พูดคุยกับหนุ่มมาดเซอร์ เจ้าของผลงานเพลง “เลิกกับเขา เอาเท่าไหร่” แทค ภรัณยู โรจนวุฒิธรรม

ข่าวทั่วไป Wednesday May 23, 2007 14:23 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--23 พ.ค.--อาร์เอส
ไปยังไงมายังไงถึงได้มาออกอัลบั้ม
แทค : จริงๆ แล้ว การเป็นนักร้องถือเป็นความฝันของผมอย่างหนึ่งเลยล่ะครับ คือผมอยากเป็นนักร้องมาตั้งนานแล้ว แต่ด้วยจังหวะ และโอกาสตอนนั้นยังไม่อำนวยเท่าไหร่ (หัวเราะ) ก็เลยได้ไปเล่นหนัง เล่นละครก่อน แล้วก็มีโอกาสได้ร่วมโปรเจ็กต์ “รวมดาว 2007” ที่เป็นการนำเพลงคู่ของ “รวมดาว” มาร้องใหม่ ก็เลยถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นแรกที่ทำให้ความฝันในการเป็นนักร้องของผมเริ่มเป็นจริงเป็นจังมากขึ้น แล้วก็มาอัลบั้มชุดนี้แหละครับ ที่ถือว่าผมได้ทำตามความฝันของตัวเองจนเป็นผลสำเร็จ
แล้วจุดเริ่มต้นของการทำอัลบั้มชุดนี้ ของ “แทค” เริ่มต้นยังไง
แทค : ก็เริ่มต้นจากการได้คุยกับ “พี่พู” (ชมพู-สุทธิพงษ์ วัฒนจัง — เมโลดิก้า) เมื่อปีที่แล้วครับ พี่พูถามว่าอยากเป็นนักร้องมั้ย ? ก็เข้าทางผมพอดี (หัวเราะ) หลังจากนั้นเวลามีโอกาสก็จะแวะไปคุยกับพี่พูเรื่อยๆ ไปคุยเรื่องแนวเพลงที่ชอบ หาสไตล์การร้องเพลงของตัวเอง ซึ่งก็ได้พี่พูเป็นที่ปรึกษาที่ดีมากครับ
พี่พูให้คำแนะนำอะไรบ้าง
แทค : ก็จากตอนแรกๆ ที่ผมยังร้องเพลงได้ไม่ดีนัก ก็มีอารมณ์ท้อแท้แว้บๆ มาบ้างครับ พี่พูก็เลยแนะนำว่าร้องให้ได้พลังก่อน อย่าเพิ่งไปนึกถึงว่าจะเพราะหรือไม่เพราะ แล้วก็ยกปรัชญาเรื่องก้อนหินมาสอนผม (หัวเราะ) คือให้นึกว่าการฝึกร้องเพลงก็เหมือนกับการขว้างก้อนหินลงในแม่น้ำ วันแรกก็อาจจะยังไม่มีผลอะไร ยังไม่สามารถทำให้แม่น้ำสะเทือนได้ว่างั้น แต่ถ้าเราโยนไปทุกวัน วันละก้อน 2 ก้อน 3 ก้อน ซักวันแม่น้ำก็จะเต็มไปเอง คือพี่พูจะสอนว่าอย่าละเลยเรื่องการฝึกซ้อมน่ะครับ เพราะถ้าเราขยันซ้อมทุกวัน วันนึงเราก็จะร้องเพลงได้ดีขึ้นเอง หลังจากนั้นทุกครั้งที่พอมีเวลาว่าง ผมก็จะซ้อมร้องเพลงอยู่ตลอดเวลา ส่วนใหญ่ก็จะตะโกนร้องอยู่ในรถนั่นแหละครับ อยู่กรุงเทพรถติดจะตาย ไปไหนมาไหนที ร้องเพลงได้ตั้งหลายเพลง (หัวเราะ)
แนวเพลงในอัลบั้มชุดนี้เป็นแนวเพลงแบบไหน
แทค : สำหรับอัลบั้มชุดนี้ก็จะเป็นแนวเพลงป็อบร็อกครับ เนื้อหารวมๆ ก็จะสื่อสารกันแบบตรงไปตรงมา คิดยังไง ก็พูดกันตรงๆ แบบแมนๆ แต่ก็แอบมีมุมกวนๆ ผสมความขี้เล่นอยู่ด้วย มีเกเรบ้างเล็กน้อย และที่สำคัญก็คือมีความอ่อนไหวรวมอยู่ด้วย คือผมว่าผู้ชายทุกคน ต่อให้แมนยังไง ก็ต้องมีมุมเหงาๆ มีมุมอ่อนไหวกันทั้งนั้นแหละครับ อย่างผมเองบอกได้เลยว่าเป็นคนแข็งนอก อ่อนใน คือต้องมาอยู่ใกล้ชิดกันจริงๆ จะรู้ว่าผมน่ะ เซ็นซิทีฟมากเลยครับ
ถามจริงๆว่า ทำอะไรมาตั้งหลายอย่างแล้ว ทั้งเล่นหนัง เล่นละคร พอมาทำงานเพลงแล้วรู้สึกกดดันบ้างมั้ย
แทค : ก็ยอมรับครับว่าตอนที่ทำอัลบั้มชุดนี้ ก็เรียกว่ากดดันหลายอย่าง คือปกติผมเป็นคนที่ทำอะไรแล้วต้องสุดๆ ครับ สุดๆในที่นี้ไม่ได้หมายถึงว่าต้องประสบความสำเร็จสุดๆ นะครับ เพราะเรื่องจะประสบความสำเร็จรึเปล่า !? เป็นเรื่องที่เหนือการควบคุมของผมครับ (หัวเราะ) สิ่งที่ผมควบคุมได้คือตัวเอง ควบคุมให้เราตั้งใจทำให้สุดๆ ไม่ว่าจะเป็นเล่นหนัง ละคร รวมไปถึงงานเพลงนี้ด้วยครับ
สำหรับการเป็นนักร้องก็ถือว่าเป็นการเริ่มนับหนึ่งใหม่เลย จริงๆ แล้วถามว่าเครดิตเดิมช่วยได้มั้ย ? ก็ยอมรับครับว่ามีส่วนช่วยในระดับหนึ่ง แต่เราก็ต้องพิสูจน์ความสามารถของเราเองด้วย
เห็นได้ข่าวว่าถึงขนาดร้องไห้เลย ?
แทค : ที่ว่าถึงขนาดร้องไห้เหรอครับ (หัวเราะเขินๆ) จริงๆ แล้วก็ไม่ได้มีอะไรมากหรอกครับ คืออย่างที่บอกว่า ด้วยความที่เป็นงานใหม่ของผม และเป็นงานที่ผมต้องรับผิดชอบเองเต็มๆ อย่างละคร หรืออย่างหนัง หรือแม้แต่อัลบั้ม “รวมดาว 2007” ที่ผ่านมา ยังถือว่าเป็นงานที่มีผู้รับผิดชอบร่วมหลายคน คือภาระความรับผิดชอบก็จะแชร์ๆ กันไป แต่อัลบั้มเดี่ยวชุดนี้ของผม เป็นงานที่ผมจะต้องรับผิดชอบเองเต็มๆ เพราะฉะนั้นมันจึงมีความกดดันเกิดขึ้น ยิ่งช่วงแรกๆที่ผมรู้สึกว่าผมยังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร มันก็เลยร้องไห้ออกมาเลย คือเป็นความรู้สึกว่าเราอยากทำให้ดีกว่านี้ ก็เลยทุ่มเวลากับการทำงานมากขึ้น หนักขึ้น พองานเสร็จก็ร้องไห้อีก (ยิ้ม) เพราะปลื้มใจว่าเราทำได้แล้ว คือเราสุดๆ ของเราไปแล้ว ส่วนผลที่ออกมาจะเป็นยังไง ก็ต้องขึ้นอยู่กับแฟนๆ ล่ะครับ ว่าพร้อมจะสุดๆ ไปกับผมรึเปล่า
จุดเด่นของอัลบั้มชุดนี้ล่ะ คิดว่าส่วนไหนที่มีความน่าสนใจที่สุด
แทค : ถ้าถามผม ผมว่าจุดเด่นของอัลบั้มชุดนี้ต้องบอกเลยว่าทั้งหมดมาจากชีวิตจริงของผมล้วนๆ เลยล่ะครับ ซึ่งส่วนใหญ่ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของความรัก เพราะปกติผมเป็นคนเปิดเผยเรื่องความรักอยู่แล้ว เพราะว่าความรักสามารถทำให้ผมมีความสุข แล้วก็สามารถทำให้ผมเสียใจได้เช่นเดียวกัน
เพลงแรกที่เปิดตัวมาชื่อเพลงอะไร
แทค : สำหรับเพลงแรกของผม ก็คือเพลง “เลิกกับเขา เอาเท่าไหร่” ครับ ก็จะเป็นเพลงแบบตรงๆ คือใช้ภาษาแบบตรงไปตรงมาเลย ประมาณว่าร้องด้วยใจ แล้วก็ถามด้วยใจจริงๆ
ฟังเนื้อหาของเพลงแล้ว เหมือนจะฝากไปถึงใครรึเปล่า
แทค : (ยิ้ม) ถ้าจะถามว่าอยากจะฝากถามไปถึงใครรึเปล่า !? คงไม่ถึงขนาดนั้นครับ ผมว่าเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้กับผู้ชายทุกคน คือต่อให้แมนแสนแมนขนาดไหน ที่สุดแล้วก็มีอารมณ์อ่อนไหว แบบว่าเป็นห่วงเป็นใยอยู่ ฟังชื่อเพลงแล้วเหมือนจะแช่งให้เค้าเลิกกัน แต่จริงๆ แล้วเนื้อเพลงจะพูดถึงผู้หญิงที่เคยเป็นแฟนเรา แล้วเค้าไปมีแฟนใหม่ แต่ว่าแฟนใหม่เค้าไม่ดี ทำร้ายจิตใจเค้าต่างๆ นานา เราก็เลยเป็นห่วงเค้าเท่านั้นเองครับ
คือมันเป็นเรื่องของความรู้สึก ประมาณว่าคนรักของเราซึ่งเราเคยถนอม ดูแลอย่างดี ทำไมผู้ชายคนใหม่ถึงได้ทำร้ายกันได้ลงคอ ในขณะเดียวกันผู้หญิงก็ยอมที่จะทนให้เค้าทำร้าย เพราะว่ารักเค้า คนรักเก่าอย่างเราก็ได้แต่แสดงความห่วงใย อยากให้เค้าหลุดพ้นจากการโดนทำร้าย ก็เลยเกิดเป็นคำถามที่ว่า “เลิกกับเขา เอาเท่าไหร่” นี่แหละครับ ก็อยากให้แฟนๆ ได้ลองฟังกันดูครับ
ดูเหมือนจะเป็น “ฮีโร่” เลยนะ
แทค : ก็ไม่ถึงขนาดฮีโร่หรืออะไรหรอกครับ ก็แค่ผู้ชายธรรมดาๆ คนนึงเท่านั้นเอง ที่พร้อมจะเผชิญหน้ากับอะไรก็ตามที่ทำให้คนที่เรารักต้องเสียใจ (ยิ้ม)
หลายคนมองว่าแต่งจากเรื่องจริงของแทค
แทค : ก็ไม่ปฏิเสธนะครับ (หัวเราะ) คือที่มาของเพลงนี้ ส่วนหนึ่งก็ยอมรับมาจากการที่ผมเล่าประสบ การณ์ความรักในมุมมองของผมให้กับพี่ๆ ฟัง แล้วทางพี่ๆ ก็ไปเขียนเป็นเพลงนี้มา คือผมว่าคนเราเวลาเลิกกัน ไม่จำเป็นต้องเกลียดกัน ทุกคนยังสามารถเป็นเพื่อนกัน มีความห่วงใยให้กันได้ แล้วถ้าคนเรายังมีความปรารถนาดีให้กันอยู่ เวลาที่เราเห็นคนที่เรารักโดนทำร้าย ไม่ว่าจะเป็นทางร่างกาย และจิตใจ เราก็แค่อยากแสดงความห่วงใย และอยากให้เค้าหลุดพ้นจากความเจ็บปวดตรงนั้น คือถ้าเค้าเลิกกันแล้วเค้ามีความสุข ก็อยากให้เลิกกันดีกว่า เลิกกันแล้วไม่จำเป็นต้องกลับมาหาผมก็ได้ครับ ยังไงผมก็ยินดีที่ได้เห็นเค้ามีความสุขอยู่แล้วครับ
เห็นภาพในมิวสิกฯ มีฉากขี่มอเตอร์ไซค์แทบทั้งเรื่อง ดูๆ แล้วเหมือนหนังฮ่องกงเลยนะ
แทค : เรื่องนี้ผมว่าแล้วแต่มุมมองของแต่ละคนมากกว่าครับ คือถ้ามองว่าคล้าย อาจจะด้วยองค์ประกอบของภาพหรืออะไรประมาณนั้นก็ได้ แต่ถ้าเรื่องขี่มอเตอร์ไซค์เนี่ย จริงๆ แล้วพี่ๆ เค้าก็ดึงมากจากตัวตนจริงๆ ของผมนั่นแหละครับ คือในชีวิตประจำวันของผม ผมก็ขี่มอเตอร์ไซค์เป็นปกติอยู่แล้ว คืออย่างที่บอกว่าทั้งอัลบั้มมาจากตัวผมล้วนๆ เลย ทั้งเรื่องเพลง เรื่องสไตล์การแต่งตัว รวมถึงไลฟ์สไตล์ของผม แล้วก็พาหนะคู่ใจด้วย ก็นำมาใส่ไว้ในอัลบั้มนี้หมดเลย
มอเตอร์ไซค์สำหรับแทค มีเสน่ห์ตรงไหนถึงเลือกมาเป็นพาหนะคู่ใจ
แทค : ผมชอบเวลาที่ขี้มอเตอร์ไซค์แล้ว มีลมมาปะทะหน้าครับ (หัวเราะ) แล้วก็ชอบที่มันสามารถพาผมไปไหนต่อไหนก็ได้ โดยที่ไม่ได้กำหนดว่าต้องเป็นตรงไหน ผมว่านะ มันเป็นความรู้สึกที่ปลดปล่อย แต่ถ้าถามว่ามันปลดปล่อยยังไง มันอธิบายไม่ถูกหรอกนะครับ ต้องลองมาขี่เองครับ แล้วจะรู้ แล้วอีกเหตุผลนึงที่ผมชอบขี่มอเตอร์ไซค์ ก็เพราะว่าผมเป็นคนไม่ชอบอะไรที่มันแคบๆ ครับ ก็เลยชอบที่จะขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปในที่ที่มันโล่งๆ สบายๆ
ตัดผมทรงใหม่เพื่อชุดนี้เลยรึเปล่า
แทค : ก็ประมาณนั้นครับ คือไหนๆ เราก็เริ่มต้นทำงานใหม่ๆ แล้ว ก็รู้สึกว่าอยากจะมีอะไรใหม่ๆ บ้าง ก็เลยเป็นที่มาของผมทรงนี้ (หัวเราะ) คือรู้สึกว่าคนเห็นผมในภาพเก่าๆ กับผมทรงเดิมมานานแล้ว ก็ถือเป็นการสร้างความแปลกใหม่ให้กับแฟนๆ ด้วยครับ
ได้ข่าวว่าได้รับฉายาจากทีมงานว่าเป็น “ศิลปินตามงานดีเด่น”
แทค : (หัวเราะ) เป็นเรื่องแซวๆ มากกว่าครับ จริงๆ พี่ๆ อาจจะรำคาญก็ได้ คือผมจะถามตลอดว่าอะไรถึงไหน เพลงเสร็จถึงไหนแล้ว เสื้อผ้าเป็นไงบ้างครับ มิวสิกฯ ถ่ายที่ไหน ตัดต่อเสร็จรึยัง คือถามเค้าไปซะทุกขั้นตอน พี่ๆ ก็เลยตั้งฉายานี้ให้ผม ไม่รู้ว่าควรจะดีใจดีรึเปล่านะครับ (หัวเราะ)
อยากฝากอะไรถึงแฟนๆ บ้าง
แทค : ครับ ก็สำหรับในอัลบั้มชุดนี้ ก็ต้องบอกเลยว่าถ่ายทอดความเป็นผมออกมาล้วนๆ เลยล่ะครับ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาของเพลง แนวดนตรีอย่างที่ผมชอบ ก็อยากให้แฟนๆ ลองติดตามกันดูนะครับ ฟังแล้วอาจจะได้เห็นผมในแง่มุมใหม่ๆ ในชีวิตของผม ที่ยังไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน (ยิ้มๆ) หวังว่าแฟนๆ จะชอบอัลบั้มชุดนี้และขอขอบ คุณทุกคนที่ติดตามผลงานของผมด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ