MOVIE: ใหม่กะหม่ำโดนกะโดน

ข่าวบันเทิง Tuesday May 31, 2011 09:25 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--31 พ.ค.--สหมงคลฟิล์ม สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล/หัวฟิล์มท้ายฟิล์ม/บั้งไฟฟิล์มและบาแรมยู จับ “หม่ำ-ใหม่-โหน่ง” มาบรรเลงความสนุกเพื่อสร้างความสุขกับเรื่อง “โดนๆ” ของ “คนที่ใช่” ที่อาจอยู่ใกล้ๆ ตัว “โหน่ง” เมียหม่ำขี้งอนมั๊กมั๊ก กะ “ใหม่” เพื่อนหม่ำชอบเมาปลิ้น !!! ถ้าคุณเป็น “หม่ำ” จะเลือกใคร? นิยามความรักสุดจี๊ดในยุค 2011 จากมุมมองและผลงานการกำกับลำดับที่ 9 ของ “หม่ำ จ๊กม๊ก” 23 มิถุนา นับถอยหลัง “ฮา” ถึงเวลา “โดน” เต็มๆ เรื่องของเพื่อนรักก็คือ.....เรื่องของเรา เมื่อความรักของเพื่อน........ กลายมาเป็นเรื่องรักของเรา แล้วคุณคิดว่า....จากเพื่อนที่เรารัก จะสามารถเปลี่ยนสถานะได้หรือไม่??? เรื่องราวมิตรภาพ ความรัก ของ “เพื่อนรักเพื่อน” ที่พร้อมให้ เติมเต็มความสุขและคุณค่าของชีวิตของเพื่อนโดยไม่มีข้อแม้ จัดจำหน่าย สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล ผู้สร้าง สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล และ หัวฟิล์มท้ายฟิล์ม บริษัทดำเนินงานสร้าง บั้งไฟฟิล์ม และบาแรมยู แนว คอมิดี้-โรแมนติค อำนวยการสร้าง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ และปัญญา นิรันดร์กุล กำกับภาพยนตร์ เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา ควบคุมงานสร้าง ปรัชญา ปิ่นแก้ว, พาณิชย์ สดสี, สุกัญญา วงศ์สถาปัตย์, เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา เรื่อง เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา บทภาพยนตร์ เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา, พิพัฒน์ จอมเกาะ กำกับภาพ จิระเดช สำเนียงเสนาะ ลำดับภาพ วิชิต วัฒนานนท์ ดนตรีประกอบ และออกแบบเสียง คณิศร พ่วงจีน เพลงประกอบภาพยนตร์ “ให้ฉันดูแลเธอ” ขับร้องโดย ใหม่ เจริญปุระ กำกับศิลป์ วรากร พูนสวัสดิ์ ออกแบบเครื่องแต่งกาย นิรชรา วรรณาลัย แต่งหน้า ปริญญา ปานตั้น ทำผม เชิดศักดิ์ ชมงาม “เรื่องราวของใหม่กะหม่ำโดนกะโดน” “คนที่ทั้งใช่และโดน” จะมีมั้ยน๊า? ปัญหาโลกแตกที่ “ใหม่” (ใหม่ เจริญปุระ) สาวเปรี้ยวสุดซ่าส์ตั้งคำถามกับตัวเองมาตั้งแต่สมัยมัธยม จนผ่านมหา’ลัย ข้ามวัยมาจนถึงบัดนาว ก็ยังไม่เห็นหนุ่มหน้าไหนจะจริงใจรักจริงสักราย นอกจากพ่อบังเกิดเกล้า ผู้ชายทั่วไปก็เลวเหมือนกันหมดเจ้าชู้ไม่เลือกหน้า ดีที่ชีวิตนี้ยังมี “หม่ำ” (หม่ำ จ๊กม๊ก) เพื่อนซี้ที่คอยดามอกหิ้วปีกใหม่ทุกครั้งที่เมาเละจากอาการอกหักจากบรรดาผู้ชายทั้งหลายที่เข้ามาในชีวิต แต่ในขณะเดียวกัน กะเพรา (รับบทโดยโหน่งชะชะช่า) เมียสาวของหม่ำ เริ่มอดรนทนไม่ไหวกับมิตรภาพความห่วงใยที่ไม่รู้จักเวล่ำเวลาของเพื่อน “หม่ำ-ใหม่” ที่นับวันจะเกินความพอดี ถึงขนาดต้องยื่นคำขาดกันแล้วว่า ระหว่าง “เพื่อน” กับ “เมีย” หม่ำจะเลือกใคร? แต่ก่อนที่หม่ำจะมีโอกาสเคลียร์โจทย์ที่ยากที่สุด เพราะทั้งชีวิตของหม่ำก็มีแค่เพื่อนกับเมียนี่แหละสำคัญที่สุด แล้วทำไมต้องเลือกด้วย!!! ดูเหมือนอุปสรรคขวากหนามของชีวิตจะยังไม่ยุ่งเหยิงพอ จู่ๆสวรรค์เบื้องบนก็ส่งโกสน (รับบทโดยเท่ง เถิดเทิง) ไม่ใช่มือที่3แต่เป็นมือที่ 4 มาทดสอบความสัมพันธ์ระหว่าง “หม่ำ” “ใหม่” และ “กะเพรา” พร้อมกับดลใจให้หม่ำที่ร้อยวันพันปีไม่เคยกินเหล้าดันเกิดอาการเมาปลิ้นกับซี้ใหม่ ทั้งคู่ต่างสลบสไลไร้สติไปกับการเมาเละครั้งประวัติศาสตร์ก่อนที่จะตื่นขึ้นมาพบว่าต่างฝ่ายต่างเนื้อตัวล่อนจ้อน และที่สำคัญคือใหม่ท้อง??? เอาละซิ และนี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวความรัก ความผูกผัน ของทั้ง3ที่ต้องมะรุมมะตุ้มวุ่นวายยุ่งเหยิงอย่างที่ใครก็กะเกณฑ์ไม่ได้ จนเป็นเหตุให้สัมพันธภาพของเพื่อนซี้อย่างใหม่-หม่ำ-ต้องเปลี่ยนไปอย่างกู่ไม่กลับโดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานภาพความเป็นเพื่อนรักเพื่อน ใครเป็นใครใน“ใหม่กะหม่ำโดนกะโดน” “ใหม่” รับบทโดย ใหม่ เจริญปุระ “ใหม่” หญิงสาวผู้มีความมั่นใจในตัวเองสูง สวย เริ่ด เชิดตลอดเวลา สไตล์ลิสต์ประจำนิตยสารที่ประสบวิกฤติทางความรัก ล้ม เหลวทางความรู้สึกถวิลหาความรักมาทั้งชีวิตกลับไม่เคยพบรักแท้ อกหัก เป็นเรื่องธรรมชาติแต่กับเธอมันเกินทนนี่มันเจ็บจะเท่ากับจำนวนอายุเธอ เข้าไปแล้ว ทำไมฟ้าถึงไม่เห็นใจกันบ้าง เธอได้แต่ตัดพ้อกับโชคชะตาทุก ครั้งที่เธออกหักรักคุดคนที่เคียงข้างเธอตลอดมาก็คือเพื่อนหม่ำคนนี้ตั้งแต่ เล็กจนโตและจนผ่านวัยหนุ่มสาวมา หม่ำจะคอยยืนเคียงข้าง เธอตลอดมา และถ้าเพื่อนคนนี้เกิดเปลี่ยนสถานะขึ้นมาจะเป็นมากกว่าเพื่อน โดยไม่ตั้งใจ เธอจะทำไง…. “หม่ำ” รับบทโดย หม่ำ จ๊กม๊ก “หม่ำ” มัคคุเทศก์ชายวัยกลางคน หนุ่มใหญ่อารมณ์ขันปากเก่ง และกวนตีน เป็นคนมีน้ำใจรักพวกพ้อง ใจนักเลงเป็นที่สุด ในวงการท่องเที่ยวทุกคนต้องกล่าวถึงลีลา และเสน่ห์การนำเที่ยวที่ไม่เหมือนใคร จึงทำให้ลูกทัวร์ต้องร้องเรียกหา ไกด์ที่ชื่อ หม่ำ เสมอ... หม่ำเป็นเพื่อนกับใหม่มาตั้งแต่เด็กดังนั้นไม่ว่าจะทุกข์หรือสุข เพื่อนคู่นี้ก็ไม่เคยห่างและยามใดที่ใหม่ผิดหวังท้อแท้เพื่อนหม่ำคนนี้จะ คอยอยู่เคียงข้างตลอดจนคนข้างเคียงอย่างกะเพราแฟนสาวข้ามเพศของหม่ำที่ดูเผินๆ แล้วเหมือนจะเข้าใจความเป็นเพื่อนของคู่นี้ไม่ค่อยพอใจ แต่หม่ำก็รักและทะนุถนอมกะเพราตลอดมา “กะเพรา” รับบทโดย โหน่ง ชะชะช่า “กะเพรา” สาวข้ามเพศร่างยักษ์ช่างเม้าท์ รักสวยรักงาม มีร้านเสริมสวยเป็นของตัวเอง แถมลูกค้าส่วนใหญ่ติดอกติดใจในฝีมือและฝีปากของกะเพรา กะเพราคบหากับหม่ำมานานนม อยู่ด้วยกันฉันท์สามีภรรยา รักและเอาใจใส่ ตามใจหม่ำตลอด ยกเว้นเรื่องเดียวที่ไม่เคยพอใจคือเพื่อนหม่ำที่ชื่อ “ใหม่” และทุกครั้งที่ใหม่โทรมาจะต้องมีเรื่องเดือดร้อนให้หม่ำต้องช่วยเหลือทุกครั้ง แต่กะเพราก็พยายามทำความเข้าใจในความสัมพันธ์แบบเพื่อนรักของทั้งคู่ ถึงแม้หลายครั้งจะรู้สึกอิจฉาในความสนิทสนมจนเกินเหตุของใหม่กะหม่ำ “นี่มันยิ่งกว่าคนที่เป็นแฟนแท้ๆ อย่างกะเพราะแล้วนะอีใหม่!!!” “โกสน” รับบทโดย เท่ง เถิดเท่ง “โกสน” เพื่อนรุ่นพี่ของกะเพราตั้งแต่สมัยเรียน นิสัยสุภาพ รักสงบ กลับเข้ามาในชีวิตกะเพราอีกครั้งหลังจากห่างหายไปนาน โกสนสนิทกับกะเพราพอๆ กับที่ หม่ำสนิทกับใหม่ พูดได้ว่าพระเจ้าส่งโกสนมาเพื่อทดสอบความสัมพันธ์ของหม่ำ-ใหม่และกะเพราโดยเฉพาะ แต่ด้วยนิสัยที่ต่างกันสุดขั้ว หม่ำใจร้อน โกสนสุภาพ ทำให้การเจอกันครั้งแรกของทั้งคู่ก็ทำให้หม่ำไม่ถูกชะตาโกสนทันที นักแสดง เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา , ใหม่ เจริญปุระ, ชูศักดิ์ เอี่ยมสุข, พงษ์ศักดิ์ พงษ์สุวรรณ, ฉันทนา กิติยพันธ์, อุดม ทรงแสง, อาคม ปรีดากุล, ชลิต เฟื่องอารมย์, ประกาศิต โบสุวรรณ, อคัมย์สิริ สุวรรณศุข, บุษราคัม วงษ์คำเหลา, เพทาย วงษ์คำเหลา “ใหม่กะหม่ำโดนกะโดน” แง่มุม “โดนๆ” กับเรื่องราว “รักๆ” ในสไตล์ โรแมนติคคอมิดี้ขำปนซึ้งที่แตกต่าง จากไอเดียและก้านสมองของ “หม่ำ จ๊กม๊ก” เมื่อย้อนกลับไปดูผลตอบรับแห่งความสำเร็จที่ผ่านมาของภาพยนตร์ที่กำกับโดยหม่ำ จ๊กม๊ก มีภาพยนตร์ที่ได้รับผลตอบรับจากผู้ชมทำรายได้เหยียบ 100 ล้านถึง 5 เรื่อง เป็นภาพยนตร์แอ็คชั่น-คอมมิดี้ 2 เรื่องนั่นคือบอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยมภาค 1-2 และภาพยนตร์โรแมนติคคอมมิดี้ที่มีรูปแบบเฉพาะตัวในสไตล์หม่ำหม่ำถึง 3 เรื่องนั่นคือรักรากหญ้าฮา 100 ล้านจากแหยมยโสธรภาค 1-2, และเรื่องราวความรักต่างสถานะของชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์แห่งตระกูลวงษ์คำเหลาที่สะท้อนให้เห็นถึงความแม่นยำในรสนิยม และความต้องการของผู้ชมของหม่ำได้เป็นอย่างดี และในปี 2554 หม่ำ จ๊กม๊กพร้อมแล้วที่จะกลับมาพร้อมกับ “ใหม่กะหม่ำโดนกะโดน” อีกแนวทางของภาพยนตร์โรแมนติคคอมมิดี้ที่แตกต่างจากหนังรัก 2 เรื่องก่อนหน้าโดยสิ้นเชิง กลับ กันอัดแน่นไปด้วยลายเซ็นต์ในตัวตนความเป็นผลงานของ “หม่ำ จ๊กม๊ก” อย่างชัดเจน เพียงแต่ครั้งนี้เป็นการหยิบเอามุมมองเรื่องราวความรักที่ขยับทิศทางเข้าหาผู้ชมกลุ่มเมืองอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องใกล้ตัว และไลฟ์สไตล์ของผู้คนหนุ่มสาวในสังคมเมืองยุคปัจจุบันที่เกี่ยวพันกับเรื่องราวความรักที่ต้องเลือกระหว่าง “เพื่อนรัก” กับ “คนรัก” “สำหรับหนังรักอย่างใหม่กะหม่ำโดนกะโดน มันจะไม่เหมือนความรักในเรื่องวงษ์คำเหลา หรือเรื่องรักแบบแหยมยโสธร หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่แตกต่างจากหนังทุกเรื่องที่ผ่านมา จะบอกว่าเป็นหนังรักโรแมนติก เป็นหนังรักที่ใครก็คาดคิดไม่ถึงก็ได้ คือมันไม่ใช่รักสามเศร้านะ ต้องบอกก่อนว่าหนังเรื่องนี้เป็นความรักระหว่างเพื่อนกับภรรยา มันอาจจะเป็นแรงบันดาลใจที่เกิดมาจากชีวิตจริงที่เคยเจอมาแล้ว ผมมีเพื่อนชื่อสมศรี สนิทกันมาก แต่ไม่ได้ชอบกันนะ มันก็มีผู้ชายมาจีบมาชอบ แต่มันไม่ชอบ เราก็คอยกันให้มัน ผู้ชายก็นึกว่าเราเป็นแฟนกับสมศรี ที่จริงเราไม่ใช่ เหมือนกันเลย อารมณ์เดียวกันเลย แต่ต่างกันตรงที่ใหม่ในเรื่องที่เป็นเพื่อนเรา ชอบไปหว่านผู้ชาย เห็นใครหน้าตาดีก็ไปรักเขา ชอบเขาสุดท้ายก็มานั่งเสียใจ ไอ้เราเป็นเพื่อนสนิทก็ห่วงใย คอยปลอบโยน คอยหิ้วมาส่งบ้านทุกครั้งที่เพื่อนเสียใจแล้วเมาเสียผู้เสียคน จนเมียที่บ้านเริ่มไม่พอใจวตกลงเมียกับเพื่อนใครสำคัญกว่ากันคือมันเป็นความรักที่มากกว่าคำว่าเพื่อน และมากกว่าคำว่าเมีย คือผมมองว่าคำว่าเมียกับเพื่อน เมื่อรวมกันแล้วมันเหนือกว่าทุกสิ่งเลยนะ และ 2 สิ่งนี้มันไม่สามารถแยกกันได้ว่าคนไหนเมีย คนไหนเพื่อน บางทีเราก็รู้สึกว่าเมียก็เป็นเพื่อน เพื่อนก็เป็นเมีย คือในเรื่องต้องบอกว่าตัวเรารักและเป็นห่วงทั้งสองคน” “ใหม่กะหม่ำโดนกะโดน” โรแมนติค-คอมมิดี้ขำปนซึ้งชวนให้อึ่งทึ่งฮา เรื่องราวความรักสุดจี๊ดระหว่าง “ใหม่สาวซ่าส์ผู้ตามหารักแท้มาทั้งชีวิต” กับ “หม่ำเพื่อนรักที่ไม่ยอมรับรักเพื่อน” พร้อมด้วย “โหน่งเมียหม่ำที่กำลังจะพ่ายรัก” ในนิยามรักฉบับปี 2011 เมื่อ คนที่ “โดน” อาจไม่ใช่ ส่วน “คนที่ใช่” อาจไม่โดน หลายคนอาจตั้งคำถามและรู้สึกแปลกใจว่าเอ๊ะ “หม่ำ จ๊กม๊ก” ทำหนังแบบนี้เป็นด้วยเหรอ? นึกว่าทำเป็นแต่หนังบู๊ตลกอย่างเดียว แต่สำหรับหลายๆ คนที่ใกล้ชิด สนิทสนม และทำงานร่วมกับตลกซูเปอร์สตาร์จะรู้กันดีว่า ลึกๆ แล้ว นอกจากความทะลึ่งทะเล้นเป็นคนรวยมุกชนิดหาตัวจับยากที่เราเห็นกันเป็นประจำแล้ว พูดได้ว่า “หม่ำ จ๊กม๊ก” เป็นคนโรแมนติกที่มีมุมซึ้งๆ แต่อาจจะไม่ค่อยแสดงออก ถึงขนาดที่ว่าเคยกอดคอกับ “เท่ง เถิดเทิง” และ “โหน่งชะชะช่า” นั่งดูหนังดราม่าร้องไห้ต่อมน้ำตาแตกร่วมกันมาแล้ว หรือเป็นที่รู้กันว่าพี่ใหญ่แห่งแก๊งสามช่าที่มีตำแหน่งนายกสมาคมคนรักครอบครัวอย่าง“หม่ำ จ๊กม๊ก” มี 2 สิ่งที่สำคัญในชีวิตที่ขาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวงนั่นคือ “เพื่อน” และ “ครอบครัว” (ลูกและเมีย) “อาจเป็นสไตล์ของผมที่ว่าเป็นคนชอบดูหนัง ดูหนังมาเยอะแยะ หลากหลายแนว พูดได้ว่าทุกอย่างที่เป็นหนังผมดูหมด เพราะฉะนั้นตอนที่เรามาทำหนังก็เลยจะไม่ค่อยเป็นปัญหาว่าทำหนังอันนี้ได้ ทำหนังแบบนี้ไม่ได้ เพียงแต่เราก็จะมีวิธีการทำหนังในแบบฉบับ ในมุมมองของเรา อย่างเรื่องแหยมยโสธรก็จะเป็นหนังรักๆ อีกแบบหนึ่ง แต่พอมาถึงวงษ์คำเหลา ก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง แต่พอมาถึงใหม่กะหม่ำโดนกะโดน ยิ่งเป็นคนละอย่างกันเลยนะ มันไม่ได้เล่าถึงการที่ว่า ผู้ชายมาแอบรักผู้หญิง หรือผู้หญิงแอบรักผู้ชาย เหมือนที่เจ้ยแอบรักแหยม หรือชายเพชรแอบชอบพิรมน กลับกันในเรื่องใหม่กะหม่ำฯ จะพูดถึงใหม่ที่พยายามหาผู้ชายที่จะมาเป็นเนื้อคู่มาตลอดชีวิต แต่ก็ไม่เคยได้เลย เพราะไม่เจอผู้ชายที่แบบว่าดีจริงๆ มีความจริงใจจริงๆ แต่กลับกลายเป็นว่าไอ้คนที่อยู่ใกล้ตัวกันมาทั้งชีวิตที่ไม่เคยมองกันนั่นแหละใช่และโดนเหมือนกับประโยคหนึ่งในเรื่องที่แม่ใหม่ซึ่งแสดงโดยแม่แดงฉันทนาบอกกับใหม่ว่า เรื่องผู้ชายสงสัยจะไม่โดนนะลูก ถ้ามันโดนๆ ไปนานแล้ว เป็นไดอาล็อคของแม่ที่จะคอยให้กำลังใจตลอด คนที่ไขว่คว้าหาผู้ชายมาทั้งชีวิตเพื่อที่จะให้เป็นหัวหน้าครอบครัวยังไงก็ไม่เจอหรอก เพราะมันไม่ใช่ ไม่โดน แต่คนที่โดนเราอาจจะมองไม่เห็นก็ได้ มันเหมือนขนจั๊กกะแร้บังง่ามตูด มันเป็นยังงั้นมากกว่า ซึ่งเรื่องพวกนี้ก็เป็นเรื่องที่พูดลำบาก แม้แต่ตัวละครที่เป็นหม่ำในเรื่อง ผู้หญิงก็มีเยอะแยะ ทำไมไม่ชอบ แต่ทำไมไปชอบกะเพรา (รับบทโดยโหน่งชะชะช่า) เพราะคนมันโดนไงซึ่งไอเดียตรงนี้เกิดจากเรื่องจริงของคนที่เป็นแบบนี้จริงๆ อย่างหน้าปากซอยผมจะมีร้านตัดผมร้านหนึ่งที่ตัดประจำอยู่ ชื่อร้านตาโก้ แฟนเขาก็เหมือนกะเพรา ผู้ชายก็หน้าตาดีมีหนวดเฟิ้ม อันนี้ก็เป็นเรื่องจริงที่เขารักกันมากเลยนะ แต่ในหนังของผมมันจะมีอะไรที่พลิกซ้อนกันอยู่นิดหนึ่ง หรืออย่างกะเพราที่โหน่งเล่นก็เป็นแฟนเป็นคนรักของหม่ำนะคบหากันมา 14 ปี ยอมมาโดยตลอดที่คนรักของตัวเองให้ความรักความสนใจเพื่อนมากจนเกินแฟน จนเริ่มตั้งคำถามว่าตกลงเมียกับเพื่อนรักใครมากกว่ากัน แต่ถ้าถามว่าคาแรคเตอร์ของหม่ำในเรื่องรักกะเพราไหม รักมากรักที่สุดเลย ทุกวันนี้ก็ยังรักและเป็นห่วง แต่มันมีเหตุการณ์บางอย่างที่มันพลิกผันและกลายเป็นเรื่องบานปลายใหญ่โต ก็เป็นหนังรักในแบบฉบับของผมนะ คืออาจะมีน้ำตาคลอเบ้าแต่อมยิ้มนะ หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่แตกต่างจากหนังทุกเรื่องที่ผ่านมาเลย” แต่ถ้าถามว่าเสน่ห์หรือจุดเด่นของ “ใหม่กะหม่ำโดนกะโดน” ผลงานการกำกับภาพยนตร์เรื่องที่9ของตลกร้อยล้านอย่าง “หม่ำ จ๊กม๊ก” เรื่องนี้มีดีอยู่ที่ตรงไหน และมีความน่าสนใจอย่างไร เชื่อว่าทุกคนที่มีส่วนร่วมในภาพยนตร์ไม่ว่าจะเป็นทีมงาน นักแสดงทุกคน แม้แต่โปรดิวเซอร์อย่างปรัชญา ปิ่นแก้ว ซึ่งผ่านการทำงานร่วมกันกับ หม่ำ จ๊กม๊ก มาตั้งแต่ “บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม” “แหยมยโสธร 1-2” “วงษ์คำเหลา” ฯลฯเรื่อยมาจนถึงภาพยนตร์เรื่องล่าสุด ล้วนแล้วต่างลงความเห็นที่สอดคล้องตรงกันว่า สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของภาพยนตร์เรื่องใหม่กะหม่ำโดนกะโดนคือตัวเรื่องราวของบทภาพยนตร์ที่พูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า “โดน” ที่สุด และยิ่งมาอยู่ในมือของเหล่านักแสดงระดับฝีมือด้วยแล้ว ไม่แปลกใจที่ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นที่ถูกอกถูกใจผู้ชมไม่แพ้ภาพยนตร์โรแมนติคคอมมิดี้ระดับมาสเตอร์พีซอย่าง แหยมยโสธรอย่างแน่นอน “หม่ำเป็นผู้กำกับที่พูดได้ว่ามีความสามารถชนิดที่ว่าหาตัวจับยากคนหนึ่งไม่ว่าในฐานะของการเป็นนักดูหนังตัวยง นักแสดงมากความสามารถ คนเขียนบทผู้สร้าง ผู้กำกับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่หม่ำเหนือกว่าทุกคนคือการที่ทั้งชีวิตเขาคลุกคลีกับผู้ชมไม่ว่าจะเป็นจากรายการโทรทัศน์อย่างชิงร้อยชิงล้าน งานพิธีกร หรืออาชีพการแสดง ทำให้เขารู้ว่าคนดูชอบอะไร ไม่ชอบอะไรบวกกับการที่ตัวเขาเองเป็นคนที่ไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่ ทำให้เขานำคนอื่นอยู่ตลอด เลยไม่แปลกใจที่ว่าทำไมเขาถึงประสบความสำเร็จมาจนถึงทุกวันนี้ และเวลาที่หม่ำคิดโปรเจ็คต์หนังแต่ละเรื่องก็จะดึงดูดความสนใจให้กับผู้สร้าง นักแสดงที่จะมาเล่น รวมไปถึงผู้ชมที่จะมาดูได้ตลอด และที่สำคัญหนังแต่ละเรื่องของหม่ำมักจะมาพร้อมไอเดียที่น่าสนใจเสมอๆ เหมือนตอนที่หม่ำทำแหยมยโสธรหนังรักพูดอีสานทั้งเรื่องมีการย้อมสีภาพแบบสีสันฉูดฉาดและเป็นกึ่งๆ หนังเพลง ปรากฎว่าพอหนังฉายคนดูชอบหนังกวาดรายได้ถล่มทลาย หรือตอนที่หม่ำบอกจะทำวงษ์คำเหลาโดยที่ตัวเขาเองเล่นเป็นท่านชายก็เช่นกัน จนมาถึงใหม่กะหม่ำฯ เขามีไอเดียอยากทำหนังรักอุ่นๆ ซึ้งๆ ออกอารมณ์ดราม่าหน่อยๆ สไตล์โรแมนติคคอมมิดี้ที่ไม่เหมือนแหยมยโสธรหรือวงษ์คำเหลา ก็รู้สึกแปลกใจ และรู้สึกชื่นชมว่าเขาก็มีมุมซึ้งๆ น่ารักๆ เหมือนกัน และพอฟังพล็อตเรื่องแล้วชอบเลย เรื่องราวความรักความผูกผันที่กลายเป็นเงื่อนไขผูกเรียงร้อยชีวิตของคน3คนให้มาเกี่ยวพันกัน โดยคนหนึ่งเป็นเพื่อนสนิท หญิงสาวที่ไม่เคยสมหวังเรื่องความรักเลย อกหักมาตลอดชีวิตเล่นโดยใหม่ เจริญปุระ อีกคนเป็นแฟนเป็นคนรักที่อยู่กินกันมานานเป็น 10 ปีเล่นโดยคุณโหน่งชะชะช่าฟังแค่นี้ก็น่าสนใจแล้ว แต่อยู่มาวันหนึ่งมีเหตุให้หม่ำตื่นขึ้นมาพร้อมกับใหม่หลังจากที่เมื่อคืนไปเมากันมาอีท่าไหนก็ไม่รู้ปรากฎว่าใหม่ท้องโดยที่ก็ไม่รู้ว่าลูกในท้องเป็นลูกของเขารึเปล่า แล้วจากสถานการณ์ตรงนี้นี่เองก็จะพาคนดูไปพบกับเงื่อนไขของความรักความผูกผันที่แต่ลัวละครค่อยๆ ถูกร้อยเรียงเข้าหากันภายใต้พัฒนาการของความสัมพันธ์ที่ค่อยๆ แปรเปลี่ยน ไปตามเหตุการณ์ และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นที่เราอาจคิดไม่ถึง ซึ่งมีทั้งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ที่แอบสอดแทรกอารมณ์ซึ้งๆ แล้วก็บอกได้เลยว่าเซอร์ไพรส์ตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง แล้วลองนึกภาพว่าได้นักแสดงแต่ละคนที่มาเล่นอย่าง ใหม่ เจริญปุระ, หม่ำ จ๊กม๊ก, โหน่งชะชะช่า จะเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะขนาดไหน ผมเชื่อนะว่าหนังรักเรื่องนี้ผู้ชมมีสิทธิ์ที่จะได้สัมผัสกับอารมณ์ดราม่าอุ่นๆ ปนซึ้งตามความตั้งใจของตัวหม่ำเขา เผลอๆ ดูๆ ไปอาจน้ำตาไหล และขำไปโดยไม่รู้ตัวอย่างแน่นอน หนังเรื่องนี้จะเป็นตัวบอกให้รู้ว่าหม่ำเขาไม่ได้เป็นแค่นักแสดงตลกที่ทำเป็นแต่หนังตลกอย่างเดียว ผมเชื่อว่ายังมีความสามารถอีกหลายด้าน หลายมุมจากผู้ชายคนนี้ให้แฟนๆ เซอร์ไพรส์อีกเยอะมากๆ” ครั้งแรกในรอบ 15 ปีของ “ใหม่ เจริญปุระ” กับ อารมณ์เปื้อนยิ้มสุดจี๊ดบนแผ่นฟิล์ม จากภาพยนตร์ “คอมมิดี้-โรแมนติค” ภายใต้มุมมองการกำกับของ “หม่ำ จ๊กม๊ก” เสน่ห์อย่างหนึ่งที่มีอยู่ในตัวซุป’ตาร์ดิวาอย่าง “ใหม่ เจริญปุระ” ใครก็ตามที่ได้ใกล้ชิด สัมผัสตัวตนที่แท้จริงจะรู้เป็นอย่างดีว่านอกเหนือจากความเป็นนักเอนเตอร์เทนเนอร์มือ 1 ใหม่คือนักร้องนักแสดงที่เป็นคนร่าเริงสนุกสนาน ไม่ถือตัว เป็นกันเอง อารมณ์ดีขี้เล่น และเสน่ห์ดังกล่าวได้ไปเข้าตาของนักแสดงผู้กำกับหลายร้อยล้านที่ขึ้นชื่อว่าเป็นกูรูในการเรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะขวัญใจแฟนๆ จากทั่วประเทศอย่าง “หม่ำ จ๊กม๊ก” เข้าอย่างจัง และทำให้ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดที่กลั่นจากก้านสมองสองมือกำกับของเขา นักแสดงแถวหน้าของเมืองไทยที่จะมาเป็นนางเอกประกบคู่กันในบทบาทของเพื่อนสนิทซี้ปึ้กส์ของ “หม่ำ” จะเป็นใครไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ “ใหม่ เจริญปุระ” และนี่เป็นที่มาของการขึ้นจอในบทบาทที่ ผู้กำกับหม่ำ จ๊กม๊กกล้าการันตีว่านี่คือบทบาทที่ “ใหม่”สามารถทำได้และทำได้ดีไม่แพ้บทดราม่าที่แฟนๆ เคยสัมผัสนั่นคือการสวมบท “ตลกโรแมนติค” ครั้งแรกในรอบ15ปีที่รับรองว่าคุณจะหลงรัก ขำก๊าก น้ำตาอุ่นและอิ่มเอมไปกับความซาบซึ้งอย่างไม่รู้ตัว “ทำไมต้องเป็นใหม่ คือผมว่าใหม่เหมาะที่สุดที่จะเล่นเป็นเพื่อนในเรื่องนี้ ต้องบอกก่อนว่าตัวเองก็เป็นแฟนผลงานของใหม่ ไปนึกได้ตอนที่เมียไปร้องคาราโอเกะร้องเพลงใหม่อัลบั้มพุ่มพวง พอเห็นใหม่แล้วแบบมันโดนเลย ใช่เลย คือถ้าไม่ใช่ใหม่ก็คือไม่ใช่เลย แล้วโดนจริงๆ ในเรื่องใหม่เขาก็กล้าเล่นด้วย เล่นเป็นเพื่อนกันได้ ตบหัว ถีบกันได้หมด แล้วในเรื่องนี้มีหมดเลยทุกอารมณ์ ทั้งเมา เศร้า ซึม ตลก แต่เขาไม่รู้ตัวหรอก สนุกเฮฮา ร่าเริง ใหม่เล่นดีมากครับ ก็ตั้งแต่ฉากเมาเลย เมาแล้วเมารั่ว ไม่ใช่เมาเฉพาะเหล้านะ แต่คล้ายๆ กับว่าเขาเมาชีวิตมากกว่า เมาผู้ชาย ตัวใหม่เองเขาก็เป็นคนไม่ชอบทานพวกแอลกอฮอล์อยู่แล้ว แต่เขาต้องเล่นแบบเมาปลิ้น แล้วยิ่งเวลาที่เราให้เขาพูดไดอาล็อกที่มันแปลกๆ คือเป็นภาษาพูดกับเพื่อน เราก็ถามเขาว่าใหม่เคยมีเพื่อนไหม เพื่อนสนิทที่แบบ เฮ้ย มึงเป็นไงบ้างว่ะ เอาแบบนั้นเลยคนนั้นเลยนะ ใหม่เคยเตะเพื่อนไหม เอาแบบนั้นเลยนะใหม่ แล้วในเรื่องนี่ตบหนักด้วยนะ (หัวเราะ) เป็นซีน ที่อยู่ในผับที่เราเมา ตบเปี๊ยะๆ ก็แบบมึงไม่ต้องคิดมาก กูเจ็บมาเยอะตบซะจนแบบลืมตัว ส่วนอีกซีนหนึ่งคือ เอาขวดตีหัว คือพ่อเขาถามพวกมึงไปเอากันอีท่าไหน เราก็ตอบทุกๆ ท่าล่ะครับ แค่นั้นละใหม่ก็ตีหัวตึม มันใช่เวลาเล่นของมึงหรอไอ้หม่ำ คนจะขำเลย เสียงดังสนั่นเลย ขวดพลาสติกนะ ผมว่าเรื่องนี้ใหม่เล่นดีมากๆ โดยเฉพาะการถ่ายทอดความเป็นเพื่อน เพราะว่าต้องสนิทกันจริงๆ พอถ่ายวันแรกก็โอเคเลย หายห่วงหรืออย่างในฉากเลิฟซีน คือเราก็ขำ ต่างคนไม่มีเสื้อผ้า พอเรานึกอยากพูดอะไรเราก็พูด แต่ใหม่ก็จะติดยิ้ม ติดอะไรของเขาไป พอเราเล่น ก็จะขำ ซึ่งใหม่ก็อาจจะไม่เคยได้ยิน ใหม่ก็จะแหยงๆ หูก็ฮา คือปกติใหม่เขาจะเล่นหนังแต่แบบซีเรียส ดราม่าทั้งนั้น ขณะที่ตัวซุป’ตาร์ดิวาอย่างใหม่เองที่ห่างหายจากบทโรแมนติคคอมมิดี้ถึง 15 ปีเองยอมรับว่าเป็นอีกหนึ่งความท้าทายสำหรับนักแสดงเลยทีเดียวกับภาพยนตร์เรื่องล่าสุดที่มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนแถมรู้สึกติดใจการทำงานร่วมกับผู้กำกับถั่วงอกอย่างหม่ำ จ๊กม๊กไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว “ครั้งแรกที่เห็นบท ใหม่ให้แม่เจิมก่อน เพราะว่าตัวเองเล่นคอนเสิร์ตอยู่ แล้วแม่ก็ศึกษาบทให้ เขาชอบอ่านบทภาพยนตร์ แม่อ่านจบแล้วก็บอกว่าบทดีนะ ใหม่เองก็รู้ตัวเองแล้วว่า ต้องนั่งทำการบ้าน ต้องอ่านบท แล้วพอได้อ่านก็รู้สึกจริงๆ เลยว่าบทดี เราชอบบทนะ แล้วพอมาทำงานกับพี่หม่ำ มันเหมือนกับว่าตามความเข้าใจของใหม่การเล่นตลกบางทีมันต้องมีมุกสด ไม่รวมกับที่บทเรื่องนี้เปิดโอกาสให้เราได้เล่นอะไรที่มันหลากหลายอารมณ์ในเรื่องๆ เดียว ไม่ว่าจะเป็นบู๊ ซึ้ง แก่นแก้ว ขี้เมา ซึ่งที่ผ่านมาใหม่จะเจอบทโหดก็โหดเลย ซึ้งก็ซึ้งเลย แต่นี่มันหลากหลายอารมณ์มาก ทำให้เราได้มีโอกาสแสดงหลากหลายออกไป ที่สำคัญชิลล์ ชิลล์มากพี่หม่ำให้เราเล่นแบบเต็มที่เลย กำชับว่าใหม่ไม่ต้องพยายามไปเป็นเหมือนใครนะ ให้พูดให้แสดงแบบเป็นธรรมชาติของเราไปเลย ก็เลยรู้สึกว่าได้เปิดโลกทัศน์อีกแบบหนึ่ง ก่อนไปเล่น ยอมรับว่าเกร็ง เพราะว่าโรแมนติกก็โรแมนติกได้ แต่โรแมนติกคอมมิดี้ คือมันรวมตลกเข้าไปด้วย แล้วได้ร่วมงานกับพี่หม่ำที่ถือว่าเป็น KING OF COMDY ด้วย ตายละ ถ้าเราเล่นแล้วไม่ตลกจะเป็นยังไง ก็เลยบอกตัวเองว่าอย่าไปซีเรียสหรือเกร็งกับมัน ปล่อยให้มันลื่นๆไหลๆ เรามาตรงนี้ วันนี้ คือเราต้องพร้อม รับอะไรได้หมด ส่วนตัวเป็นคนที่ขี้เล่นอยู่แล้ว พอพี่เขาขี้เล่นมา มันก็ได้ตอบรับกัน ก็อยากให้คนดูได้เห็นเราอีกมุมหนึ่ง เพราะจริงๆ เราก็ไม่ได้เป็นแนวโหด หรือว่าดราม่าจัดขนาดนั้น อย่างเพื่อนที่รู้จักใหม่ก็จะพูดเสมอว่า จริงๆ ใหม่ตลกนะ ทะลึ่งเนอะ เฮฮา พอมาครั้งนี้ก็เลยคิดว่าเป็นทีของเราแล้วที่มีโอกาสได้เล่นอะไรบ้าๆ บอๆ บ้าง ไม่ต้องซีเรียสมาก เพราะโลกใบนี้ก็ซีเรียสจะแย่อยู่แล้ว ไปทำอะไรที่มันคึกคัก และทำให้คนดูได้หัวเราะด้วยดีกว่า และที่สำคัญสำหรับใหม่รู้สึกว่ามันใหม่ด้วย เพราะเรื่องนี้ต้องเล่นเป็นทั้งคนท้องด้วย แล้วเราก็ยังไม่เคยท้อง ก็เลยต้องกลับไปทำการบ้าน หรือต้องมีซีนคลอดลูก เราก็ไม่เคยเล่นแบบคลอดจริงจัง ต้องเข้าไปห้องผ่าตัด ห้องคลอด ก็เลยต้องไปหาหนังเกี่ยวกับคลอดลูกมาดู หรือถามไถ่คุณแม่ หรือพี่สาวว่าอาการท้อง อาการคลอดลูกฟีลเป็นยังไง สีหน้าอาการขนาดไหน การหายใจ วิธีการ หรือตอนเด็กจะคลอดก็หนักหนาเอาการอยู่เหมือนกันนะ คือมันก็ไม่ต้องห่วงสวยอะไรกันแล้ว เต็มที่ละ ลูกจะออกแล้ว ประมาณนี้ ทีนี้ถ้าเป็นหนังดราม่าชีวิต ก็จะหนักหนาแค่ตรงนี้ แต่พอเป็นหนังพี่หม่ำ เป็นคอมมิดี้โรแมนติค มันก็จะเป็นอะไรที่แตกต่างในสไตล์พี่หม่ำ ซึ่งจริงๆ แล้ว ตลอดการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องใหม่กะหม่ำ เราก็ขำกันมาแล้วเกือบทุกซีน แล้วยิ่งมาเจอพี่หม่ำเข้าคู่กับพี่ค่อมในซีนคลอดลูกจะขำมาก แล้วเราจะหลุดอาการของเราไม่ได้ เพราะคนจะคลอด มันจะต้องแบบเลือดลม อาการการหายใจต้องใช้กำลังเต็มที่ แต่โคตรขำเลย!! ต้องเก็บอาการ ก็จี้ดี มันดีค่ะ อยากให้ไปดูกัน นี่แค่นึกก็ยังขำอยู่เลย ทำไปได้ คิดได้ไง หรือบางทีมี 3-4 เหตุการณ์เกิดขึ้นในฉากเดียว ก็งง อึ้งทึ่งว่าเอ๊ะ ทำได้ยังไง ไม่ว่าจะมีฉากหน้าสิ่วหน้าขวาน ตัวละครกำลังโหดหรือบู๊ใส่กัน แต่พี่หม่ำสอดแทรกเรื่องขำเข้าไปตลอด แล้วก็อีกหลายๆซีนเลย ก็มานั่งมองว่าพี่หม่ำสามารถจับมารวมกันได้ ก็แปลกดี หรือแม้แต่ฉากซึ้งๆ อุ่นๆ ที่ส่วนใหญ่เขาจะมีแต่พระเอกขอแต่งงาน แต่นี่ให้ฝ่ายผู้หญิงเป็นคนขอแต่งงานก็แปลกดี และมีอีกหลายๆ ซีน ซีนบนเตียงที่ดูแล้วตัวเองก็ขำมาก เป็นเหมือนกับเมากันและก็ตื่นขึ้นมา แล้วก็แบบว่า นี่เธอมาทำมิดีมิร้ายฉันหรอ หม่ำก็นี่เอ็งมาทำอะไรข้า แต่ซึ่งจริงๆ แล้วใครเป็นฝ่ายทำอะไรต้องไปดูในหนัง แต่ที่ใหม่คิดว่าเล่นยากที่สุดคือบทเมา ต้องยอมรับเลยว่าคนอาจจะมองว่าใหม่เป็นสาวเปรี้ยวสาวร็อค แต่จริงๆ แล้วใหม่ไม่ค่อยดื่ม แล้วบทเมาก็ไม่ค่อยได้เล่น พอต้องเล่นบทเมายอมรับเลยว่ากลัวไม่เนียน ถ้าเคยเมาหรือเคยเล่นกับเพื่อน ใหม่จะกลายเป็นตลกโป๊งชึ่งไปเลย บุคลิกของใหม่จะกลายเป็นดาวตลกไปเลย ทำเป็นเล่นสนุกสนานเฮฮาร่าเริง แต่อันนี้มันกึ่งเล่นแต่มันมีเนื้อหาว่าช้ำรัก เลยรู้สึกว่าไม่เคยเป็นแนวช้ำรักละ มาเมาก็เกรงกลัวว่าจะไม่เนียน แต่พี่หม่ำเล่นเหมือนมาก เนียนมาก เหมือนไม่ได้เล่น เป็นตัวเองมาก ก็เลยรู้สึกว่า อันนี้ก็เป็นบทหนึ่งที่เราค่อนข้างเกร็ง หรือมีอยู่ซีนหนึ่งที่เมามายร้องรำทำเพลงกันมา เขาก็เมามาด้วยเพราะเขาอกหัก เพราะตอนนี้เราโอเคแล้ว เขาดามอกให้เราเรียบร้อย กลายเป็นเขาอกหักเอง แต่เราก็ขาดริ้งค์อยู่แล้ว ชวนดริ้งค์เราก็ดริ้งค์ พอไปๆ มาๆ ตอนซ้อม ก็ซ้อมกันมาอย่างดี แต่พอเอาเข้าจริงๆ มันผิดที่ผิดทาง มุกมันสดมาก กลายเป็นพี่หม่ำลื่น นึกภาพว่าหัวแกต้องแตกหรือไม่ก็หลังเดาะแน่ แต่ก็เล่นกันมาถึงจบ และเป็นซีนที่มันยาวมาก เราเองยังคิดว่าเขาจะไหวไหม เพราะล้มลงไปดังตึ้ง แรงมาก แต่แกก็มีสปิริต ถ่ายจนจบซีนนั้น และก็ไม่มีเทค พี่หม่ำก็ขอกลับบ้านเลย เพราะหลังเดาะแล้ว (หัวเราะ)” ก่อนที่เราจะปิดท้ายด้วยบางส่วนเสี้ยวของความรู้สึกของซูเปอร์สตาร์ดิวาสาว ใหม่ เจริญปุระ พูดถึงการทำงานร่วมกับตลกตัวพ่อผู้กำกับร้อยล้านอย่างหม่ำ จ๊กม๊ก “ใหม่ไม่เคยมองเลยว่าเป็นนางเอก เราเป็นนักแสดงคนหนึ่งแล้วมีโอกาสได้มาเล่นกับพี่หม่ำ อย่างพี่หม่ำถ้าให้ใหม่มอง เรามองเขาแบบเฉินหลงด้วยซ้ำไป เพราะเขามีความสามารถนอกเหนือไปจากการเล่นตลก ใหม่เชื่อว่าเขามีตัวตนของเขาที่มากกว่านั้นเขาเป็นพิธีกรก็ได้ เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ก็ได้ อันนี้คือใหม่รู้สึกจริงๆ แล้วใหม่กลับมองว่าเป็นความสามารถเฉพาะตัวของเขาด้วยซ้ำไป ใหม่ว่าคนๆหนึ่งจะทำได้หลายรูปแบบมันก็มีเยอะ แต่ใหม่ก็เชี่อว่าไม่ใช่ทุกคนจะเป็นคนพิเศษได้ แต่พี่หม่ำเขาก็เป็นคนพิเศษคนหนึ่งจริงๆ” การโคจรมาพบกันของเหล่า ซุป’ตาร์อย่าง “หม่ำ- ใหม่- โหน่ง และ เท่ง” พร้อม การพลิกบทบาท (108ตลบ) จากหน้ามือเป็นหลังมือ ในบท “เพื่อน”, “เมีย” และ มือที่4 ด้วยความที่ “หม่ำ จ๊กม๊ก” เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ที่เติบโตมาในสายนักแสดง จึงให้ความสำคัญกับการกำกับการแสดงมากเป็นพิเศษ ถึงขนาดที่ว่าในทุกบทบาทในทุกตัวละครของภาพยนตร์ทุกเรื่องที่ทำมา ผู้กำกับหม่ำจะเป็นต้นแบบทางการแสดงให้กับนักแสดงในแต่ละคาแรคเตอร์ดูเป็นตัวอย่างก่อนด้วยตัวเองทุกครั้งไม่ว่าบทนั้นจะเป็นผู้หญิง ผู้ชาย กะเทย เด็ก ฯลฯ ส่งผลให้ “หม่ำ จ๊กม๊ก” กลายเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ที่ไม่ได้จำกัดตัวเองยึดติดอยู่กับภาพลักษณ์เพียงบทหนึ่งบทใดในการกำกับการแสดง จึงไม่น่าแปลกใจที่ภาพยนตร์ทุกเรื่องของหม่ำล้วนได้รับการกล่าวถึงตั้งแต่ในส่วนของการวางตัวนักแสดงไปจนถึงการดึงเอาศักยภาพทางการแสดงที่มีอยู่ในตัวนักแสดงแต่ละคนมาถ่ายทอดสวมลงในแต่ละบทบาทได้อย่างถึงพริกถึงขิง กลับกันตัวหม่ำเองยังให้ความสนใจกับภาพยนตร์ทุกประเภท ดังจะเห็นได้จากภาพยนตร์ทุกเรื่องถึงแม้จะมีรากฐานในความเป็นภาพยนตร์ตลก แต่ก็คละเคล้าไปในหลากหลายแนวทางมากกว่าที่จะยึดติดอยู่กับภาพยนตร์เพียงแนวทางเดียวซึ่งจะมีตั้งแต่ภาพยนตร์ตลก,แอ็คชั่นไปจนถึงภาพยนตร์โรแมนติค ฯลฯ และใน “ใหม่กะหม่ำโดนกะโดน” เช่นกันที่แฟนๆ จะได้สัมผัสไออุ่นของอารมณ์ดราม่าซึ้งปนขำที่คลุกเคล้าไปตั้งแต่ต้นจนจบเรื่องชนิดที่ว่าดูไปอมยิ้มไป และคงพูดได้ว่าน่าจะเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่เหล่านักแสดงซุป’ตาร์ระดับแถวหน้าของเมืองไทยอย่าง หม่ำ-ใหม่-โหน่งและเท่งโคจรมาพบกันในบทบาทที่ฉีกแหวกจากบทจากทุกทุกคาแรคเตอร์ที่เราเคยผ่านตามาโดยสิ้นเชิง ซึ่งแน่นอนว่าถ้าไม่ใช่ผู้กำกับที่ชื่อว่าหม่ำ จ๊กม๊ก โปรเจ็คต์นี้ที่4นักแสดงจะมาพบกันก็คงจะไม่เกิดขึ้น “สำหรับบทกะเพรา ผมว่าถ้าจะเอาผู้หญิงจริงๆ มาเล่น ก็จะไม่เห็นถึงความแตกต่าง ก็เลยทาบทามโหน่งว่ามาเล่นเป็นเมียไหม โหน่งก็งง ว่าเป็นเมียยังไง ก็คือแต่งผู้หญิงเลย โหน่งก็ว่าเออแปลกดีคือเรื่องนี้ต้องบอกโหน่งก่อน ว่าโหน่งต้องเป็นผู้หญิงจริงๆ นะ ไม่ใช่กะเทยนะ ต้องเล่นให้เชื่อให้ได้ว่าเป็นผู้หญิง จะเล่นแบบชิงร้อยไม่เอานะ เล่นสวยนะ เอาแบบสวยๆ เลย พี่ก็เล่นเป็นผัวจริงๆ ด้วยก็บอกให้เขาเข้าใจโหน่งก็โอเค มีร้องไห้ เศร้า สุข ดีใจ เสียใจ มีหลายอย่าง ซึ่งตัวละครกะเพราตัวนี้มันจะต้องใช้อารมณ์มากๆ ในเรื่องความเป็นห่วงเป็นใยผัว ห่วงครอบครัวมันเป็นเรื่องใหญ่นะ โหน่งก็บอกได้พี่ๆ ทำได้ ก็ลองถ่าย ซึ่งโหน่งเขาก็โอเคนะ เป็นเหมือนเมียจริงๆ เลย แล้วเราก็รู้สึกนะตอนที่นั่งตัดหนัง ช่วงที่กะเพรานั่งรอผัว ผัวไม่กลับบ้าน และคิดว่าผัวเข้าใจเราผิดเรื่องอะไร ซีนนี้โหน่งเล่นดีมากเลย สงสารโหน่งเลย หัวอกผู้หญิงที่รอผัวซึ่งไม่รู้ด้วยว่าผัวเป็นอะไรไม่ยอมกลับบ้าน พูดได้ว่าโหน่งเล่นดีมากเรื่องนี้ แล้วไม่แค่นั้นต้องบอกว่าอุปสรรคสำคัญในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องใหม่กะหม่ำคือการที่ต้องถ่ายทำในช่วงหน้าร้อน เดือนมีนา เมษา แล้วโหน่งเขาต้องแต่งหน้าเยอะ พอเหงื่อออกขอบตามันก็ไหล ช้าตรงที่แต่งตัวนี่แหละที่ต้องทำให้โหน่งสวยด้วย พอเหงื่อไหลมันเลอะก็ต้องไปแต่งใหม่อีกเป็นชั่วโมง เรื่องเล็บเรื่องอะไรอีก ที่ต้องทำให้มันดูเหมือนผู้หญิง ต้องทำให้ได้ว่าเขาไม่ใช่กะเทยนะ ต้องให้รักเหมือนผู้หญิง สงสาร มันจะลำบากอีตรงนี้แหละ แล้วต้องบอกว่าเรื่องนี้จะเปลี่ยนคาแรคเตอร์จากเรื่องอื่นๆ ที่โหน่งเคยเล่นมา มันคนละอย่างกันเลย ต้องบอกว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังอุ่นๆ ในแบบฉบับของผมนะความฮามันมีอยู่แล้วแหละ แล้วหนังเรื่องนี้เป็นหนังอารมณ์ด้วย ถ้าฮาก็คือฮาด้วยอารมณ์ของหนังของเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวละคร” ฟังความรู้สึกของผู้กำกับพี่ใหญ่แห่งแก๊งสามช่าแล้ว ลองมาฟังความรู้สึกของน้องเล็กอย่างโหน่งชะชะช่าดูบ้างกับบทที่ว่ากันว่าโดดเด้งและส่งสุดๆกับคาแรคเตอร์กะเพราะเมียหม่ำที่งานนี้หนักหนาทั้งการแสดงและการแปลงโฉมในการแต่งเป็นหญิง “จริงๆ แล้วบทที่เล่นในหนังเรื่องนี้โดดเด่นมาก หมายความว่าโดดเด่นกว่าเรื่องอื่นๆ ที่ผ่านมา เอาตั้งแต่ในเรื่องของเสื้อผ้าหน้าผมการแต่งตัว จะแต่งตัวเยอะ ชอบสีสัน แล้วในเรื่องคือจะเล่นเป็นผู้หญิงจริงๆเลยไม่ใช่กะเทย หรือตุ๊ด และก็มีครอบครัวเหมือนคนอื่นทั่วไป เพียงแค่ไม่มีลูก จำได้ว่าพี่หม่ำมาบอกโหน่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ตอนอัดชิงร้อย มาเล่าให้ฟังว่าคาแรคเตอร์ของโหน่งเป็นแบบนี้นะคือ 3 คน โหน่ง พี่หม่ำ และพี่ใหม่ คาแรคเตอร์จะแตกต่างกันไป ต้องแต่งเป็นผู้หญิง เล่นเป็นผู้หญิงเลย อารมณ์ก็มีทั้งขำ เศร้า สนุก มีอยู่ในตัวของผู้หญิงคนนี้ทั้งหมดเลย บางคนมองว่าแบบนี้ก็เคยเห็นแล้วในชิงร้อย แต่จริงๆ แล้ว เวลาแต่งในชิงร้อยจะอีกอารมณ์หนึ่ง จะเน้นสนุกสนานเฮฮา แต่นี่คือแต่งเป็นผู้หญิงจริงๆ เนียนเลย แล้วได้เมคอัพช่างแต่งหน้าช่างผมมือ1ที่มาตั้งใจแต่งให้สวยเลย ทีแรกจริงๆพี่หม่ำจะให้มีเลิฟซีนด้วยนะ (หัวเราะ) แต่โหน่งว่าน่าจะเป็นแบบน่ารักๆ ดีกว่านะพี่หม่ำ เป็นอารมณ์อย่างพี่หม่ำเอาอกเอาใจเมียมากกว่า คือเราจะคุยกันตลอดตั้งแต่ตอนอัดชิงร้อยแล้วเกี่ยวกับคาแรคเตอร์ตัวละคร เรื่องราวของหนัง เรื่องนี้โหน่งต้องมาเช้ามากเพื่อมาแต่งตัว ทาเล็บ ทำผม ทุกอย่างถ้านัดคนอื่น 9 โมง โหน่งก็ต้องมา ตี 5 หรือ 6 โมง มาก่อนเพื่อเตรียมตัวก่อนถ่าย และพี่หม่ำก็จะบอกตลอดว่าอย่างพรุ่งนี้โหน่งต้องถ่ายฉากไหนบ้าง เพื่อที่จะทำให้เราได้คิด เหมือนฉากที่เราต้องมีปากมีเสียงกัน น้อยใจผัว พี่หม่ำก็คุยกับเราว่า ควรจะเป็นยังไง คำพูดควรใช้แบบไหนที่จะเหมาะแบบผัวเมียคุยกัน ในเรื่องนี้โหน่งก็เจอแบบเน้นๆ หลายฉากหลายซีนเลย ซึ่งก็ยากมากเช่นฉากโดดตึกคือในฉากนั้นจะมีหลากหลายอารมณ์จะเศร้า เสียใจ ร้องไห้ หัวเราะทุกอย่างมันรวมในฉากเดียว แต่คนดูฉากนี้จะขำ เพราะพี่หม่ำซ่อนอารมณ์ขันในฉากนี้ไว้ ซึ่งตอนเราเล่นตัวเราห้ามขำ ซึ่งไอ้เรื่องแบบนี้ก็มีแต่คุณพี่หม่ำนี่แหละคิดได้ (หัวเราะ) จะอารมณ์นี้ตลอดทั้งเรื่องคือจะมีเรื่องความฮาแทรกทุกเหตุการณ์ ถามว่าจริงๆแล้วหนังเรื่องนี้เป็นหนังคอมิดี้ โรแมนติกนะ แต่มีสอดแทรกไว้ตลอด เวลาพอดราม่าปั๊บ โรแมนติกปุ๊บ ก็ตามมาเลยจะสลับกันคือหาเรื่องให้คนดูยิ้มขำอีกละ ดูแล้วไม่เบื่อเพราะจะมีหลากหลายอารมณ์ ลำดับการเดินเรื่องดีมาก ส่วนตัวรู้สึกชอบ เดินเรื่องแบบสวย” ไม่เพียงเท่านั้นเรื่องนี้ยังได้ เท่ง เถิดเทิง มาร่วมสร้างสีสันในฐานะของมือที่4 หนังทั่วไปเขาจะมีแค่มือที่3 แต่สำหรับหนังของผู้กำกับหม่ำ จ๊กม๊กไม่เคยทำอะไรที่มันธรรมดาอยู่แล้ว “เท่งที่มาในเรื่องนี้ก็ไม่เหมือนกับทุกๆ เรื่อง ซึ่งต้องไปคอยดูในหนังว่าเขาเป็นอะไร อยากให้คอยจับตาดูเวลาที่เท่งกับโหน่งเข้าซีนด้วยกัน มันจะเล่นหลุดกันสองคนของมัน (หัวเราะ) อยากเล่นอะไรก็เล่น ทีแรกก็ต้องปล่อยให้เขาเล่นไปก่อน แล้วค่อยไปว่ากัน มันก็เล่นของมันไปเรื่อย (หัวเราะ) ไม่ห่วงคนตัดต่อ หรือใครหรอก เหมือนว่ามันอยู่ของมันสองคน แต่พอมาตัดเป็นภาพรวมแล้วก็โอเค อุ่นๆ ในเรื่องความมีมนุษยสัมพันธ์ ที่เป็นตัวตนของเท่ง ก็ต้องไปชมกัน” ฟังผู้กำกับแล้วลองมาฟังความรู้สึกของมือที่ 4 ตัวละครสำคัญที่ถูกส่งมาทดสอบความรักความผูกผันของเพื่อนกับเมีย กับหม่ำ ใหม่ และกะเพรากันดู “ทุกครั้งที่เราถ่ายหนังด้วยกัน อารมณ์สดเกิดขึ้นแน่นอน ผู้ช่วยไม่ต้องมาช่วยอะไรเลย บางทีก็เล่นกันยาวมาก และก็สั่งคัทกันเอง แต่ในเรื่องนี้จะเป็นการเจอกันแบบจังๆ เลย ไม่ใช่เจอกันแค่แว๊บๆ ต่างคนต่างมีคาแรคเตอร์ ต่างคนต่างเชือดเฉือนกัน การอ่านบทก็เป็นการอ่านแค่ไกด์ไลน์เฉยๆ แค่ว่าเราจะต้องไปไหนกันบ้าง ส่วนไดอาล็อกคืออารมณ์สดหมดเลย แต่คือเราสั่งทุกคนว่าห้ามขำกัน เวลาถ่ายก็มีแอบขำกัน เราก็ขำด้วยนะ ขำอยู่ในเรื่อง ด้วยอารมณ์สดของโหน่ง ของพี่หม่ำ สนุก รู้สึกบางทีอยากจะเข้าฉากให้มันยาวๆ พอคัทแล้วเราก็ยังคุยกับพี่หม่ำว่าฉากนี้สนุกมั้ย พี่หม่ำก็ว่าเออฉากนี้ไม่อยากตัดออกเลย สนุกนะ อารมณ์สดมันเกิดขึ้น ทีแรกที่พี่หม่ำบอกจะให้เล่นบทเป็นโกสน พอเราฟังชื่อตอนแรก เราคิดว่าจะให้ไปขายก๋วยจั๋บ หรือ เกาเหลาอะไรหรือเปล่า พออ่านบทแล้วไม่ใช่ เป็นบทที่ผมไม่เคยได้เล่นมาก่อนในชีวิต และแน่นอนว่าคนดูไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อน สังเกตจากชุดก็เรียบร้อยมาก รองเท้า ดูเนี๊ยบเลย ติดกระดุมคอ ทุกฉากต้องแต่งตัวเนี๊ยบมาก อารมณ์ก็ต้องสุขุม นุ่มมาก แน่นอนเลยว่า พออ่านบทเสร็จแล้ว อยากเล่นรู้สึกว่าสนุก ก็ดีใจที่พี่หม่ำชวน เพราะบทของโกสนถ้าเอาคนอื่นมาเล่น ผมว่าก็น่าเสียดาย คือ ความกลมกล่อมกับความสนุกมันหายไป จะไม่ได้อารมณ์นี้เลย อาจจะเครียดไปเลยนะ และอารมณ์กุ๊กกิ๊กมันจะไม่มี พอเป็นผมกับโหน่งมันเหมือนกับลงตัว และพอเรามาถ่ายจริงๆ ก็แบบว่าใช่ สนุก ก็ยังคิดว่าเออ พี่หม่ำเข้าใจคิดเรื่องดี เข้ากับยุคปัจจุบัน แล้วภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นเรื่องในสังคมเมือง การหยิบเอาเรื่องใกล้ๆ ตัวของใครหลายคนมาให้คนดูได้สัมผัสกัน โดยแฝงความสนุกเอาไว้ และแฝงชีวิตจริง จะมีอารมณ์สนุกซึ้งๆ แค่เห็นพี่หม่ำตีหน้าเศร้าก็ขำแล้ว แต่ทุกคนจะเศร้านะ เศร้าตามเขา ด้วยอารมณ์สีหน้าที่เป็นพี่หม่ำ (หัวเราะ) หนังเรื่องนี้คนดูจะน้ำตาซึมพร้อมกับอมยิ้ม” แน่นอนว่า หม่ำ จ๊กม๊ก ลุกขึ้นมาสร้างความแปลกใหม่กับหนังรักที่มาพร้อมไอเดียอุ่นๆ ขำปนซึ้งทั้งทีจะมีแค่4ซุปตาร์ระดับแถวหน้าของเมืองไทยที่มาร่วมสร้างรอยยิ้มให้กับผู้ชมเท่านั้นหรืออย่างไร? ในภาพยนตร์เรื่องใหม่กะหม่ำโดนกะโดนยังมีเหล่านักแสดงระดับมือ1 ของเมืองไทยทั้งรุ่นใหญ่และรุ่นเล็กมาร่วมสร้างความสนุกสนานกันอีกเพียบไม่ว่าจะเป็น “ชลิต เฟื่องอารมย์”, “ค่อม ชวนชื่น”, “พ่อดม ชวนชื่น”, “แม่แดง ฉันทนา”, “แอนนา ชวนชื่น”, “โจอี้” และขอแนะนำน้องบิวตี้จากโฆษณากาแฟเนเจอร์กิ๊ฟที่มาร่วมเรียกเสียงฮาด้วย ฯลฯ “ในเรื่องก็จะมีพี่ชลิต จะเป็นบอสของคุณใหม่ ซึ่งทำงานเกี่ยวกับพวกโฆษณา จะฮาตรงพี่ตุ่ม และจะมีดางรุ่งอีกคนนะ ชื่อ บิวตี้ (โฆษณากาแฟเนเจอร์กีฟ) ก็จะฮา เป็นเลขาของพี่ตุ่ม (ชลิต เฟื่องอารมย์) ซึ่งพี่ตุ่มก็ไม่ต้องบอกอะไรแกมาก แกก็เนียนของแกอยู่แล้ว ก็สบายๆ แล้วก็คุณปั๋งประกาศิต โบสุวรรณซึ่งเรื่องนี้ก็จะเอาตัวจริงของคุณปั๋งมาเลยล่ะ มาเป็นตากล้อง ซึ่งก็เข้าทางเขา เป็นทางเขาอยู่แล้ว ปั๋ง ประกาศิต แล้วทั้งสามคนในพาร์ทของฝั่งออฟฟิศใหม่พี่ตุ่ม ปั๋ง และบิวตี้ จะเป็นอะไรที่เข้าขากันดี และเข้ากับใหม่ด้วยอีกคนหนึ่ง คือเหมือนจูนกันมาแบบชัดเจนมากเลย ส่วนพ่อแม่ของใหม่รับบทโดยแม่แดงและพ่อดม (อุดม ชวนชื่น) แม่แดง (ฉันทนา กิติยพันธ์) ก็เคยร่วมงานในวงษ์คำเหลามาแล้ว แกก็เข้าใจงาน เวลาแกเล่นก็จะยิ้มไปด้วยตลกไปด้วย แต่แกก็เล่นได้โอเคเลย ซึ่งก็ต้องเข้าฉากปะทะกับหม่ำด้วย น่ารักครับ” 26 มิถุนายนนี้ แล้วเปิดหัวใจพองโตของคุณ รับความฮาที่แสนอุบอุ่นพร้อมกันทุกโรงภาพยนตร์ ประวัตินักแสดงและผู้กำกับภาพยนตร์ “หม่ำ จ๊กม๊ก” หรือ “เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา” เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา หรือหม่ำ จ๊กม๊ก ตลกศิลปิน นักแสดง พิธีกร นักร้อง ฯลฯ มากความสามารถที่ไม่ว่าจะหยิบจับสิ่งใดล้วนแล้วแต่เป็นที่ยอมรับและประสบความสำเร็จอย่างสูงสุด กล่าวได้ว่าตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีในแวดวงบันเทิง งานที่ทำให้ชีวิตและชื่อเสียงของ “หม่ำ จ๊กม๊ก” เป็นที่รู้จักและประสบความสำเร็จสูงสุดคือ อาชีพนักแสดงตลก จนเป็นบันไดขั้นต้นที่ต่อยอดความสำเร็จให้ “หม่ำ” ได้แจ้งเกิดในทุกสายงานบันเทิง โดยเฉพาะวงการโทรทัศน์ได้รับการผลักดันจากเจ้าพ่อเกมโชว์อย่าง ปัญญา นิรันดร์กุล แห่งบ.เวิร์คพอยท์ฯ ทำให้ชื่อเสียงของ หม่ำเท่งโหน่ง เป็นที่รู้จักในฐานะแก๊งค์สามช่า และทุกรายการทางโทรทัศน์ที่ประสบความสำเร็จทั้งวาไรตี้เกมโชว์และซิทคอมล้วนมีชื่อของ หม่ำ เข้าไปมีส่วนด้วยแทบทั้งสิ้นอาทิ เวทีทอง, ชิงร้อยชิงร้าน, ระเบิดเทิดเถิง, ชัยบดินทร์โชว์, หม่ำโชว์, มหานคร, บิ๊กหม่ำ ฯลฯ แต่ต้องยอมรับว่าในช่วงระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมาชื่อของ “หม่ำ จ๊กม๊ก” ประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดและเป็นที่รู้จักในฐานะนักแสดงภาพยนตร์หลังจาก “มือปืน โลก พระ จัน” ของ “ต้อม ยุทธเลิศ” ทำรายได้ไปกว่าร้อยล้านบาท พูดได้ว่า “หม่ำ จ๊กม๊ก” ได้รับการผลักดันอย่างเต็มที่จาก เสี่ยเจียง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ ประธานกรรมการบริษัทสหมงคลฟิล์มอินเตอร์เนชั่นแนล ทั้งในส่วนของงานแสดงที่ล้วนแล้วประสบความสำเร็จทุกเรื่อง อาทิ “องค์บาก”, “ต้มยำกุ้ง”, “วาไรตี้ผีฉลุย”, “เฉิ่ม”, “โหน่งเท่งนักเลงภูเขาทอง”, “เท่งโหน่งคนมาหาเฮีย”, “คู่แรด”, “ฮะเก๋า”, “ว้อ”, หลวงพี่กับผีขนุน, “องค์บาก 2-3”, สาระแนห้าวเป้ง, ครูบ้านนอก, ปัญญาเรณู, สาระแนเห็นผี แต่เมื่อย้อนกลับไปในอดีตหม่ำมีงานแสดงและคร่ำหวอดอยู่ในวงการภาพยนตร์มานานนับทศวรรษ มีผลงานหลากหลายตั้งแต่หนังแนวแอ็คชั่นไปจนถึงหนังตลก จากผลงานอย่าง 2 โทน, กวนโอ้ย, บ้านผีปอบ ฯลฯ และด้วยความสามารถอันหลากหลายและเป็นที่ชื่นชอบของแฟนๆ นี่เอง ทำให้ “หม่ำ จ๊กม๊ก” เป็นนักแสดงที่มีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอจนถึงปัจจุบัน นับตั้งแต่วันแรกที่ “บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม” ผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกจากไอเดียความคิด และการกำกับภาพยนตร์โดย “เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา” หรือ “หม่ำ จ๊กม๊ก” ปรากฎสู่สายตาของประชาชนเมื่อ 21 มกราคม พ.ศ. 2547 ไม่มีใครคาดคิดว่านับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาจะส่งผลให้บทบาทและภาพลักษณ์ของนักแสดงตลกซูเปอร์สตาร์อันดับ 1 ของเมืองไทยจะเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล ตลอดระยะเวลากว่า 7 ปีกับผลงานการกำกับภาพยนตร์ 8 เรื่อง อาทิ บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม, แหยมยโสธร, บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม 2, หม่ำ เดียวหัวเหลี่ยมหัวแหลม (โดยร่วมกำกับกับพาณิชย์ สดสี), วงษ์คำเหลา, แหยมยโสธร 2, โป๊ะแตก, จั๊กกะแหล๋น และมี “ว้อหมาบ้ามหาสนุก” ที่รับหน้าที่โปรดิวเซอร์อย่างเต็มตัว สะท้อนให้เห็นถึงความเอาจริงกับเส้นทางการเป็นผู้กำกับภาพยนตร์รวมไปถึงความสามารถรอบด้านในการบ่มเพาะผสมผสานสารพัดไอเดียที่สามารถหยิบจับนำมาถ่ายทอดเป็นพล็อตเรื่องตลอดจนบทภาพยนตร์จากประสบการณ์ที่หล่อหลอมขึ้นมาในฐานะนักดูหนังตัวยงและการเป็นผู้กำกับที่เติบโตมาทางสายนักแสดงที่มีความโดดเด่นและให้ความสำ คัญกับการแสดงเป็นหลักซึ่งแตกต่างจากผู้กำกับรายอื่นๆในปัจจุบันที่เติบโตมาทางสายการกำกับภาพยนตร์มากกว่าจึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจที่ภาพยนตร์ทุกเรื่องจากการกำกับของ “หม่ำ จ๊กม๊ก” มักได้รับการกล่าวถึงในแง่การวางตัวนักแสดงรวมทั้งผลงานการแสดงและการกำกับภาพยนตร์เรื่องล่าสุด อย่าง ใหม่กะหม่ำโดนกะโดน ประวัตินักแสดง ใหม่ เจริญปุระ ซุป’ตาร์ดิวาแห่งยุคที่ประสบความสำเร็จในฐานะ “นักร้อง & เอนเตอร์เทนเนอร์” บนเวทีมาตลอด 2 ทศวรรษนับตั้งแต่ผลงานเพลงอัลบั้มแรกในปี พ.ศ. 2532 แต่ย้อนกลับไปในวัยเพียง 15 ปี ชื่อของ “ใหม่ สิริวิมล” แจ้งเกิดเริ่มแรกในวงการบันเทิงจากงานแสดงภาพยนตร์รักโรแมนติคเรื่อง “ขอแค่คิดถึง” ในปี 2527 ประสบความสำเร็จเป็นที่ชื่นชอบของแฟนๆ จนมีผลงานภาพยนตร์เข้าฉายอย่างต่อเนื่องถึง 7 เรื่องในปี 2528 (ดั่งเม็ดทราย, รักนี้เราจอง, ผัวเชลย, ไอ้หนูภูธร, ฝันที่เป็นจริง ,เปิดโลกมหาสนุก, พยาบาลที่รัก) ตามด้วย 4 เรื่องในปี 2529 (ร้อยป่า, วันแห่งความรัก, ดวงยิหวา, วัยร็อกเพลงร้อน) จวบจนถึงปัจจุบันพูดได้ว่า “ใหม่ สิริวิมล” หรือ “ใหม่ เจิญปุระ” เป็นที่รู้จักและพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า “งานแสดง” ไม่เพียงเป็นงานแรกที่เธอทำได้ แต่ยังทำได้ดีและประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดต่อเนื่องมาตลอดระยะเวลา 27 ปีในวงการบันเทิง ใหม่มีผลงานการแสดงมานับไม่ถ้วนทั้งภาพยนตร์, ละคร, ละครเวทีโดยเฉพาะอย่างยิ่งเธอคือซูเปอร์สตาร์ตัวจริงที่มีพื้นฐานการแสดงชนิดแข็งปั๋งโดยเฉพาะในบทดราม่าเข้มข้นเพราะมีปรมาจารย์ทางด้านการแสดงระดับครูอย่าง “หม่อมน้อย-มล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล” เป็นติวเตอร์ชั้นดี มีรางวัลทางด้านการแสดงการันตีมากมาย ดังจะเห็นได้จากผลงานการแสดงที่โดดเด่นในช่วง 15 ปีหลังนับตั้งแต่ปี 2530 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน ล้วนเป็นผลงานที่สะท้อนถึงศักยภาพทางด้านการแสดงในบทดราม่าเข้มข้นแทบทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นผลงานภาพยนตร์อย่าง นางนวล, เรือมนุษย์, สุริโยไท, เมมโมรี่ รักหลอน, เชือดก่อนชิม และตายโหง หรือแม้แต่ผลงานละครโทรทัศน์อย่าง อีพริ้งคนเริงเมือง, ผู้หญิงแถวหน้า, วังน้ำวน, แผ่นดินของเรา, คนเริงเมือง, ปมรักนวลฉวี และสำหรับ พ.ศ.2554 “ใหม่ เจริญปุระ” กลับมาพร้อมการแสดงในบทบาทโรแมนติคคอมมิดี้ที่จี๊ดโดนใจในแบบที่แฟนๆ ไม่เคยสัมผัสมาก่อนแน่นอนใน “ใหม่กะหม่ำโดนกะโดน” ประวัตินักแสดง ชูศักดิ์ เอี่ยมสุข หรือ “โหน่ง ชะชะช่า” ก่อนที่จะประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ โหน่งเริ่มต้นสู้ชีวิตด้วยลำแข็งตัวเองมาตั้งแต่อายุเพียง 11-12 ปี ทำมาแล้วแทบทุกอาชีพ ตั้งแต่ขายพวงมาลัย รับจ้างขูดสีบ้านเก่าตามริมแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นหางเครื่องอยู่วงดนตรีลูกทุ่งโดยจากบ้านนานถึง 7-8 ปี เคยเป็นเด็กส่งเอกสาร ยืนตะโกนขายผ้าที่สำเพ็ง แม้แต่เต้นคาบาเรต์ที่พัฒน์พงศ์ ฯลฯ ก่อนที่จะมีโอกาสได้อยู่ในทีมตลกคณะต่างๆ โดย 1 ในนั้นคือคณะตลกชูศรีเชิญยิ้มที่ได้พบกับ ตู้ หรือ เท่ง เถิดเทิงเป็นครั้งแรก และกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งในคณะตลกของ หม่ำ จ๊กมก จนชีวิตถึงจุดสูงสุดเมื่อ ปัญญา นิรันดร์กุล แห่ง เวิร์คพอยท์ฯ เปิดพื้นที่ให้ หม่ำ เท่ง โหน่ง ในนามของแก๊งค์สามช่า ได้โชว์ศักยภาพในการเรียกเสียงหัวเราะในรายการเกมโชว์อันดับ 1 อย่างชิงร้อยชิงล้าน จนเกิดการปฏิวัติโฉมใหม่ของรายการโทรทัศน์เมืองไทยเข้าสู่ยุคทองของตลกทางทีวี นอกจากนี้ โหน่งชะชะช่า ยังเป็นกำลังสำคัญที่คอยสร้างสีสันและเติมเต็มความสนุกให้กับรายการต่างๆ ทั้งในส่วนวาไรตี้เกมโชว์และซิทคอม อาทิ ชัยบดินทร์โชว์, สงครามเท้าไฟ, ระเบิดเถิดเทิง, โคกคูนตระกูลไข่ ฯลฯ ขณะที่งานภาพยนตร์ โหน่งชะชะช่า ก็มีผลงานการแสดงมากมาย อาทิ ฟอร์มาลีนแมนรักเธอเท่าฟ้า, คนหอนขี้เรื้อนในคืนเดือนเสี้ยว, เอ๋อเหรอ, สายล่อฟ้า, โหน่งเท่งนักเลงภูเขาทอง ล่าสุดแท็คทีมกับคู่ซี้อย่างเท่ง เถิดเทิงกำกับภาพยนตร์ร่วมกันเป็นครั้งแรกจากไอเดีย มุกแก๊ก ต่างๆ ที่ทั้งคู่คิดค้นร่วมกันจนเกิดเป็นเรื่องราวสนุกสนานในแบบฉบับของเท่งโหน่งใน “เท่งโหน่งคนมาหาเฮีย” ที่กำกับร่วมกับเท่ง เถิดเทิง และมีผลงานการแสดงภาพยนตร์อย่างต่อเนื่องอาทิ 32 ธันวา, โป๊ะแตก, ตุ๊กกี้เจ้าหญิงขายกบ, มือปืนดาวพระเสาร์, ก่อนที่จะกลับมาแท็คทีมร่วมกับเท่ง เถิดเทิงใน เท่งโหน่งจีวรบิน, จั๊กกะแหล๋น และล่าสุดในใหม่กะหม่ำโดนกะโดน ประวัตินักแสดง พงษ์ศักดิ์ พงษ์สุวรรณ หรือ “เท่ง เถิดเทิง” กว่าจะมาเป็น “เท่ง เถิดเทิง” ที่ชีวิตประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ ผ่านความยากลำบากและประสบการณ์ชีวิตอันหลากหลายตั้งแต่ ปั่นสามล้อ ขายก๊วยเตี๋ยว ล้างจาน เล่นลิเก ก่อนที่จะเข้าร่วมในคณะตลกเล็กๆ อย่างมะกอกสามตะกร้า โยกย้ายคณะ ต่อมาเข้าเป็น 1 ในสมาชิกตลกคณะชูศรีเชิญยิ้ม ซึ่งได้ร่วมงานกับโหน่งและนุ้ยเชิญยิ้มเป็นครั้งแรก จนถูก “หม่ำ จ๊กมก” เห็นแววดึงมาร่วมคณะออกเดินสายตามคาเฟ่ต่างๆ และได้เข้ามาสร้างสีสันในวงการโทรทัศน์ โดยได้รับการผลักดันจาก “ปัญญา นิรันดร์กุล” แห่งเวิร์คพอยท์ฯ ซึ่งเป็นผู้ตั้งชื่อ “เท่ง เถิดเทิง” ให้ ประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดในฐานะสมาชิกแก๊งค์สามช่าร่วมกับหม่ำ จ๊กมกและโหน่งชะชะช่า ร่วมสร้างรอยยิ้มและความสนุกสนานให้กับแฟนๆ นับล้านๆ คนที่เฝ้าดูพวกเขาในรายการชิงร้อยชิงล้านมานับทศวรรษ ปัจจุบันมีงานงานพิธีกรในรายการโทรทัศน์ต่างๆ มากมาย อาทิ ชัยบดินทร์โชว์, คุณพระช่วย, มีซิทคอมทางโทรทัศน์อย่างระเบิดเถิดเทิง, โคกคูนตระกูลไข่ ฯลฯ ขณะที่ทางด้านภาพยนตร์กล่าวได้ว่าชี่อของ “เท่ง เถิดเทิง” เป็นที่การันตีถึงความสำเร็จแก่ผู้สร้างมาตลอดไม่ว่าจะเป็น 7 ประจัญบาน, รวมทั้งหลวงพี่เท่ง และ โหน่งเท่งนักเลงภูเขาทอง ที่ทำรายได้มากกว่า 100 ล้านบาท ล่าสุดแท็คทีมกับโหน่งชะช่า คู่หูที่ร่วมงานกันมากว่า 10 ปี กำกับภาพยนตร์ร่วมกันเป็นครั้งแรกจากไอเดียและเรื่องราวที่ทั้งคู่ร่วมกันพล็อตเรื่องขึ้นมาใน “เท่งโหน่งคนมาหาเฮีย” จนกวาดรายได้เหยียบ 100 ล้านบาทเช่นกัน หลังจากนั้นมีผลงานการแสดงอย่าง เทวดาท่าจะเท่ง ไปร่วมสร้างสีสันใน โป๊ะแตก, ตุ๊กกี้เจ้าหญิงขายกบ, จั๊กกะแหล๋น ก่อนที่จะกลับมาร่วมแท็คทีมกับโหน่งชะชะช่าอีกครั้งใน “เท่งโหน่งจีวรบิน” โดยเท่งรับหน้าที่กำกับร่วมกับสมิทธิ์ ทิมสวัสดิ์ และล่าสุดมาร่วมสร้างสีสันใน “ใหม่กะหม่ำโดนกะโดน”

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ