ปี 2553 บจ. ทำสถิติกำไรรวมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ กว่า 6.1 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.42% จากปี 2552

ข่าวเศรษฐกิจ Monday March 7, 2011 14:40 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--7 มี.ค.--ตลท. บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ สร้างสถิติกำไรสูงสุดนับตั้งแต่จัดตั้ง ตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยทำกำไรงวดปี 2553 รวมสูงถึง 614,299 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.42% จากปีก่อนซึ่งมีกำไรรวม 463,908 ล้านบาท โดยมียอดขายรวม 7,339,196 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.87% กลุ่มอุตสาหกรรม 3 อันดับแรกที่มีกำไรสูงสุด คือ กลุ่มทรัพยากร กลุ่มธุรกิจการเงิน และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง โดยมี PTT, PTTEP, SCC, BANPU และ BBL เป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีกำไรสุทธิสูงสุด 5 อันดับแรก นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จำนวน 463 บริษัทหรือ 91.68% ของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด 505 บริษัท (รวมกองทุนอสังหาริมทรัพย์ 30 กองทุน) ได้นำส่งผลการดำเนินงานงวดสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2553 แล้ว โดยมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นทุกกลุ่มอุตสาหกรรม รวมกำไรสุทธิ 614,299 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนซึ่งมีกำไรรวม 463,908 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 32.42% และมียอดขายรวม 7,339,196 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.87%ขณะที่ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 4 ปี 2553 บริษัทจดทะเบียนมีกำไรสุทธิรวม 165,817 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 41.86% และมียอดขายรวม 1,947,221 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.48% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) ที่ส่งงบการเงินงวดปี 2553 มีบริษัทที่มีกำไรสุทธิ 413 บริษัท หรือ 86.40% “ผลกำไรรวมของบริษัทจดทะเบียนงวดปี 2553 สร้างสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดซื้อขาย สาเหตุหลักมาจากยอดขายที่เติบโตขึ้นของ บจ. ในทุกหมวดอุตสาหกรรม ทั้งนี้ จากผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปี ตั้งแต่ปี 2551 ซึ่งเป็นปีที่เกิดวิกฤติการเงินโลก ปรากฎว่ากำไรสุทธิของ บจ. เติบโตมาโดยตลอด โดยมีอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิเฉลี่ยต่อปีหรือ Compound Annual Growth Rate: CAGR ปี 2551-2553 สูงถึง 40.61% และค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี ระหว่าง 2544-2553 อยู่ที่ 17.14% ชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งของพื้นฐานเศรษฐกิจและศักยภาพของผู้ประกอบการบริษัทจดทะเบียนไทย” นายจรัมพรกล่าว สำหรับบริษัทในกลุ่ม SET100 มีกำไรสุทธิในปี 2553 รวม 521,213 ล้านบาท คิดเป็น 84.40% ของกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนรวม เพิ่มขึ้น 26.92% จากปีก่อน โดยมียอดขายเพิ่มขึ้น 17.14% และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น 133.05% และมีภาระดอกเบี้ยจ่ายลดลง 1.08% ในขณะที่ต้นทุนขายเพิ่มขึ้น 18.45% ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเล็กน้อยจาก 19.35% เป็น 18.45% ทั้งนี้ บริษัทจดทะเบียนที่มีกำไรสุทธิสูงสุด 5 อันดับแรก คือ บมจ. ปตท. (PTT) บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) บมจ. บ้านปู (BANPU) และ บมจ.ธนาคารกรุงเทพ (BBL) สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีกำไรสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กลุ่มทรัพยากร กลุ่มธุรกิจการเงิน กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง กลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มบริการ ในขณะที่หมวดอุตสาหกรรมที่มียอดกำไรสุทธิสูงสุด 5 อันดับแรก คือหมวดพลังงานและสาธารณูปโภค หมวดธนาคาร หมวดวัสดุก่อสร้าง หมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และหมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยทั้ง 5 หมวดอุตสาหกรรมมีกำไรสุทธิรวม 434,357 ล้านบาท คิดเป็น 70.71% ของกำไรรวมทั้งหมด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. S-E-T Call Center 0-2229-2222 ติดต่อส่วนประชาสัมพันธ์ ฝ่ายสื่อสารองค์กร ลดาวัลย์ กันทวงศ์ โทร. 0-2229—2036 / วรรษมน สาวคนธ์เสถียร โทร. 0-2229—2797 / อรสิริบุญแต้ม โทร. 0-2229-2799

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ