สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ครึ่งแรกของปี 2554

ข่าวเศรษฐกิจ Monday July 11, 2011 16:16 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--11 ก.ค.--สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย ดร.บัณฑิต นิจถาวร ประธานกรรมการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) กล่าวว่าตลาดตราสารหนี้ในครึ่งแรกของปี 2554 อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ โดยตราสารหนี้ออกใหม่ในช่วงครึ่งแรกของปี 2554 มีมูลค่าออกใหม่ทั้งสิ้นประมาณ 6.8 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนประมาณ 33% โดยตราสารหนี้ที่มีมูลค่าการออกสูงสุดได้แก่พันธบัตร ธปท. หรือประมาณ 5.8 ล้านล้านบาท (85% ของมูลค่าการออกทั้งหมดในช่วงครึ่งปีแรก) ส่วนหุ้นกู้ภาคเอกชนมีมูลค่าการออกประมาณ 111,000 ล้านบาท ลดลงหากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากหลายบริษัทเร่งระดมทุนด้วยการออกหุ้นกู้ไปแล้วในช่วงปลายปี 2553 เพื่อลดความเสี่ยงจากทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นในปีนี้ กลุ่มธุรกิจที่มีมูลค่าหุ้นกู้ออกใหม่สูงสุดในช่วงครึ่งแรกของปี 2554 ได้แก่ กลุ่มพลังงาน รองลงมาได้แก่ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ โดยกลุ่มอสังหริมทรัพย์เป็นกลุ่มที่ระดมทุนด้วยการออกหุ้นกู้ค่อนข้างมากในช่วงเศรษฐกิจขาขึ้น ต่อเนื่องจากปีก่อน ในขณะที่ตราสารหนี้ระยะสั้นภาคเอกชน (Commercial Paper: CP) มีมูลค่าการออกเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก ประธาน ThaiBMA กล่าวเพิ่มเติมว่า “ภาคเอกชนมีการระดมทุนด้วยการออกตราสารหนี้ระยะสั้นภาคเอกชน ค่อนข้างมากในช่วงครึ่งแรกของปี 2554 โดยมีมูลค่ากว่า 594,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 92% จากระยะเดียวกันของปีก่อน โดยกลุ่มธนาคารมีสัดส่วนการออกตราสารหนี้ระยะสั้นภาคเอกชน สูงถึง 63% ของตราสารหนี้ระยะสั้นภาคเอกชนทั้งหมดที่ออกในช่วงครึ่งปีแรก จากที่ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งต่างทยอยออกตราสารหนี้ระยะสั้นภาคเอกชน เพื่อดึงฐานลูกค้าเงินฝากของธนาคารไว้ในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น ควบคู่ไปกับหลายบริษัทระดมทุนด้วยการออกตราสารหนี้ระยะสั้นภาคเอกชนเพิ่มขึ้น แทนการกู้เงินระยะสั้นกับธนาคารเนื่องจากต้นทุนถูกกว่า” สำหรับการซื้อขายในตลาดรองตราสารหนี้ มูลค่าการซื้อขายรวมอยู่ที่ 9.4 ล้านล้านบาท โดยแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น ๆ อย่างพันธบัตร ธปท. เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาตราสารหนี้ ทั้งนี้การซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในช่วงครึ่งแรกของปี 2554 เท่ากับ 9,400 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนประมาณ 6% ดร.บัณฑิต กล่าว “ตลาดตราสารหนี้ไทยยังคงเป็นที่สนใจของนักลงทุนต่างประเทศ โดยตั้งแต่เดือนมกราคม ถึงมิถุนายน นักลงทุนต่างประเทศมีสถานะซื้อสุทธิต่อเนื่อง โดยมีมูลค่าซื้อสุทธิรวม 6 เดือนแรกของปีเท่ากับ 500,000 ล้านบาท แต่หากพิจาณาเฉพาะการซื้อขายของนักลงทุนต่างประเทศในตราสารหนี้อายุมากกว่าหนึ่งปี พบว่านักลงทุนต่างประเทศมีสถานะซื้อสุทธิ 54,000 ล้านบาทในช่วงครึ่งแรกของปี โดยมูลค่าการถือครองตราสารหนี้ของนักลงทุนต่างประเทศ (รวมตราสารหนี้ทุกช่วงอายุ) ณ สิ้นเดือนมิถุนายนอยู่ที่ 368,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% จาก ณ สิ้นปี 2553” ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล ณ สิ้นเดือนมิถุนายน เทียบกับ ณ สิ้นปี 2553 พบว่า อัตราผลตอบแทนระยะสั้นปรับตัวขึ้นตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หรือ R/P 1 วัน ซึ่งมีการปรับเพิ่มขึ้นมาแล้วตั้งแต่ต้นปีถึง 4 ครั้งหรือปรับขึ้นมาแล้ว 1% จาก ณ สิ้นปี 2553 โดยพันธบัตรรัฐบาลอายุ 1 เดือนถึง 1 ปี ปรับเพิ่มขึ้นในช่วง 94 ถึง 119 bp อายุ 2 ปี ถึง 13 ปี ปรับขึ้น 1 ถึง 86 bp ในขณะที่พันธบัตรรัฐบาลระยะยาว อายุมากกว่า 13 ปี ยังคงมีอุปสงค์จากนักลงทุนพอสมควรทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลในช่วงอายุดังกล่าวปรับตัวลดลง 2 ถึง 12 bp ประธาน ThaiBMA กล่าวถึงแนวโน้มตลาดตราสารหนี้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2554 ว่า คงจะขยายตัวต่อเนื่อง ซึ่งจากการสำรวจความคิดเห็นผู้จัดการการจัดจำหน่าย (Underwriter) และผู้ค้าตราสารหนี้ (Dealer) คาดว่ามูลค่าคงค้างตราสารหนี้ (Outstanding Value) มีแนวโน้มโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจากตัวเลขการคาดการณ์คาดว่า ณ สิ้นปี 2554 มูลค่าคงค้างตราสารหนี้จะอยู่ที่ 7.2 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 7% จาก ณ สิ้นปี 2553 การซื้อขายในตลาดรองคาดว่ายังคงเน้นไปที่การซื้อขายในรุ่นอายุไม่เกิน 1 ปี เนื่องจากนักลงทุนยังคงระมัดระวังเรื่องการลงทุนในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น อย่างไรก็ตาม คาดว่าปริมาณการซื้อขายในตลาดรองน่าจะมีปริมาณเพิ่มขึ้นจากช่วงครึ่งปีแรกเนื่องจากเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่องจะทำให้นักลงทุนต่างประเทศยังจะเข้ามาลงทุนในตลาดตราสารหนี้ไทยต่อเนื่องเช่นกัน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ