คต. จัดสัมมนา “เจาะตลาด เพิ่มโอกาสการค้าด้วย FTA : อาเซียน / จีน / เกาหลี” ณ จังหวัดอุดรธานี

ข่าวทั่วไป Friday February 25, 2011 16:05 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--25 ก.พ.--คต. นายสุรศักดิ์ เรียงเครือ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมการค้าต่างประเทศได้จัดสัมมนาเรื่อง “เจาะตลาด เพิ่มโอกาสการค้าด้วย FTA : อาเซียน / จีน/เกาหลี” ในวันศุกร์ที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ณ ห้องแกรนด์รอยัลบอลรูม ๑ โรงแรมเซ็นทาราคอนเวนชันเซ็นเตอร์ อุดรธานี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการและผู้สนใจได้รับความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากความตกลง เขตการค้าเสรี (FTA) ตลอดจนมาตรการและความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการเปิดการค้าเสรี (กองทุน FTA) ซึ่งการสัมมนา ดังกล่าวมีผู้ผลิต ผู้ประกอบการ และผู้ส่งออกในจังหวัดอุดรธานีและจังหวัดใกล้เคียง ให้ความสนใจเข้ารับฟังการสัมมนาในครั้งนี้กว่า ๒๐๐ คน นายสุรศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า โดยที่จังหวัดอุดรธานี เป็นจังหวัดใหญ่ที่เป็นศูนย์กลางการคมนาคมและการท่องเที่ยว ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรม เพื่อการบริโภคอุปโภคและประตูเชื่อมโยงไปสู่กลุ่มประเทศอินโดจีน การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ให้ความรู้ความเข้าใจ ในเรื่องเขตการค้าเสรี หรือ FTA ที่อุดรธานีในวันนี้ เป็นโอกาสสำคัญของผู้ประกอบการที่จะเสริมศักยภาพและสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจ สามารถขยายการส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สามารถใช้ประโยชน์ภายใต้เขตการค้าเสรีได้อย่างสูงสุดเขตการค้าเสรีอาเซียน (ASEAN Free Trade Area : AFTA) ถือเป็น FTA แรกของไทย ที่มีการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในภูมิภาค โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองของอาเซียนในเวทีการเจรจาระหว่างประเทศ และเพื่อขยายการค้าโดยการลดภาษีนำเข้าระหว่างกัน ซึ่งปัจจุบันสมาชิกอาเซียนได้ลดภาษีนำเข้าระหว่างกันเป็นศูนย์แล้วตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๓ และมีเป้าหมายไปสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community หรือ AEC) ในปี ๒๕๕๘ หรือในอีก ๔ ปี ข้างหน้า ซึ่งจะทำให้อาเซียนทั้ง ๑๐ ประเทศ เป็นฐานการผลิตและเป็นตลาดเดียวกันที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก อาเซียนจึงนับเป็นตลาดส่งออกสำคัญของไทย โดยในปี ๒๕๕๓ ไทยส่งออกไปอาเซียน มีมูลค่า ๔๔,๓๒๗.๕๑ ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มีมูลค่า ๓๒,๓๖๙.๒๐ ล้านเหรียญสหรัฐฯ ถึงร้อยละ ๓๖.๙๔ สำหรับมูลค่าการใช้สิทธิพิเศษภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียนมีมูลค่า ๑๔,๐๑๕.๔๑ ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ ๔๔.๙๔ จากปีที่ผ่านมาที่มีมูลค่า ๙,๖๖๙.๗๙ล้านเหรียญสหรัฐฯโดยสินค้าสำคัญที่มีการใช้สิทธิ AFTA สูง ได้แก่ รถยนต์บุคคล รถปิกอัพ เครื่องปรับอากาศ น้ำมัน ส่วนประกอบยานยนต์ และจักรยานยนต์ เครื่องจักรโรงงาน น้ำตาล สตาร์ชทำจากมันสำปะหลัง ตู้เย็น แชมพู เครื่องซักผ้า อาหารปรุงแต่ง ฯลฯ สำหรับตลาดอาเซียนที่ไทยส่งออกโดยใช้สิทธิพิเศษฯ สูง ๓ อันดับแรกคือ อินโดนีเซีย เวียดนาม และมาเลเซีย ปัจจุบันอาเซียนได้จัดทำความตกลงการค้าเสรีกับประเทศต่าง ๆ แล้ว รวม ๕ ความตกลงได้แก่ FTAอาเซียน - จีน / อาเซียน - ญี่ปุ่น/ อาเซียน - เกาหลี / อาเซียน - อินเดีย/อาเซียน — ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ สำหรับความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ASEAN-China Free Trade Area : ACFTA) ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี๒๕๔๗ นั้น ล่าสุดในการประชุมผู้นำอาเซียน-จีน (ASEAN Summit) ณ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๓ ได้มีการลงนามในพิธีสารเพื่อแก้ไขความตกลงฯ ในประเด็นว่าด้วยการปรับปรุงระเบียบปฏิบัติการออกหนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า (Form E) เพื่อส่งเสริมการค้าแบบตัวกลางและนายหน้า ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการไทยในการขยายการค้ากับจีนได้มากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งปี ๒๕๕๓ มีมูลค่าการค้า ๔๕,๙๘๙.๖๕ ล้านเหรียญสหรัฐฯ มีการขยายตัวคิดเป็นร้อยละ ๓๘.๔๙ เมื่อเทียบกับปี ๒๕๕๒ ที่มีมูลค่าการค้า ๓๓,๒๐๘.๑๓ ล้านเหรียญสหรัฐฯ สินค้าส่งออกสำคัญไปจีน ได้แก่ หน่วยเก็บของเครื่องประมวลผล ยางธรรมชาติ(ทีเอสเอ็นอาร์) ยางผสมอื่น ๆ ส่วนประกอบของเครื่องจักร และมันสำปะหลัง เป็นต้น ในส่วนของความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-เกาหลี ประเทศไทยพร้อมประเทศสมาชิกอาเซียนได้ลงนามร่วมกับเกาหลีใต้ ในพิธีสารการเข้าเป็นภาคีความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-เกาหลี ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๓ นั้น ไทยจะได้ประโยชน์จากเกาหลี ที่ลดภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศสมาชิกอาเซียน จำนวนมากกว่าร้อยละ ๙๐ ของรายการสินค้า ให้เหลือศูนย์ ตั้งแต่วันที่มีผลบังคับใช้ โดย ๑ ปีเต็มที่มีผลบังคับใช้ ไทยกับเกาหลี มีมูลค่าการค้าระหว่างกันกว่า ๑๑,๗๖๕.๔๔ ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งมีมูลค่า ๘,๒๖๔.๑๑ ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นร้อยละ ๔๒.๓๗ สินค้าสำคัญที่มีการใช้สิทธิ FTA ได้แก่ ได้แก่ คอมเพรสเซอร์ น้ำมันปิโตรเลียมดิบ ยางธรรมชาติ กุ้งแช่แข็ง และกากน้ำอ้อย เป็นต้น นายสุรศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี ๒๕๕๔ กรมการค้าต่างประเทศมีโครงการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์โดยการจัดสัมมนาเพื่อให้ความรู้ ความเข้าใจแก่ผู้ประกอบการในการใช้สิทธิประโยชน์ที่ไทยจะได้รับจากการที่ประเทศคู่ค้าได้เปิดตลาดภายใต้ความตกลง FTA ต่าง ๆ ทั้งในส่วนกลางและภูมิภาคทั่วประเทศ ผู้ประกอบการและผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดการสัมมนาได้ที่ www.dft.go.th หรือสอบถามที่สำนักสิทธิประโยชน์ทางการค้า กรมการค้าต่างประเทศ ผ่านทางสายด่วน ๑๓๘๕

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ