ชี้แจงข้อเท็จจริง ในนาม บริษัท เอสบีเค เบฟเวอเรจ จำกัด (ฉบับที่ 2)

ข่าวเศรษฐกิจ Friday April 29, 2011 17:14 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--29 เม.ย.--124 คอมมิวนิเคชั่นส คอนซัลติ้ง ตามที่บริษัท เอสบีเค เบฟเวอเรจ จำกัด (“บริษัทฯ”) ได้ซื้อหุ้นจำนวน 24,269,700 หุ้น ในบริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) (“บริษัทเสริมสุข”) ผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยโดยชอบด้วยกฎหมาย คิดเป็นมูลค่าการลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท แต่กลับถูกตัดสิทธิตามกฎหมายในฐานะผู้ถือหุ้นของบริษัทเสริมสุข ตามคำสั่งศาลแพ่ง ซึ่งออกให้ตามคำขอของนายศารัช โชคแจ่มใส ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทเสริมสุขจำนวนเพียง 3,100 หุ้น (คิดเป็น 0.001% ของหุ้นในบริษัทเสริมสุข) มีมูลค่าการลงทุนประมาณแสนกว่าบาท ตามที่นายศารัชได้แถลงต่อศาลแพ่งในคดีที่นายศารัชฟ้องบริษัทฯ ซึ่งนายศารัชได้ยอมวางเงินประกัน 500,000 บาทต่อศาลแพ่ง เพื่อให้ศาลได้ออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ซึ่งเงินประกันดังกล่าวสูงกว่าเงินที่นายศารัชได้ลงทุนในการซื้อหุ้นบริษัทเสริมสุข ซึ่งข้อเท็จจริงนี้เป็นที่ประจักษ์ในคดีดังกล่าว การที่บริษัทฯ ได้ซื้อหุ้นบริษัทเสริมสุขไม่สามารถจะก่อให้เกิดความเสียหายใด ๆ แก่นายศารัช แต่จากการที่บริษัทฯ ได้ถูกคำสั่งศาลแพ่งตามที่นายศารัช ได้ร้องขอระงับการใช้สิทธิในการออกเสียงและระงับการบันทึกให้บริษัทเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทเสริมสุข แสดงให้เห็นว่า ผู้ถือหุ้นเพียง 0.001% สามารถที่จะลิดรอนสิทธิพื้นฐานของผู้ถือหุ้น 9.13% ซึ่งซื้อหุ้นโดยผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นที่ที่นักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศทำการซื้อขายหลักทรัพย์จดทะเบียนของบริษัทจดทะเบียนในประเทศไทย จากการที่บริษัทถูกตัดสิทธิพื้นฐานในการเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทเสริมสุข เนื่องจากคำสั่งของศาลแพ่งดังกล่าว บริษัทฯ จึงยื่นคำร้องฉุกเฉินเพื่อขอยกเลิกคำสั่งศาลดังกล่าวที่สั่งระงับการเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในบริษัทเสริมสุขต่อศาลแพ่งเมื่อวานนี้ (วันที่ 28 เมษายน 2554) ในเวลาประมาณ 8.30 นาฬิกา และจัดเตรียมพยานหลักฐานเข้าสืบพยานต่อศาลเพื่อขอให้ศาลพิจารณายกเลิกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลแพ่ง ซึ่งออกมาตามข้อกล่าวหาที่เลื่อนลอยและปราศจากความเป็นจริงของนายศารัช เนื่องจากบริษัทเสริมสุข จะมีการจัดประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปีในวันนี้ (วันที่ 29 เมษายน 2554) ดังนั้นจึงมีเหตุฉุกเฉินที่บริษัทฯ จำต้องขอความเป็นธรรมต่อศาลแพ่ง เพื่อขอให้ศาลยกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว และให้บริษัทฯ สามารถเข้าประชุมสามัญประจำปีของบริษัทเสริมสุขในวันนี้ (วันที่ 29 เมษายน 2554) บริษัทฯ ควรมีสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายในการเข้าประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปี เนื่องจากบริษัทฯ เป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทเสริมสุข มาตั้งแต่วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2554 ศาลแพ่งได้รับคำร้องของบริษัทฯ ไว้แล้วเพื่อพิจารณา และทนายของโจทก์ก็ได้มาที่ศาล แต่ศาลแพ่งกลับนัดพิจารณาคำร้องฉุกเฉินดังกล่าวในวันที่ 2 พฤษภาคม 2554 ซึ่งเป็นเวลา 2 วันหลังจากที่ประชุมสามัญของผู้ถือหุ้นของบริษัทเสริมสุขได้ดำเนินการประชุมเสร็จสิ้นไปแล้ว บริษัทฯ ยังได้ดำเนินการฟ้องร้องบริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทเสริมสุข และนายศารัช โชคแจ่มใสเป็นเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดจากการดำเนินการของบุคคลดังกล่าวในการลิดรอนสิทธิขั้นพื้นฐานในฐานะผู้ถือหุ้นที่บริษัทฯ พึงมีตามกฎหมาย และศาลแพ่งกรุงเทพใต้ก็ได้รับคำฟ้องดังกล่าวไว้พิจารณาแล้ว การที่บริษัทฯ ถูกกีดกันมิให้เข้าร่วมประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทเสริมสุขในวันที่ 29 เมษายน 2554 ส่งผลให้การประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปีของบริษัทเสริมสุข รวมทั้งมติใด ๆ ที่ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย บริษัทฯ จึงได้ยื่นคัดค้านการจดทะเบียนใด ๆ อันเกี่ยวกับการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทเสริมสุขดังกล่าว และมติของที่ประชุมนั้นต่อนายทะเบียนบริษัทมหาชน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ไว้แล้วในวันนี้ (29 เมษายน 2554) ซึ่งตามกฎเกณฑ์ของกระทรวงพาณิชย์ซึ่งใช้ปฏิบัติมาโดยตลอด นายทะเบียนจะไม่รับจดทะเบียนที่มีการคัดค้านจากบุคคลใด ๆ ที่เกี่ยวข้อง แต่จะดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงและเรียกให้ผู้ที่ขอจดทะเบียนซึ่งในที่นี้ก็คือบริษัทเสริมสุขยื่นคำชี้แจงว่ามติที่ประชุมผู้ถือหุ้นที่ขอจดทะเบียนนั้นได้ดำเนินการโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ซึ่งการพิจารณาดังกล่าวจะเปิดโอกาสให้ผู้คัดค้านได้ใช้สิทธิในการเสนอข้อเท็จจริงเพิ่มเติมแก่นายทะเบียนด้วย โดยปกติกระบวนการพิจารณาและตรวจสอบข้อเท็จจริงของกระทรวงพาณิชย์ในกรณีดังกล่าวจะใช้เวลาไม่น้อยกว่า 15 วัน จัดทำในนาม บริษัท เอสบีเค เบฟเวอเรจ จำกัด โดย บริษัท 124 คอมมิวนิเคชั่นส คอนซัลติ้ง จำกัด

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ