พพ. เปิดตัว 5 เชื้อเพลิงทางเลือกใหม่แห่งอนาคต เชื่อเป็นพลังงานทางออกหากสถานการณ์ราคาน้ำมันโลกทะลุ 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล

ข่าวทั่วไป Monday April 11, 2011 12:00 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--11 เม.ย.--พม. พพ. เปิดตัว 5 เชื้อเพลิงทางเลือกใหม่แห่งอนาคต เชื่อเป็นพลังงานทางออกหากสถานการณ์ราคาน้ำมันโลกทะลุ 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล พร้อมชูการใช้รถยนต์ด้วยไฟฟ้า และระบบสมาร์ท กริด จะเป็นตัวช่วยสำคัญในการลดพึ่งพาน้ำมันอย่างยั่งยืน นายทวารัฐ สูตะบุตร รองอธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน(พพ.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความไม่สงบของกลุ่มประเทศแอฟริกา โดยเฉพาะในประเทศลิเบีย ซึ่งถือเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันส่งออกระดับต้น ๆ ของโลก ที่เหตุการณ์ยังทวีความรุนแรงจากกลุ่มต่อต้านรัฐบาล และไม่สามารถหาทางคลี่คลายได้โดยเร็ว รวมทั้งปัญหาจากอุบัติภัยทางธรรมชาติครั้งรุนแรง ที่ประเทศญี่ปุ่นในขณะนี้ ได้ส่งผลให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกมีความผันผวน และได้ปรับตัวเกิน 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไทยในระยะยาว ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเตรียมรับสถานการณ์วิกฤตราคาน้ำมันแพงในอนาคต ปัจจุบันได้มีกลุ่มเชื้อเพลิงทางเลือกใหม่ 5 ประเภท ซึ่งกระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างติดตามเพื่อเตรียมการศึกษาอย่างจริงจังต่อไป ได้แก่ 1) เชื้อเพลิงเหลวจากก๊าซธรรมชาติ (GTL) โดยการแปลงรูปแบบก๊าซธรรมชาติ ให้เป็นเชื้อเพลิงเหลว ที่ดำเนินการโดยขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบหลักที่ซับซ้อนของก๊าซธรรมชาติ ด้วยกระบวนการแยกสสารต่าง ๆ (Cracking) ไปสู่สารประกอบไฮโดรคาร์บอนโมเลกุลใหญ่ หรือเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงผ่านกระบวนการ 2) การเปลี่ยนถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง (Coal to liquid : CTL) ที่จะมีการแปรสภาพถ่านหินให้กลายเป็นก๊าซสังเคราะห์ โดยผ่านขั้นตอนต่าง ๆ ที่ท้ายสุดแล้วจะถูกเปลี่ยนเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงเช่นกัน 3) เชื้อเพลิง Dimethyl ether (DME) ที่ถือเป็นสารประกอบประเภทอีเทอร์ ที่สามารถใช้เป็นเชื้อเพลิงแทนที่น้ำมันดีเซล หรือก๊าซหุงต้ม ได้ เนื่องจากมีค่าซีเทนสูงถึง 55 — 60 โดยการผลิต DMF สามารถผลิต ได้จากวัตถุดิบหลายชนิด เช่น ก๊าซธรรมชาติ และถ่านหิน เป็นต้น 4) เชื้อเพลิงไฮโดรเจน โดยคุณสมบัติของไฮโดรเจน 1 กิโลกรัม สามารถให้ค่าพลังงานความร้อนเทียบเท่าน้ำมันเบนซิน 1 แกลลอน และมีประสิทธิภาพการสันดาปภายในสูงกว่าน้ำมันเบนซิน 2 — 3 เท่า ซึ่งคาดว่าในอนาคตหากต้นทุนการผลิตไฮโดรเจนถูกกว่า 210 บาทต่อกิโลไฮโดรเจน จะแข่งขันกับน้ำมันได้ และ 5) เชื้อเพลิงชีวมวล (Biomass to Liquid : BTL) ที่มีหลายรูปแบบ อาทิ การผลิตน้ำมันดีเซลจากแบคทีเรียชนิดหนึ่ง การผลิตเอทานอลจาก ผักตบชวา ฟางข้าว การผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินสังเคราะห์ และการผลิตน้ำมันจากไม้ เป็นต้น นายทวารัฐ กล่าวเพิ่มว่า นอกจากเชื้อเพลิงใหม่ทั้ง 5 ประเภทดังกล่าวแล้ว ในการรองรับราคาน้ำมันแพงในอนาคต จะเป็นโอกาสให้มีการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า(Electric vehicle : EV) ซึ่งใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ โดยปัจจุบันเริ่มมีการใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่สามารถขับเคลื่อนได้ถึง 130 กิโลเมตรต่อการชาร์จแบตเตอรี่ 1 ครั้ง รวมทั้งการพัฒนาระบบไฟฟ้าพลังงานสมบูรณ์แบบหรือสมาร์ทกริด ซึ่งจะเป็นเทคโนโลยีที่สามารถเปลี่ยนระบบการผลิตไฟฟ้า และระบบส่ง ระบบจ่ายไฟฟ้าและบริการผู้ใช้ไฟฟ้า ให้เป็นโครงข่ายที่เชื่อมต่อกัน รวมไปถึงการพัฒนาระบบสะสมพลังาน ที่เกี่ยวเนื่องไปถึงแบตเตอรี่ในรถยนต์ไฟฟ้าต่อไป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ