ไอบีเอ็มต่อยอดแนวคิด Information on Demand เผยโฉมซอฟต์แวร์และบริการให้คำปรึกษา

ข่าวทั่วไป Tuesday February 27, 2007 09:35 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--27 ก.พ.--ไอบีเอ็ม ประเทศไทย
ไอบีเอ็มต่อยอดแนวคิด Information on Demand เผยโฉมซอฟต์แวร์และบริการให้คำปรึกษา ช่วยให้ลูกค้าได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากข้อมูล
ไอบีเอ็มเปิดตัวซอฟต์แวร์ใหม่ พร้อมด้วยบริการให้คำปรึกษาทางด้านธุรกิจ เพื่อผลักดันแนวคิด Information on Demand ของไอบีเอ็ม ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยให้ลูกค้าปรับปรุงขีดความสามารถในการแข่งขันและใช้ประโยชน์จากโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจ โดยอาศัยข้อมูลซึ่งเป็นสิน-ทรัพย์ที่มีความสำคัญยิ่งต่อธุรกิจ
ไอบีเอ็มซึ่งเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของโลก ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ เพื่อขยายการลงทุนและทักษะความเชี่ยวชาญภายใต้แนวคิดที่บริษัทได้เปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้ว โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ลูกค้าสามารถสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันทางด้านธุรกิจ โดยอาศัยการใช้ข้อมูลในรูปแบบที่แปลกใหม่และสร้างสรรค์
เป็นที่คาดการณ์ว่าภายในปี 2010 ข้อมูลดิจิตอลจะมีปริมาณเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าทุกๆ 11 ชั่วโมง* ดังนั้นลูกค้าจึงต้องเผชิญกับปัญหาท้าทายในเรื่องการผนวกรวมข้อมูลในแต่ละวัน รวมถึงกระแสโลกาภิวัตน์ การควบรวมและการเข้าซื้อกิจการ และการปฏิบัติตามกฎระเบียบ ปัจจัยเหล่านี้กระตุ้นให้ลูกค้าจำเป็นต้องมองหาเทคโนโลยีและความสามารถใหม่ๆ เพื่อรองรับการสรรค์สร้างนวตกรรมและการขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งรับมือกับการแข่งขันในระดับโลก และบริหารจัดการข้อมูลจำนวนมหาศาลอย่างมีประสิทธิภาพ
ด้วยเหตุนี้ ความต้องการผลิตภัณฑ์และบริการ Information on Demand ของไอบีเอ็ม จึงเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา โดยไอบีเอ็มมีลูกค้าใหม่หลายร้อยราย และมีรายได้เพิ่มขึ้น 42 เปอร์เซ็นต์ในช่วงไตรมาสที่สี่ของปี 2006 ซึ่งส่งผลให้ไอบีเอ็มมีผลประกอบการธุรกิจซอฟต์แวร์ดีที่สุดในช่วงกว่าห้าปีที่ผ่านมา
ซอฟต์แวร์ใหม่ที่ไอบีเอ็มเปิดตัวในวันนี้เป็นผลิตภัณฑ์ของ FileNet ซึ่งเป็นบริษัทที่ไอบีเอ็มได้เข้าซื้อกิจการเมื่อเดือนตุลาคม 2006 ภายใต้แนวคิด Information on Demand ซอฟต์แวร์ดังกล่าวช่วยรองรับการนำเสนอและการใช้งานข้อมูลทางธุรกิจภายในกระบวนการทางด้านธุรกิจที่สำคัญๆ ทั้งนี้ IBM
* ข้อมูลจาก IBM Global Innovation Outlook ปี 2006
FileNet P8 4.0 ช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถบันทึก จัดการ เข้าถึง และผนวกรวมข้อมูลทุกรูปแบบ จึงช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการสร้างระบบอัตโนมัติสำหรับการจัดการบันทึกข้อมูล การตอบสนองความต้องการในเรื่องการปฏิบัติตามกฎระเบียบ และการลดความเสี่ยงในการดำเนินงาน นอกจากนี้ยังช่วยให้ลูกค้าได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้าง (unstructured information) ทั้งนี้ข้อมูลกว่า 85 เปอร์เซ็นต์ไม่ได้จัดเก็บไว้ในรูปแบบที่สามารถค้นหาหรือเข้าถึงได้อย่างง่ายดายโดยใช้ซอฟต์แวร์ฐานข้อมูลทั่วไป
“การใช้วิธีติดตั้งผลิตภัณฑ์เฉพาะจุดใดจุดหนึ่งสำหรับการจัดการ คุ้มครอง และจัดเก็บข้อมูลสำคัญทางด้านธุรกิจ จะทำให้บริษัทไม่ได้รับข้อมูลเชิงลึกที่กลั่นกรองจากข้อมูลธุรกิจที่มีอยู่ และไม่สามารถใช้ข้อมูลนั้นเพื่อเสริมสร้างความได้เปรียบด้านการแข่งขัน” สตีฟ มิลส์ รองประธานอาวุโส กลุ่มธุรกิจซอฟต์แวร์ของไอบีเอ็ม กล่าว "ความสามารถของไอบีเอ็มในการผสานรวมซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และความเชี่ยวชาญทางด้านอุตสาหกรรม จะช่วยให้ลูกค้าสามารถปรับปรุงการตัดสินใจได้อย่างเหมาะสม ใช้ประโยชน์จากโอกาสทางด้านธุรกิจได้อย่างเต็มที่ และรับมือกับภัยคุกคามในรูปแบบต่างๆ ได้อย่างทันท่วงที”
พร้อมกันนี้ IBM Global Business Services (GBS) ได้ประกาศขยายบริการให้คำปรึกษาสำหรับ FileNet โดยเป็นส่วนหนึ่งของบริการจัดการข้อมูลทั่วโลกของไอบีเอ็ม ซึ่งครอบคลุมถึงบริการให้คำปรึกษาและบริการติดตั้งระบบ เพื่อรองรับการขยายบริการให้คำปรึกษาสำหรับ FileNet นี้ ที่ปรึกษาของไอบีเอ็มกว่า 1,000 คนจะทำหน้าที่ให้บริการและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการจัดการข้อมูลในรูปแบบต่างๆ สำหรับลูกค้าที่ใช้ผลิตภัณฑ์ FileNet และ IBM Enterprise Content Management โดยมีตั้งแต่บริการกำหนดกลยุทธ์เริ่มต้นและการวางแผน ไปจนถึงการสร้างและจัดการโซลูชั่นทั่วทั้งองค์กร นอกจากนั้น IBM GBS จะใช้ความเป็นผู้นำในการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับสถาปัตยกรรม Service Oriented Architecture และ Service Oriented Business Architecture เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลทุกประเภทได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าข้อมูลนั้นจะอยู่ในรูปแบบใด บนแพลตฟอร์มใด หรือจัดเก็บไว้ที่ใดก็ตาม ทั้งยังสามารถใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อปรับปรุงการดำเนินธุรกิจ ตอบสนองอย่างฉับไวต่อความต้องการของตลาด และระบุโอกาสใหม่ๆ ทางด้านธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว
ไอบีเอ็มยังได้แนะนำอินเทอร์เฟซ Web 2.0 สำหรับผลิตภัณฑ์ Content Manager OnDemand ซึ่งรองรับการเข้าถึงข้อมูลสำคัญทางด้านธุรกิจจากเว็บเบราว์เซอร์โดยตรง ช่วยให้ลูกค้าสามารถเรียกดูรายงาน ใบแจ้งยอด อีเมล์ ภาพสำเนาเช็ค และข้อมูลอื่นๆ โดยคลิกเมาส์เพียงไม่กี่ครั้ง อินเทอร์เฟซ Web 2.0 พัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์มแบบเปิดที่ปรับขนาดได้อย่างยืดหยุ่น ทั้งยังประกอบด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ เช่น AJAX และนับเป็นอินเทอร์เฟซอเนกประสงค์ที่ใช้รองรับการเข้าถึงสำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์การจัดการคอนเทนต์ภายในองค์กร (Enterprise Content Management) ของไอบีเอ็ม
โครงการ Information on Demand ช่วยให้ลูกค้าในทุกกลุ่มอุตสาหกรรมสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการข้อมูลทางธุรกิจ และใช้ประโยชน์จากข้อมูลนั้นได้อย่างเต็มศักยภาพ ตัวอย่างเช่น ผู้ให้บริการด้านสุขภาพชั้นนำรายหนึ่งใช้ซอฟต์แวร์ของไอบีเอ็มเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และเพิ่มความรวดเร็วฉับไวให้แก่แผนกเคลมค่ารักษาพยาบาลและแผนกลงทะเบียน ซอฟต์แวร์ดังกล่าวช่วยลดระยะเวลาในการปฏิบัติงานจากหลายชั่วโมงให้เหลือเพียงไม่กี่นาที ทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของบุคลากรได้ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ยังลดค่าใช้จ่ายทั่วไปและค่าใช้จ่ายในการบริหารได้ถึง 12 เปอร์เซ็นต์ และขจัดระบบงานเอกสารเวียนภายในองค์กรที่ต้องใช้พนักงานเดินเอกสาร
รายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวคิด Information on Demand ของไอบีเอ็ม มีอยู่ที่ www.ibm.com
เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์โดย บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด
คุณปรีติ ประพันธ์วิทยา โทร 02-273-4418 อีเมล์ preeti@th.ibm.com

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ