กรุงเทพฯ--15 มิ.ย.--อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์
อิมแพ็ค ชู 3 กลยุทธ์หลักส่งเสริมยอดขาย พร้อมผนึก TCEB ดึงตลาดแสดงสินค้าและการประชุมจากต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มการแพทย์ องค์กร สมาคม ส่วนตลาดไทยใช้ความได้เปรียบจากการมีโรงแรมที่พักตั้งอยู่บริเวณเดียวกับศูนย์ฯ เรียกลูกค้ากลุ่มสัมมนาทั้งส่วนราชการและเอกชนเพิ่ม เผยเตรียมเจาะกลุ่มงานคอนเสิร์ตขนาดเล็กไทย-เทศอีกทาง หวังสร้างยอดขายปี 2554 เพิ่ม 10% รายได้รวมแตะที่ 2,000 ล้านบาท
นายพอลล์ กาญจนพาสน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ 2554 (เมษายน 2554-มีนาคม 2555) อิมแพ็ค ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการต่างๆ รองรับกับการเติบโตทางธุรกิจ ตลอดจนความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย
อาทิ การรีโนเวตศูนย์ประชุม การสร้างอาคารจอดรถหลังใหม่ (บริเวณอาคาร 10 เดิม) ซึ่งกำลังดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน รวมถึงการเปิดบริการอย่างเป็นทางการของโรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ อิมแพ็ค
อีกทั้งการเตรียมกลยุทธ์ส่งเสริมการขายให้มีความหลากหลายตรงตามจุดประสงค์และงบประมาณ จะช่วยสนับสนุนในส่วนของการตัดสินใจเลือกใช้บริการพื้นที่จัดแสดงสินค้า ห้องประชุม รวมถึงบริการต่างๆ ของผู้จัดงานได้เป็นอย่างดี จึงเชื่อว่าจะส่งผลให้ยอดขายของอิมแพ็คในปี 2554 เติบโตและมีรายได้เพิ่มขึ้นโดยประมาณถึง 2,000 ล้านบาท จากปี 2553 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,800 ล้านบาท
ด้านนางอัจฉราวรรณ ศุภางคะรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า เพื่อเป็นการสนับสนุนรายได้ของบริษัทฯ ให้เป็นไปตามเป้าหมาย ทางฝ่ายขายได้วางกลยุทธ์ สำหรับส่งเสริมการขายพื้นที่ในปีนี้ไว้ 3 แนวทางหลัก ได้แก่ 1.) การเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ โดยทำการตลาดเจาะกลุ่มลูกค้าที่ต้องการใช้พื้นที่จัดงานของอิมแพ็คทั้งที่เป็นลูกค้าใหม่ และลูกค้าเดิมที่ต้องการขยายพื้นที่ในการจัดงานให้มากขึ้น พร้อมทั้งร่วมมือกับสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ หรือ สสปน. (TCEB) ทำการตลาดเพื่อเพิ่มโอกาสและดึงกลุ่มลูกค้าจากต่างประเทศโดยมุ่งเน้นไปยังกลุ่มทางการแพทย์และกลุ่มสมาคม องค์กรต่างๆ
สำหรับกลยุทธ์ที่ 2 ใช้ความได้เปรียบจากการมีโรงแรมที่พัก (โนโวเทล กรุงเทพ อิมแพ็ค) ตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกับศูนย์ฯ เป็นสิ่งอำนวยความสะดวกตอบรับกับความต้องการของลูกค้ากลุ่มประชุม สัมมนา และอินเซนทีฟ ทั้งส่วนราชการและบริษัทเอกชน ที่ต้องการที่พักใกล้กับสถานที่ประชุม สัมมนา เพื่อความสะดวกในการเดินทางได้เลือกใช้พื้นที่อิมแพ็คในงานจัดงานและกิจกรรมต่างๆ ส่วนกลยุทธ์ที่ 3 จะเน้นเจาะตลาดจัดงานแสดงคอนเสิร์ตขนาดเล็กให้มากขึ้น โดยใช้พื้นที่อาคารแสดงสินค้าแทนอิมแพ็ค อารีน่า ที่เหมาะกับการจัดคอนเสิร์ตขนาดใหญ่ ภายใต้การจัดการระบบแสง สี เสียงที่มาตรฐานเดียวกัน
ทั้งนี้ จากภาพรวมการขายพื้นที่ของอิมแพ็คในปีงบประมาณ 2553 (เมษายน 2553-มีนาคม 2554) มีการเติบโตที่ดี แม้ในปีก่อนหน้าจะเกิดสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองส่งผลให้ยอดขายลดลง 2% แต่ด้วยบางงานมีการเลื่อนกำหนดจัดงานออกมาอยู่ในปี 2553 แทน จึงทำให้ยอดการจัดงานเพิ่มและส่งผลให้รายได้ปี 2553 เพิ่มขึ้น 20% โดยแบ่งเป็นสัดส่วนรายได้จากงานแสดงสินค้าทั่วไป 50% งานประชุม สัมมนา งานแสดงนิทรรศการ อินเซนทีฟ 19% งานแสดงสินค้ากลุ่มเทรด 15% งานแสดงคอนเสิร์ต งานโชว์ต่างๆ 5% งานแต่งงาน 3% และงานอื่นๆ อีก 8% และหากแบ่งตามประเภทผู้จัดงาน รายได้หลักจะมาจากกลุ่มบริษัทเอกชน 62% กลุ่มภาครัฐ 34% กลุ่มองค์กร สมาคม 2% กลุ่มจัดงานแต่งงานและกิจกรรมปาร์ตี้ 2%
อย่างไรก็ตาม ในปี 2554 อิมแพ็ค จะดำเนินงานขายพื้นที่โดยใช้ 3 กลยุทธ์หลัก ไปพร้อมๆ กับการเจาะตลาดงานประชุม สัมมนา รวมถึงงานแต่งงานและบริการจัดเลี้ยงสำหรับกิจกรรมพิเศษเพิ่มขึ้น และด้วยปีนี้อิมแพ็คได้รับโอกาสเป็นสถานที่จัดงานใหม่ๆ อาทิ งานมอเตอร์ โชว์ งานมันนี่ เอ็กซโป ซึ่งเป็นงานที่ย้ายมาจากศูนย์ฯ อื่น งานบีโอไอ แฟร์ 2011 งานแสดงนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติยิ่งใหญ่แห่งปี รวมถึงบางงานที่จัดเป็นประจำได้ขยายพื้นที่จัดงานมากขึ้น เช่น งานมหกรรมแสดงสินค้าอาหารหรือไทยเฟค งานบางกอก ยูสคาร์ คาร์ และซุปเปอร์ คาร์ โชว์ งานบ้านและสวน เป็นต้น จึงคาดว่ายอดขายปีนี้จะเติบโตขึ้น 10% และส่งผลให้รายได้รวมเป็นไปตามเป้าที่วางไว้แน่นอน
สื่อมวลชนต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม โปรดติดต่อ:
ฝ่ายสื่อสารประชาสัมพันธ์ บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด
จินตนา พงษ์ภักดี
โทร:+66 (0) 2833 5061
อีเมล์:jintanap@impact.co.th
ชูจิตร ภิรมย์อรรถ
โทร:+66 (0) 2833 5073
อีเมล์: chuchitp@impact.co.th
สุภาพร บุญขาว
โทร:+66 (0) 2833 5077
อีเมล์:supapornb@impact.co.th