล้กับถนนวงแหวนและรถไฟฟ้า BTS สามารถเดินทางเข้าออกได้อย่างสะดวกสบาย และอยู่ใกล้กับห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล และสถาบันการศึกษาชั้นนำ ภายในโครงการยังประกอบไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ สโมสร สระว่ายน้ำ Fitness, สวนสาธารณะ และสนามเด็กเล่น, ระบบรักษาความปลอดภัย 2 ชั้น พร้อมระบบ pass card ในการเข้าหมู่บ้าน, CCTV ทั้งโครงการ, และระบบกันขโมยแบบ Motion Sensor ทุกหลัง จุดขายของโครงการฯ นอกจากทำเลที่ตั้งที่อยู่บนถนนศรีนครินทร์ ซึ่งกำลังเป็นทำเลที่มีการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยคุณภาพชั้นดีของกรุงเทพฯ โซนตะวันออกแล้ว การพัฒนาบ้านที่มีคุณภาพมีฟังก์ชั่นใช้สอยที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างหลากหลายทำให้มียอดจองเข้ามาแล้วถึง 50% หลังทำตลาดได้ไม่นาน โดยกลุ่มลูกค้าหลักเป็นผู้ที่อยู่ในพื้นที่และละแวกใกล้เคียง เป็นเจ้าของกิจการ ผู้บริหาร รวมไปถึงกลุ่มครอบครัวใหม่ที่กำลังมองหาบ้านเดี่ยวราคาไม่แพงแต่คุ้มค่า นอกจากนี้ ยังพบด้วยว่าลูกค้าบางกลุ่มเป็นการซื้อซ้ำจากลูกค้าเก่าถึง 6% ทำให้บริษัทมั่นใจว่าโครงการนี้จะสามารถปิดการขายได้ 100% ภายในสิ้นปีนี้ แน่นอน สำหรับนโยบายการลงทุน นายมานะ กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าที่จะลงพัฒนาโครงการใหม่อย่างน้อย 2-3 โครงการต่อปี ในทำเลศรีนครินทร์ ซึ่งขณะนี้มีแลนด์แบงก์รองรับการเปิดตัวโครงการใหม่อีก 2 โครงการ โดยโฟกัสไปที่โครงการแนวราบเป็นหลัก ควบคู่ไปกับการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น ภายใต้กลยุทธ์การเป็นผู้ประกอบการอสังหาฯ ที่มีความชำนาญทางด้านการออกแบบโครงการจัดสรรอันสมบูรณ์แบบพร้อมนำเสนอรูปแบบการอยู่อาศัยที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ สำหรับกลุ่มลูกค้ารายได้ปานกลาง-สูง เพราะยังเป็นเซ็กเมนต์ที่มีช่องว่างทางการตลาดอยู่อีกมาก เมื่อเทียบกับบ้านระดับราคาไม่เกิน 2.5 ล้านบาทที่ตลาดมีการแข่งขันรุนแรง ปีนี้ถือเป็นปีทองสำหรับโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ เพราะได้รับอานิสงส์จากการลงทุนพัฒนาโครงข่ายคมนาคมขนาดใหญ่ของภาครัฐที่กระจายทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ถือเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้ความต้องการของผู้บริโภคในโครงการบ้านแนวราบเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาผู้ประกอบการอสังหาฯ ทั้งใน และนอกตลาดหลักทรัพย์ต่างมาลงทุนโครงการแนวราบเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ความร้อนแรงของคอนโดมิเนียมในตลาดเริ่มลดน้อยลง จากความกังวลว่าจะเกิดปัญหาโอเวอร์ซัพพลาย เนื่องจากมีการโหมเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นายมานะ กล่าวทิ้งท้ายว่า ด้านปัจจัยลบที่คาดว่าจะส่งผลต่อกำลังซื้อในตลาดปีนี้ ได้แก่ ปัญหาความไม่สงบทางการเมือง, ราคาวัสดุที่ปรับเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลทำให้ผู้ประกอบการต้องขยับราคาบ้านเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 3-5% รวมทั้งแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาขึ้น จะกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค แต่เชื่อว่าจะเป็นผลกระทบแค่ระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจากความต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงในตลาดยังคงมีอยู่อีกมาก สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท กนกรัตน์ แอนด์ เฟรนด์ จำกัด Tel: 0-2284-2662 Fax: 0-2284-2291-2 คุณกวิศรา E-mail: kawisara@kanokratpr.com คุณปัจจัยญา E-mail: pajjaiya@kanokratpr.com

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ