กรุงเทพฯ--13 พ.ค.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศผลอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้ม “Positive” หรือ “บวก” โดยอันดับเครดิตสะท้อนฐานะการเป็นบริษัทโฮลดิ้งซึ่งลงทุนในกลุ่มทิสโก้ ตลอดจนอำนาจการบริหารงานในธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) ผ่านการถือหุ้น 99.98% และผลตอบแทนในรูปของเงินปันผลที่ได้รับอย่างสม่ำเสมอจากธนาคารทิสโก้ ทั้งนี้ อันดับเครดิตองค์กรของบริษัทต่ำกว่าอันดับเครดิตองค์กรของธนาคารทิสโก้ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์อยู่ 1 ขั้นอันสะท้อนถึงการที่บริษัทต้องพึ่งพารายได้เงินปันผลจากธนาคารทิสโก้เป็นหลัก รวมถึงอุปสรรคด้านกฎเกณฑ์ในการจ่ายเงินปันผลจากธนาคารทิสโก้ นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงคณะผู้บริหารที่มีความสามารถและประสบการณ์ ตลอดจนระบบการบริหารจัดการความเสี่ยงที่ดี แหล่งที่มาของรายได้ซึ่งมีการกระจายตัวเป็นอย่างดี และความสามารถในการรักษาสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในธุรกิจการให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ด้วย อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อการระดมเงินฝากภายหลังการบังคับใช้พระราชบัญญัติสถาบันคุ้มครองเงินฝากในเดือนสิงหาคม 2554 อีกทั้งอันดับเครดิตยังได้รับแรงกดดันจากสภาวะการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจธนาคารพาณิชย์ สินเชื่อเช่าซื้อ และธุรกิจหลักทรัพย์ รวมถึงความไม่แน่นอนของสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและการเมือง โดยปัจจัยเหล่านี้อาจจำกัดโอกาสในการขยายตัวและความสามารถในการทำกำไรของกลุ่มทิสโก้ได้ในอนาคต
แนวโน้มอันดับเครดิต “Positive” หรือ “บวก” สะท้อนการคาดการณ์ว่าบริษัทจะมีผลประกอบการเป็นไปตามที่คาดไว้ในระยะปานกลาง รวมทั้งยังสะท้อนถึงระบบการบริหารความเสี่ยงที่ดีของบริษัทซึ่งจะช่วยบรรเทาความเสี่ยงอันเกิดจากความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจและการเงินในอนาคตได้ ทั้งนี้ อันดับเครดิตและแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทจะเผชิญกับความท้าทายจากผลที่จะเกิดขึ้นภายหลังการบังคับใช้กฎหมายสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการดำรงความเข้มแข็งของบริษัทหรือความสามารถในการรักษาฐานเงินทุนที่มั่นคงด้วยต้นทุนที่เหมาะสม เป็นต้น
ทริสเรทติ้งรายงานว่า ในปี 2551 บริษัททิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ปและบริษัทย่อยได้ดำเนินการตามแผนการปรับโครงสร้างของกลุ่มโดยการจัดตั้งบริษัททิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ปขึ้นให้เป็นบริษัทเพื่อการลงทุนและเป็นบริษัทใหญ่ของกลุ่ม
ทิสโก้แทนธนาคารทิสโก้ ณ วันที่ 11 มีนาคม 2554 บริษัทมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดได้แก่ CDIB & Partners Investment Holding Pte Ltd. ในสัดส่วน 10% ในขณะที่ส่วนที่เหลือถือโดยนักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ณ สิ้นปี 2553 บริษัทมีขนาดของสินทรัพย์รวมใหญ่เป็นอันดับที่ 10 จากจำนวนธนาคารพาณิชย์ไทยทั้งสิ้น 13 แห่ง โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดของสินเชื่อ 2.2% และของเงินรับฝาก 0.7% บริษัทมีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น (จากงบการเงินรวม) 171 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% จากสินทรัพย์รวมในปี 2552 ที่มีจำนวน 139 พันล้านบาท ฐานรายได้ของบริษัทมีการกระจายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รายได้จากค่าธรรมเนียมเมื่อพิจารณาจากอัตราส่วนรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยต่อรายได้รวมสำหรับปี 2553 เพิ่มขึ้นเป็น 29% จาก 25% ในปี 2552 รายได้ของบริษัทในปี 2553 มาจากรายได้ของบริษัทย่อย อันได้แก่ ธนาคารทิสโก้ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด และ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด คิดเป็นสัดส่วน 75% 11% และ 8% ของรายได้รวม ตามลำดับ ส่วนที่เหลืออีก 6% เป็นรายได้ที่มาจาก บริษัท ไฮเวย์ จำกัด และ บริษัท ทิสโก้ โตเกียว ลีสซิ่ง จำกัด
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า สถานะทางการเงินของบริษัททิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ปดีขึ้นมาก ด้วยอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิในปี 2553 ที่ 45% บริษัทมีกำไรสุทธิสำหรับปี 2553 จำนวน 2,888 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2552 ซึ่งมีจำนวน 1,988 ล้านบาท อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยสำหรับปี 2553 อยู่ที่ 1.86% เพิ่มขึ้นจาก 1.5% ในปี 2552 บริษัทมีอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นถัวเฉลี่ยในปี 2553 อยู่ในระดับสูงที่สุดในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทย 11 แห่ง (ไม่รวมธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) และธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน)) ในฐานข้อมูลของทริสเรทติ้ง โดยมีค่าเท่ากับ 21.1% ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 16.53% ในปี 2552 ทั้งนี้ ผลประกอบการที่ดีขึ้นเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของทั้งรายได้ดอกเบี้ยและรายได้จากค่าธรรมเนียม รวมถึงการควบคุมต้นทุนเครดิตและต้นทุนการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ
ในส่วนของคุณภาพสินทรัพย์นั้น บริษัทมีระบบการบริหารความเสี่ยงแบบรวมศูนย์ซึ่งเป็นระบบที่ดี ส่งผลให้บริษัทมีสินทรัพย์ที่มีคุณภาพดี โดยมีอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมที่ระดับ 1.76% ในปี 2553 ซึ่งเป็นอัตราต่ำที่สุดในกลุ่มอุตสาหกรรม ในขณะที่สินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เงินให้สินเชื่อจัดชั้นค้างชำระเกินกว่า 3 เดือน ยอดคงค้างสินเชื่อที่ปรับโครงสร้างหนี้ และทรัพย์สินรอการขาย) คิดเป็น 0.19 เท่าของเงินกองทุนและค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ โดยลดลงจาก 0.24 เท่าในปี 2552 และยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ที่ระดับ 0.6 เท่า
บริษัทได้สร้างและพัฒนาบุคลากรระดับบริหารจนมีความเชี่ยวชาญภายใต้แนวทางการบริหารจัดการที่รอบคอบและระมัดระวัง ซึ่งทำให้บริษัทสามารถให้การสนับสนุนบริษัทย่อยจนสามารถดำรงสถานะทางการแข่งขันได้เป็นอย่างดี การบริหารความเสี่ยงแบบรวมศูนย์ของบริษัทยังได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล อย่างไรก็ตาม ภาวะการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจธนาคารพาณิชย์อาจจำกัดการเติบโตและความสามารถในการทำกำไรของธนาคารทิสโก้ได้ในอนาคต ทริสเรทติ้งกล่าว
บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (TISCO)
อันดับเครดิตองค์กร: A-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Positive (บวก)
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ rapee@tris.co.th โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500