กรุงเทพฯ--29 มี.ค.--ธนาคารเอชเอสบีซี
          ***ผู้จัดการกองทุนจำนวนมากขึ้นที่ให้ความสนใจปานกลางในตลาดหุ้นเอเชีย (ยกเว้นญี่ปุ่น) และตลาดหุ้นจีน***
          ***ผู้จัดการกองทุนทุกรายมองพันธบัตรเอเชียน่าสนใจ***
          ธนาคารเอชเอสบีซี เผยผลสำรวจความคิดเห็นบริษัทจัดการกองทุนชั้นนำล่าสุด พบว่า ผู้จัดการกองทุนทุกรายเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นอเมริกาเหนือในไตรมาส 1/11 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่มีเพียงร้อยละ 25 ที่เห็นว่าตลาดหุ้นอเมริกาเหนือน่าลงทุน
          ผู้จัดการกองทุนทั่วโลกลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชีย แปซิฟิก (ไม่รวมญี่ปุ่น) จากไตรมาสก่อนที่ราวร้อยละ 75 เคยมองว่าน่าลงทุน ลดเหลือร้อยละ 50 ในไตรมาส 1/11 โดยร้อยละ 43 ของผู้จัดการกองทุนมองว่าตลาดหุ้นจีนมีความน่าสนใจปานกลาง เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 33 ในไตรมาส 4/10 เนื่องจากมีความวิตกกังวลว่ารัฐบาลจีนจะดำเนินมาตรการที่เข้มงวดและใช้นโยบายควบคุมการปล่อยสินเชื่อ
          มร.บรูโน ลี ผู้อำนวยการบริหาร แผนกบริหารความมั่งคั่ง ฝ่ายบุคคลธนกิจ ประจำภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิกธนาคารเอชเอสบีซี กล่าวว่า ผลสำรวจความคิดเห็นผู้จัดการกองทุน ชี้ว่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้เปลี่ยนไปอย่างมาก โดยผู้จัดการกองทุนทุกรายเห็นว่าตลาดหุ้นน่าลงทุน แต่ไม่มีรายใดเลยที่แนะลงทุนในพันธบัตรหรือถือครองเงินสด ล่าสุดผู้จัดการกองทุนกำลังให้ความสนใจในตลาดหุ้นอเมริกาเหนือ เนื่องจากเศรษฐกิจกำลังปรับตัวดีขึ้น มีการควบรวมกิจการหลายแห่ง และรายงานผลการดำเนินงานของบริษัทที่น่าจะมีทิศทางดีขึ้น ในขณะเดียวกัน ผู้จัดการกองทุนต่างก็ลังเลที่จะลงทุนในตลาดหุ้นเอเชีย แปซิฟิก (ไม่รวมญี่ปุ่น) เนื่องจากกังวลปัญหาเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นทั่วทั้งภูมิภาค และเห็นว่าตลาดหุ้นจีนเริ่มคลายความร้อนแรงลง เนื่องจากผลพวงเรื่องมาตรการควบคุมภาวะเงินเฟ้อ
          “อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 1/11 ผู้จัดการกองทุนทุกรายเห็นว่าตลาดพันธบัตรเอเชียน่าลงทุน เทียบกับไตรมาสก่อนที่มีเพียงร้อยละ 60 ที่เห็นว่าน่าสนใจ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของเอเชีย และฐานะการเงินที่แข็งแกร่งของรัฐบาล ภาคอุตสาหกรรม และบริษัทเอกชนที่ออกพันธบัตรในภูมิภาคนี้ สถานการณ์ในตะวันออกกลาง และญี่ปุ่น อาจเป็นชนวนให้เกิดความไม่แน่นอนและความผันผวนของตลาด ซึ่งจะไม่ส่งผลดีสำหรับไตรมาสแรก แต่โดยรวมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในระยะยาวยังอยู่ในเกณฑ์ดี”
 
กลยุทธ์การจัดสรร         ลดน้ำหนักการลงทุน  คงน้ำหนัก           เพิ่มน้ำหนักการลงทุน  
เงินลงทุนไตรมาส 1/2011   (Underweight)  การลงทุน(Neutral)  (Overweight)     
หุ้น                    0% (0%)         0% (50%)          100% (50%)       
พันธบัตร                43% (14%)       57% (86%)         0% (0%)          
เงินสด                 71% (57%)       29% (29%)         0% (14%)
          หมายเหตุ: ตัวเลขในวงเล็บเป็นผลการสำรวจในไตรมาส 4/2010
          ธนาคารเอชเอสบีซีสำรวจและวิเคราะห์ความคิดเห็นของบริษัทจัดการกองทุนชั้นนำของโลกรวม 12 แห่ง1 เป็นประจำทุกไตรมาส โดยวิเคราะห์ปริมาณเงินทุนภายใต้การบริหารจัดการ (funds under management: FUM) ความคิดเห็นเกี่ยวกับการลงทุนในตลาดตราสารต่างๆ (asset allocation views) และกระแสเงินลงทุนทั่วโลก (global money flows) ทั้งนี้ประมาณการกระแสเงินลงทุนสุทธิ (net money flow estimates)2 คำนวณจากความเคลื่อนไหวของปริมาณเงินทุนภายใต้การบริหารจัดการ เปรียบเทียบกับความเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดตราสารประเภทเดียวกัน ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 4/2010 ปริมาณเงินลงทุนภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทจัดการกองทุนทั้ง 12 แห่งที่ร่วมในการสำรวจครั้งล่าสุดอยู่ที่ 3.98 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นร้อยละ 16.4 ของปริมาณเงินลงทุนที่มีอยู่ทั่วโลก (total global FUM)3
          กระแสเงินลงทุนทั่วโลก ในไตรมาส 4/10
 
ประเภทตลาด และตราสาร                สิ้นไตรมาส 4/2010  สิ้นไตรมาส3/2010  
ตลาดหุ้นจีน                            +9.6%            -1.0%           
ตลาดหุ้นเกิดใหม่                        +5.9%            +1.9%           
ตลาดหุ้นเอเชีย แปซิฟิก (ไม่รวมญี่ปุ่น)        -0.3%            +5.2%           
ตลาดหุ้นยุโรป รวมตลาดสหราชอาณาจักร      -0.9%            -3.8%           
ตลาดหุ้นอเมริกาเหนือ                    -3.6%            -2.9%           
ตลาดหุ้นทั่วโลก                         -4.7%            -3.9%           
ตลาดหุ้นญี่ปุ่น                           -7.7%            -1.3%           
ตลาดพันธบัตรทั่วโลก                     +11.6%           +9.4%           
ตลาดพันธบัตรเกิดใหม่/ให้ผลตอบแทนสูง       +7.2%            +10.9%          
ตลาดพันธบัตรยุโรป รวมตลาดสหราชอาณาจักร  -0.8%            -4.3%           
ตลาดพันธบัตรสหรัฐอเมริกา                -0.9%            +2.8%
          ผลการสำรวจพบว่าเมื่อสิ้นไตรมาส 4/2010 ปริมาณเงินลงทุนภายใต้การบริหารจัดการเพิ่มขึ้น 98.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.54 จากไตรมาส 3/2010 โดยกองทุนเกือบทั้งหมดมีปริมาณเงินเพิ่มขึ้น ยกเว้นกองทุนที่ลงทุนในตลาดเงิน ส่วนกองทุนที่ลงทุนในตลาดเงินมีปริมาณเงินลดลง 33.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่กองทุนหุ้นมีปริมาณเงินลงทุนเพิ่มขึ้นมากที่สุด โดยเพิ่มขึ้น 79.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่กองทุนพันธบัตรมียอดเงินสูงขึ้น 23.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ
          กระแสเงินลงทุนสุทธิในไตรมาส 4/2010 เทียบเป็นร้อยละของปริมาณเงินลงทุนภายใต้การบริหารจัดการของผู้จัดการกองทุนที่ร่วมการสำรวจ
          ในไตรมาส 4/10 พบว่า กระแสเงินลงทุนไหลเข้าในภูมิภาคที่เติบโตเร็ว กองทุนหุ้นที่ลงทุนในตลาดหุ้นจีน มีปริมาณเงินไหลเข้ามูลค่า 2.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ตามการเติบโตเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ส่วนกองทุนหุ้นที่ลงทุนในตลาดเกิดใหม่ มีปริมาณเงินไหลเข้าอย่างมาก มูลค่า 5.5 พันล้านเหรียญ ส่วนในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยต่ำ จึงมีเงินลงทุนไหลเข้าตลาดพันธบัตรทั่วโลก มูลค่า 16.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ ตลาดพันธบัตรเกิดใหม่ที่ให้ผลตอบแทนสูง มีเม็ดเงินไหลเข้ามูลค่า 7.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 26 จากปริมาณเงินไหลเข้าของไตรมาสก่อน เนื่องจากส่วนต่างผลตอบแทนที่น้อย ทำให้ตลาดเติบโตได้ไม่ดีนัก
          มร. ลี กล่าวว่า “ผลสำรวจในไตรมาสที่แล้วชี้ว่าผู้จัดการกองทุนเห็นว่าตลาดเกิดใหม่น่าลงทุน การไหลของเงินลงทุนในไตรมาส 4/10 แสดงถึงกลยุทธ์การจัดสรรเงินลงทุนไปยังตลาดเกิดใหม่ เนื่องจากตลาดหุ้นในเอเชีย แปซิฟิก (ไม่รวมญี่ปุ่น) และตลาดหุ้นจีนมีโอกาสเติบโตได้ดี และในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำต่อไป นักลงทุนยังคงลงทุนในตลาดพันธบัตร”
           “ธนาคารจัดทำสำรวจเพื่อช่วยให้นักลงทุนตื่นตัวกับโอกาสการลงทุนที่จะเกิดขึ้น และปรับพอร์ตการลงทุนให้กระจายอย่างสมดุลตามเป้าหมายการลงทุน และระดับการยอมรับความเสี่ยงของนักลงทุนแต่ละราย
          HSBC Fund Flow Tracker ไตรมาส 4/10
          ธนาคารเอชเอสบีซีได้จัดทำ HSBC Fund Flow Tracker ซึ่งเป็นดัชนีวัดกระแสเงินลงทุนสะสมทั้งหมดเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐตั้งแต่ไตรมาส 3/2006 เป็นต้นมา พบว่าในภาวะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกมีความผันผวนมาก จึงมีปริมาณเงินไหลออกจากกองทุนหุ้นอย่างต่อเนื่อง ณ สิ้นไตรมาส 4/2010 กองทุนที่ลงทุนในหุ้นมีกระแสเงินไหลออกสุทธิรวม 115.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ เทียบกับยอดเงินไหลออกสุทธิ 64.4 พันล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสที่แล้ว ปริมาณเงินไหลออกที่เพิ่มขึ้นมาจากเงินลงทุนที่ไหลออกจากตลาดหุ้นอเมริกาเหนือเป็นหลัก เนื่องจากนักลงทุนที่ระมัดระวังฉกฉวยหาผลกำไรจากผลการดำเนินธุรกิจรายไตรมาสที่ยอดเยี่ยม 
          - ปริมาณเงินไหลเข้าสุทธิในตลาดหุ้นจีนเพิ่มขึ้นร้อยละ 30 มาอยู่ที่ระดับ 9.4 พันล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาส 4/10 (เทียบกับ 7.2 พันล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาส 3/10) 
          - ปริมาณเงินไหลเข้าสุทธิในตลาดเกิดใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 19 มูลค่า 34.3 พันล้านเหรียญในไตรมาส 4/10 (เทียบกับ 28.8 พันล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาส 3/10)
          - ปริมาณเงินไหลเข้าสุทธิในตลาดหุ้นเอเชีย แปซิฟิก (ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่น) ลดลงเล็กน้อยจาก 13.9 พันล้านเหรียญสหรัฐมาอยู่ที่ระดับ 13.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ
          - ปริมาณเงินไหลออกจากตลาดหุ้นอเมริกาเหนือ มูลค่า 14.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ เทียบกับ 1.8 พันล้านเหรียญสหรัฐจากไตรมาสก่อน 
          ส่วนกองทุนพันธบัตรมีปริมาณเงินไหลเข้าสะสม มูลค่า 294.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในไตรมาส 4/10 เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 จากไตรมาสก่อนในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ และตลาดมีสภาพคล่องสูง
          สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ วรนันท์ สุทธปรีดา, สาวิตรี หมวดเมือง โทรศัพท์ 0-2614-4609, 0-2614-4606