กรุงเทพฯ--22 เม.ย.--คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส
Price Movement
ราคาทองคำในตลาด COMEX เมื่อวานเพิ่มขึ้น 4.90 USDต่อออนซ์ปิดที่ 1,503.80 USDต่อออนซ์ โดยขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 1,509.60 USDต่อออนซ์ เนื่องจากค่าเงิน USD ที่อ่อนค่าลง เนื่องจากยอดขอสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ลดลงน้อยกว่าคาด
Key Points in Gold Market
- ราคาทองคำในตลาด COMEX เมื่อวานเพิ่มขึ้น 4.90 USDต่อออนซ์ปิดที่ 1,503.80 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,500.40 — 1,503.80 USDต่อออนซ์ โดยขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 1,509.60 USDต่อออนซ์ เนื่องจากค่าเงิน USD ที่อ่อนค่าลง เมื่อมีการประกาศยอดขอสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ลดลงน้อยกว่าคาด ทำให้คาดว่า ตลาดแรงงานจะต้องใช้เวลาอีกพอสมควรในการฟื้นตัว ( + )
- ราคาทองคำได้ขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ใกล้แนวต้านที่ 1,510 USDต่อออนซ์ โดยมีแรงขายทำกำไรสลับออกมาเมื่อใกล้แนวต้าน และเป็นการขายทำกำไรก่อนที่จะถึงวันหยุด Good Friday ที่หลายตลาดสำคัญปิดทำการ ได้แก่ ตลาดสหรัฐ อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน ออสเตรเลีย และ ฮ่องกง เป็นต้น คาดว่าปริมาณการซื้อขายในวันนี้จะเบาบาง แต่ราคาทองคำยังยืนเหนือ 1,500 USDต่อออนซ์ได้ ทำให้คาดว่าในสัปดาห์หน้ามีโอกาสไปต่อ โดยมีเป้าหมายในระยะสัปดาห์ที่บริเวณ 1,530 USDต่อออนซ์ โดยมีปัจจัยสนับสนุน คือ การอ่อนค่าของเงิน USD เมื่อ FED ยังคงดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำต่อไป และคงมาตรการ QE2 ต่อเนื่องไปถึงเดือน มิ.ย.ตามเดิม ในขณะที่ประเทศอื่นๆ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อต่อต้านเงินเฟ้อ ( + )
- ฝ่ายวิจัยมีความเห็นว่า การขายทำกำไรตามปกติเมื่อถึงแนวต้านได้เกิดขึ้นในระหว่างการซื้อขายในช่วงตั้งแต่วันพุธ และวันพฤหัสแล้ว โดยไม่มีสัญญาณผิดปกติแต่อย่างใด นักลงทุนสามารถถือสถานะ Long ต่อไปจนถึงสัปดาห์ได้ การพักฐานลงแรงคาดว่าจะไม่เกิดขึ้น เนื่องจากประเด็นที่นักลงทุนให้ความสนใจในช่วงนี้ ได้แก่ เรื่องเงินเฟ้อ การแข็งค่าของเงินสกุลในเอเชีย วิกฤตหนี้ในยุโรป เป็นปัจจัยที่มีผลต่อเนื่องไปจนถึงระยะกลางและยาว ส่วนการสิ้นสุดของสถานการณ์ในลิเบียมีความสำคัญน้อยลง เพราะตลาดคาดการณ์ว่าเมื่อจบสถานการณ์ในลิเบีย ก็จะมีความตึงเครียดทางการเมืองในประเทศอื่นๆต่อไปได้อีก
- ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ปรับตัวลง 13,000 ราย แตะระดับ 403,000 ราย น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 392,000 ราย ในขณะที่ดัชนีกิจกรรมทางเศรษฐกิจลดลงมาอยู่ที่ระดับ 18.5 จุดในเดือนเม.ย. จากเดือนมี.ค. ที่ระดับ 43.4 จุด ซึ่งทำให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการฟื้นตัวในภาคธุรกิจของสหรัฐ ( + )
- ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าเมื่อเทียบกับยูโร โดยมาอยู่ที่ 1.4565 ดอลลาร์ต่อยูโร โดยได้รับแรงกดดันจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยสหรัฐที่จะยังคงอยู่ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์และยอดขาดดุลงบประมาณในระดับสูงของสหรัฐฯ (+ )
- SPDR ขายทองคำออก 0.61ตัน เหลือถือครองทองคำจำนวน 1,229.64 ตัน ( - )
Technical Analysis:
ในระยะสั้นการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาทองคำเริ่มจำกัดมากขึ้น เนื่องจากเข้าใกล้กรอบแนวต้านสำคัญที่ 1,500-1,510 ทำให้มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะมีแรงเทขายออกมาเมื่อราคาทองคำเข้าใกล้กรอบแนวต้านดังกล่าว อย่างไรก็ดี ราคาทองคำยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น โดยจากกราฟรายวันราคาทองคำยังสามารถยืนอยู่เหนือเส้น uptrend line ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาได้ โดยประเมินแนวรับไว้ที่ 1,453