กรุงเทพฯ--10 พ.ค.--บล. ไทยพาณิชย์
สายงานวิจัย บล. ไทยพาณิชย์ คาดการณ์ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET Index) จะปรับตัวขึ้นช่วงก่อนการเลือกตั้งในเดือน พ.ค. 2554 ที่ระดับ 1,070 - 1,100 จุด โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าจะมีผลประกอบการปรับตัวดีกว่าผลประกอบการของตลาดหลักทรัพย์โดยรวม (Outperform SET) ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ และ กลุ่มสื่อ เพราะมีปัจจัยหนุนจากการใช้จ่ายทั่วประเทศในช่วงเลือกตั้งด้วยเม็ดเงินรวมทั้งสิ้น 2-3 หมื่น ลบ. อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยในช่วงหลังเลือกตั้งราวเดือน ก.ค. 2554 คาดว่าจะมีความผันผวน โดย SET Index น่าจะลดลงไปอยู่ที่ประมาณ 1,000 จุด จากความไม่แน่นอนทางการเมืองภายหลังการเลือกตั้ง และปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะการสิ้นสุดมาตรการ QE2 ของเฟด ย้ำคงเป้า SET Index ปลายปีนี้เอาไว้ที่ระดับ 1,200 จุด แนะลงทุนในหุ้น Domestic Play และ Commodity Play เลือก KTB BLA MAKRO HMPRO BANPU TOP และ SCC เป็นหุ้นเด่นในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้
นายเกียรติศักดิ์ เจนวิภากุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บล.ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยจะยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่จะปรับตัวขึ้นไม่แรงมากเหมือนกับปี 2553 ทั้งนี้ เหตุการณ์ภายนอกที่เกิดขึ้นในไตรมาสที่ 1/54 อาทิ สถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง แผ่นดินไหว สึนามิ และวิกฤตโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในญี่ปุ่น เป็นเหตุการณ์ที่ไม่สามารถคาดเดาได้ล่วงหน้า และมีผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนไทยทั้งบวกและลบผสมกัน อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่จะมีผลกระทบมากที่สุดในไตรมาสที่ 2/54 คงเป็นการเลือกตั้ง ซึ่งจากการสังเกตการณ์การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านๆ มาพบว่า SET Index มักจะปรับตัวเพิ่มขึ้นระหว่าง 2-6% ในช่วงสั้นๆ โดยขึ้นอยู่กับสถานการณ์การเมืองในขณะนั้นและการคาดการณ์ผลการเลือกตั้ง หากนำระดับของการปรับขึ้นดังกล่าวมาใช้ เราพบว่า SET Index น่าจะอยู่ที่ระดับ 1,070-1,100 จุด ในช่วงในไตรมาสนี้
“ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นในช่วงหลังการเลือกตั้งราวเดือน ก.ค.2554 ยังน่ากังวล โดยมีสาเหตุมาจากความไม่แน่นอนภายหลังการเลือกตั้ง เหตุการณ์ความรุนแรงในตะวันออกกลางที่อาจจะยืดเยื้อ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง แนวโน้มการยุตินโยบายการเงินแบบผ่อนคลายของธนาคารกลางสหรัฐฯและยุโรปซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนราคาสินทรัพย์ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จะส่งผลให้ราคาหุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ และ พันธบัตร มีความ ผันผวนเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ทั้งนี้ คาดว่าดัชนีน่าจะกลับลดลงไปอยู่ที่ประมาณ 1,000 จุด ในไตรมาสที่ 3/54 แต่เราเชื่อว่าดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนจะไม่ถูกกระทบมากนักมากนัก ดังนั้น เราจึงคงเป้า SET Index ปลายปีนี้เอาไว้ที่ระดับ 1,200 จุด” นายเกียรติศักดิ์ กล่าว
ด้านนายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนลูกค้าบุคคล สายงานวิจัย บล. ไทยพาณิชย์ กล่าวเสริมว่า หากดูการขยับของราคาหุ้นรายกลุ่มในช่วงที่มีการเลือกตั้ง 3 ครั้งที่ผ่านมา เราพบว่ากลุ่มไอซีที ยานยนต์ บันเทิง อสังหาริมทรัพย์ โรงแรม ธนาคาร อาหาร และขนส่ง ปรับตัว Outperform SET
สำหรับการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงนี้ เราคาดว่ากลุ่มพาณิชย์ และ สื่อ จะปรับตัว Outperform SET ได้ โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการใช้จ่ายทั่วประเทศในช่วงเลือกตั้งที่คาดว่าจะมีเม็ดเงินรวมทั้งสิ้น 2-3 หมื่นล้านบาท
กลยุทธ์การลงทุนในไตรมาส 2 ปี 2554 แนะนำซื้อหุ้นใน 2 ประเด็น ประกอบด้วย หุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการอุปโภคบริโภคที่เพิ่มขึ้น หรือ Domestic play ซึ่งได้ประโยชน์ก่อนเลือกตั้ง และหุ้นที่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์ หรือ Commodity play ซึ่งได้ประโยชน์จากการสะดุดของห่วงโซ่สายการผลิต สำหรับหุ้น Domestic play นั้น เราเลือก ธนาคารกรุงไทย (KTB) กรุงเทพประกันชีวิต (BLA) สยามแม็คโคร (MAKRO) และ โฮมโปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) ส่วนหุ้น Commodity play เราเลือก บ้านปู (BANPU) ไทยออยล์ (TOP) และ ปูน ซิเมนต์ไทย (SCC)
คำบรรยายใต้ภาพ :
นายเกียรติศักดิ์ เจนวิภากุล (ซ้าย) กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บล.ไทยพาณิชย์ และนายสุกิจ อุดมศิริกุล (ขวา) ร่วมให้ข้อมูลสรุปเกี่ยวกับการภาพรวมตลาดหุ้นไทยในช่วงก่อนและหลังการเลือกตั้ง ซึ่งคาดว่าจะมีการปรับตัวขึ้นในช่วงก่อนการเลือกตั้ง และผันผวนในช่วงหลังการเลือกตั้งแก่สื่อมวลชน ณ ห้องประชุม ชั้น 20 บล.ไทยพาณิชย์ รัชโยธิน