ทีทีแอนด์ทีกับศักยภาพความพร้อมด้านโครงข่ายสู่บริการ Triple Play

ข่าวทั่วไป Thursday July 12, 2007 15:49 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--12 ก.ค.--เอ็มบิส เอเชีย
บริษัท ทีทีแอนด์ที จำกัด (มหาชน) เปิดบ้านเยี่ยมชมการปฏิบัติงานด้านโครงข่ายของระบบต่าง ๆ ประกอบด้วยห้อง NMC ( Network Management Center ) ของศูนย์บริหารโครงข่าย TT&T ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางในการตรวจสอบ เฝ้าระวัง และควบคุมการทำงานของระบบโครงข่ายทั่วประเทศให้สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง ห้อง IDC (Internet Data Center) ซึ่งเป็นที่ตั้ง Maxnet Server สำหรับให้บริการ High Speed Internet และ ห้องอุปกรณ์โครงข่ายระบบ IPTV และ IP Core Router โดยทั้งสามห้องนี้ถือเป็นศูนย์กลางที่สำคัญในการกระจายการให้บริการไปสู่ผู้ใช้บริการของกลุ่มบริษัท TT&T ทั่วประเทศ
นายประจวบ ตันตินนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีทีแอนด์ที จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 15 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มุ่งสู่การเป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคมทุกรูปแบบ และครบวงจรที่สามารถนำเสนอแนวทางบริการ ที่สร้างสรรค์และเชื่อถือให้แก่ลูกค้า รวมถึงการมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคม ซึ่งบริษัทฯ เชื่อด้วยหลักที่ยึดมั่นตลอดระยะเวลาที่ดำเนินงานมา และด้วยศักยภาพการทำงาน ระบบโครงข่าย และบุคลากรที่มีคุณภาพจะสามารถทำให้ทีทีแอนด์ทีก้าวสู่ผู้นำในตลาดโทรคมนาคมได้ในอนาคต ซึ่งปัจจุบันทีทีแอนด์ทีเรียกได้ว่ามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยบริการต่าง ๆที่รองรับต่อความต้องของลูกค้าทีทีแอนด์ทีทั่วประเทศ ตั้งแต่ หมายเลขโทรศัพท์พื้นฐาน อินเทอร์เน็ต ระบบไอพีทีวี และเลขหมายระหว่างประเทศที่อยู่ในช่วงดำเนินการ เป็นต้น โดยระบบของทีทีแอนด์ทีสามารถรองรับความต้องการของผู้ใช้ได้ทั่วทั้งประเทศ กอปรกับในปัจจุบันเรียกได้ว่ากระแสการแข่งขันในตลาดโทรคมนาคมมีการแข่งที่สูงขึ้น ทีทีแอนด์ทีจึงทุ่มงบประมาณส่วนหนึ่งเพื่อการพัฒนาคุณภาพ ศักภาพการทำงานให้มีประสิทธิภาพ ตั้งแต่ระบบโครงข่าย Network และอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อประโยชน์ต่อผู้บริโภคอย่างสูงสุด
นายประจวบ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปัจจุบันตลาดบริการโทรคมนาคมในประเทศไทยปีที่ผ่านมาคาดว่าจะมีมูลค่าตลาดประมาณ 2.17 แสนล้านบาท โดยตลาดผู้ให้บริการด้านโทรศัพท์พื้นฐาน หรือฟิกซ์ไลน์มีสัดส่วนอยู่ประมาณ 35% ของตลาดรวม คิดเป็นจำนวนผู้ใช้ประมาณ 7 ล้านราย ซึ่งตลาดผู้ที่ใช้อินเทอร์เน็ตจะอยู่ประมาณ 11,750 ล้านบาท ซึ่งอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง หรือบรอดแบนด์จะมีสัดส่วนมากถึง 69% และแนโรว์แบนด์จะอยู่ที่ 32% ส่วนมูลค่าการใช้จ่ายด้านโทรคมนาคมของประเทศไทยจะมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 6,590 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโตจากปีที่ผ่านมา 6.5% และคาดว่าปี 2550 นี้ตลาดจะมีมูลค่า 7,060 ล้านดอลลาร์สหรัฐมีอัตราเติบโต 7.2% และในปี 2551 จะมีมูลค่าราว 7,580 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับทีทีแอนด์ผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคม ซึ่งเรียกได้ว่ามีรากฐานที่มั่นคงประกอบกับประสบการณ์การทำงานที่ยาวนานกว่า 15 ปี เพื่อมุ่งให้บริการผู้บริโภคอย่างครบวงจรในด้านธุรกิจโทรคมนาคม และโครงการต่าง ๆในอนาคตที่บริษัทฯเตรียมขยายเส้นทางการทำงาน การให้บริการที่ครบคลุมยิ่งขึ้น โดยคาดว่าภายในสิ้นปีนี้ทีทีแอนด์ทีจะสามารถเข้ามาชิงส่วนแบ่งทางการตลาดภาพรวมธุรกิจโทรคมนาคมทั้งหมดได้ไม่ต่ำกว่า 5% และตลาดเฉพาะส่วนบรอดแบนด์ประมาณ 10-20%
สุขุม เชาวน์ลิลิตกุล ผู้อำนวยการสายงานโครงข่าย บริษัท ทีทีแอนด์ที จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โครงข่ายที่เราออกแบบและสร้างเสร็จแล้วนี้ สามารถรองรับลูกค้า Maxnet ได้ถึงห้าแสนราย และ ยังขยายได้อีกตามความต้องการที่เพิ่มขึ้น โครงข่ายที่เรานำมาใช้อยู่บนไอพีแพลตฟอร์มทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมโยงในระดับภาคด้วยสปีดขั้นต่ำ 10 กิกะบิตผ่านเคเบิลใยแก้วนำแสง ส่วนในระดับจังหวัดมีการเชื่อมโยงอุปกรณ์ดีสแลมผ่านเคเบิลใยแก้วนำแสงเช่นเดียวกันด้วยสปีด 1 กิกะบิต ด้วยความพร้อมของโครงข่ายที่กล่าวมา เราเพียงแต่เพิ่มอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการรับ และแปลงสัญญาณวีดีโอ ให้เป็น MPEG4 (H.264) และ ส่งเข้าโครงข่ายในรูปแบบของไอพี เพียงเท่านี้ในด้านของโครงข่ายเราก็พร้อมให้บริการไอพีทีวี โดยเบื้องต้นจะสามารถให้บริการได้ทั้ง Live TV ซึ่งเป็นช่องรายการทีวีที่มีการถ่ายทอดออกอากาศตามปกติ, มี Time Shift TV ซึ่งสามารถหยุดสัญญาณภาพและเสียงได้ขณะดูรายการสดได้นานถึง 12 ชม., มี TV on Demand ซึ่งสามารถดูรายการทีวีที่ออกอากาศไปแล้วย้อนหลังได้ถึง 7 วัน, มี VDO on Demand ซึ่งสามารถเลือกชมภาพยนต์ได้ตลอดเวลาตามความต้องการ เป็นต้น โดยลูกค้าสามารถดูทีวีผ่านอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง ไปพร้อมๆกับการพูดคุยโทรศัพท์ รวมถึงการใช้งานอินเตอร์เน็ตได้ในเวลาเดียวกันผ่านคู่สายทองแดงที่ใช้กับโทรศัพท์ธรรมดาเพียงคู่เดียว เพียงแค่ติดตั้งอุปกรณ์แปลงสัญญาณ หรือ Set-Top-Box ที่ต่อเข้ากับเครื่องรับโทรทัศน์ โดยต่อพ่วงจาก Port ที่เหลือของอุปกรณ์เราเตอร์โมเด็มเดิมที่ใช้งานอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงอยู่แล้วในระยะแรกบริษัทฯ ได้ให้ลูกค้า Maxnet ทดลองใช้บริการเป็นการนำร่องใน 9 จังหวัดที่มีความพร้อมก่อน คือ จ.เชียงใหม่, จ.พิษณุโลก, จ.ขอนแก่น, จ.นครราชสีมา, จ.ชลบุรี, จ.อยุธยา, จ.นครปฐม, จ.ภูเก็ต, จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.สงขลา มีระยะเวลาประมาณ 3 เดือน โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
นายสุขุม กล่าวเพิ่มเติม ต่อการให้ความเชื่อมั่นในด้านคุณภาพการให้บริการว่า บริษัทฯ ได้จัดตั้งศูนย์บริหารโครงข่าย NMC ซึ่งทำหน้าที่ในการตรวจสอบ เฝ้าระวัง และควบคุมการทำงานของอุปกรณ์โครงข่ายทั่วประเทศ เป็นแหล่งรวมของวิศวกรและช่างเทคนิคที่มีความเชี่ยวชาญงานในแต่ละระบบกว่า 70 คน ที่ผ่านงานและผ่านการฝึกอบรมความรู้มาอย่างดีผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนปฏิบัติหน้าที่กันทุกวัน ศูนย์ดังกล่าวพร้อมประสานงานและปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยงานบำรุงรักษาในพื้นที่ ซึ่งมีกองงานประจำทุกจังหวัดตลอด 24 ชั่วโมง
เกี่ยวกับทีทีแอนด์ที
บริษัท ทีทีแอนด์ที จำกัด (มหาชน) บริษัทโทรคมนาคมชั้นนำของคนไทยที่มีประสบการณ์ในการให้บริการลูกค้ามากกว่า 15 ปี นอกจากการให้บริการโทรคมนาคม การสื่อสารข้อมูล บริการโทรศัพท์ 1.5 ล้านเลขหมายในส่วนภูมิภาคแล้ว ปัจจุบันในฐานะผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตรายใหม่ภายใต้ชื่อ Maxnet มีความพร้อมและศักยภาพที่จะให้บริการบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ ดูแลลูกค้าทั้งโครงข่ายสื่อสารข้อมูล โทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตในรูปแบบ “One Stop One Number Service” ผู้สนใจสามารถค้นหาข้อมูลบริษัทเพิ่มเติมได้ที่ www.ttt.co.th หรือสอบถามที่ 1103
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
บริษัท เอ็มบิส เอเชีย จำกัด
นายจตุพล ศิริเดช, น.ส.ณัฐณิชาร์ ทิศสอน
โทร. 081-423-8606, 085-242-3656
โทร. 02-245-3334 แฟกซ์ 02-643-1045
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ