กรุงเทพฯ--11 ก.ค.--ปตท.
ฝ่ายบริหารความเสี่ยงราคาและวิเคราะห์ตลาดต่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) รายงานถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันว่า ราคาน้ำมันเฉลี่ยสัปดาห์ที่ 4 — 8 ก.ค. 54 ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) เพิ่มขึ้น 4.83 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อยู่ที่ 115.11 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเวสเท็กซัส (WTI) เพิ่มขึ้น 3.37 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลอยู่ที่ 97.10 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบดูไบ (Dubai) เพิ่มขึ้น 3.28 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อยู่ที่ระดับ 107.52 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ราคาเฉลี่ยน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 8.27 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อยู่ที่ 126.11 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น 4.72 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อยู่ที่ 125.62 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดยมีปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคา ได้แก่
ผลกระทบต่อราคาน้ำมันในเชิงบวก
- กลุ่มต่อต้านรัฐบาลลิเบียบุกโจมตีเมือง Tripoli เมืองหลวงของประเทศลีเบีย โดยจุดปะทะห่างจากตัวเมืองประมาณ 50 กิโลเมตร เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 54
- เกิดเหตุวินาศกรรมท่อขนส่งก๊าซธรรมชาติจากอียิปต์ไปอิสราเอลและจอร์แดน ทางทิศตะวันออกของคลอง Suez ในตอนเหนือของแหลม Sinai ส่งผลให้ท่อขนส่งดังกล่าวต้องหยุดดำเนินการ นับเป็นการโจมตีท่อขนส่งน้ำมันครั้งที่สามตั้งแต่ ก.พ. 54
- นาย Mohammad Aliabadi รักษาการรัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันของอิหร่านให้สัมภาษณ์ OPEC ไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มกำลังการผลิตอีก เนื่องจากอุปทานน้ำมันในตลาดมีเพียงพอ
- สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (Energy Information Administration: EIA) รายงานปริมาณสำรองน้ำมันเชิงพาณิชย์สัปดาห์สิ้นสุด 1 ก.ค. 54 น้ำมันดิบอยู่ที่ 358.6 ล้านบาร์เรล ลดลง 0.9 ล้านบาร์เรลจากสัปดาห์ก่อนหน้า (ลดลงติดต่อกัน 5 สัปดาห์) และ Gasoline อยู่ที่ 212.5 ล้านบาร์เรล ลดลง 0.6 ล้านบาร์เรล Distillate ลดลง 0.2 ล้านบาร์เรล อยู่ที่ 142.1 ล้านบาร์เรล
- ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรกลในญี่ปุ่น (Japanese machinery order) ในเดือน พ.ค. 54 เพิ่มขึ้น 3 % จากเดือนก่อน เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 4 เดือน หลังจากบริษัทเริ่มสั่งซื้อเครื่องจักรเพื่อทดแทนความเสียหายจากเหตุซึนามิในเดือน มี.ค. 54
- กระทรวงแรงงานสหรัฐฯรายงานผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 1 ก.ค. 54 ลดลง 14,000 ราย จากสัปดาห์ก่อน อยู่ที่ 418,000 ราย
ผลกระทบต่อราคาน้ำมันในเชิงลบ
- กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานอัตราการว่างงานในเดือน มิ.ย. 54 เพิ่มขึ้น 0.1% จากเดือนก่อน อยู่ที่ระดับ 9.2% และอัตราการจ้างงานนอกภาคเกษตรกร (Nonfarm Payrolls) เดือน มิ.ย. 54 เพิ่มขึ้นต่ำสุดในรอบ 9 เดือน โดยเพิ่มขึ้น จากเดือนก่อน 18,000 อัตรา
- ธนาคารกลางของจีนประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เป็นครั้งที่ 3 ในรอบปีนี้ โดยอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะหนึ่งปีอยู่ที่ 6.56% และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากระยะหนึ่งปี อยู่ที่ 3.5%
- กรมศุลกากรของจีน รายงานปริมาณนำเข้าน้ำมันดิบ ในเดือน มิ.ย. 54 ลดลง 0.29 ล้านบาร์เรลต่อวันจากเดือน อยู่ที่ 4.81 ล้านบาร์เรลต่อวัน และเป็นปริมาณนำเข้าน้ำมันดิบที่ต่ำสุดในรอบ 8 เดือน
- Market Eurozone Services รายงาน Purchasing Manager Index (PMI) ของสหภาพยุโรป (17 ประเทศ) ในเดือน มิ.ย. 2554 ลดลงจากเดือนก่อน 2.3 จุด อยู่ที่ระดับ 53.7 จุด
- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงานยอดขายธุรกิจค้าส่ง (Wholesale Trade) ในเดือน พ.ค. 54 ลดลง 0.2% จากเดือนก่อน มาอยู่ที่ 3.9 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ
- แหล่งผลิตน้ำมันดิบ Buzzard กำลังการผลิต 0.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในทะเลเหนือ กลับมาดำเนินการอีกครั้งที่ระดับ 0.11 ล้านบาร์เรลต่อวัน หลังปิดดำเนินการในสัปดาห์ที่ผ่านมาจากเหตุไฟฟ้าขัดข้อง
ในระยะสั้นราคาน้ำมันดิบ Brent และ WTI มีแนวรับแนวต้านอยู่ที่ 115 -120 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และ 94-100 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลตามลำดับ โดยสภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังคงเปราะบาง ทั้งภาคตลาดแรงงานและภาคอุตสาหกรรม เห็นได้จากอัตราว่างงานในเดือน มิ.ย. 54 อยู่ที่ 9.2% เป็นระดับที่สูงสุดในรอบ 6 เดือน ประกอบกับนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน ไตรมาส 2/54 จะอยู่ที่ 9.4% ลดลงจากไตรมาสก่อนที่ระดับ 9.7% อีกทั้งนายกรัฐมนตรีของรัสเซีย Vladimir Putin ประกาศแผนลดภาษีส่งออกน้ำมันดิบ จากเดิม 65% มาอยู่ที่ 60% เพื่อสนับสนุนให้มีการผลิตน้ำมันดิบในประเทศเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามสถานการณ์ความไม่สงบในลิเบียมีทีท่ารุนแรงขึ้น หลังพันเอก Muammar Gaddafi ออกมาขู่ว่าจะมีการโจมตีประเทศในยุโรป เพื่อเป็นการแก้แค้นกองกำลังทหารของ NATO ทั้งนี้ให้จับตามองการประกาศอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน ไตรมาส 2/54 อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 13 ก.ค. 54 และติดตามดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อาทิ ปริมาณสำรองน้ำมัน และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน ที่จะประกาศกลางสัปดาห์นี้ ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลต่อราคาน้ำมัน
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
ฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
โทร. 0 2537-1630
โทรสาร 0 2537-2171