ดีทแฮล์มผนึกความร่วมมือกับเกาหลีรุกตลาดเครื่องจักรกลหนัก

ข่าวทั่วไป Monday February 5, 2007 17:59 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--5 ก.พ.--ดีทแฮล์ม
ดีทแฮล์มลุยตลาดเครื่องจักรกลหนัก ระบุพร้อมช่วงชิงโอกาสทางการตลาดในวงการก่อสร้างเมืองไทย ส่งสัญญาณรุกตลาดรอบใหม่ด้วยการปรับตราสัญลักษณ์สินค้าเครื่องจักรกลหนักแดนเกาหลีจากแบรนด์ “Doosan-Daewoo” มาเป็น “Doosan” เล็งปักฐานในภูมิภาคด้วยการให้ไทยเป็นฐานการจำหน่ายในประเทศและภูมิภาคอินโดจีน ตั้งเป้าปี 2550 มียอดขาย 300 ล้านบาท และขยายอัตราการเติบโต 30 % รุกตลาดด้วยการชูกลยุทธ์ คุณภาพระดับโลกในราคาท้องถิ่น และเน้นการให้บริการลูกค้าแบบเหนือความคาดหมายครบวงจร
นายสัญชัย ศิริเศรษฐ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท ดีทแฮล์ม จำกัด เปิดเผยว่าจากการที่ดีทแฮล์มได้เป็นตัวแทนจำหน่ายและบริการเครื่องจักรกลหนักจากเกาหลีนั้น ในปี 2550 ชื่อเครื่องหมายการค้าของ Doosan-Daewoo ได้เปลี่ยนเป็น Doosan ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในบริการ มุ่งเน้นด้านการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา และนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพระดับโลก ตลอดจนบริการที่เหนือความคาดหวัง เพื่อตอบสนองความต้องการสูงสุดของลูกค้า ตลอดระยะ 70 ปีของการดำเนินงานภายใต้ตราสินค้า Doosan
จากการปรับชื่อตราสินค้าในครั้งนี้ Doosan มีความมุ่งมั่นจะก้าวสู่การเป็น 1 ใน 5 บริษัทชั้นนำของโลก ด้วยการสนับสนุนจาก “กลุ่มดูซาน” ผู้นำทางด้านอุตสาหกรรมการก่อสร้าง เครื่องจักรกลหนักแบบครบวงจรระดับโลก ซึ่งมีประวัติทางด้านการค้ายาวนานกว่า 110 ปี ถือเป็นกลุ่มธุรกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 9 ของประเทศเกาหลี ทำให้มั่นใจได้ว่ากลุ่มดูซานจะสามารถพัฒนาทั้งทางด้านการผลิตและการบริการได้ดียิ่งขึ้น
“วิสัยทัศน์ (Vision) ของ Doosan ในสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องจักรกลหนักและกลุ่มธุรกิจก่อสร้าง ในปี 2010 คาดว่าดูซานจะมีรายได้ประมาณ 6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ มีกำไรจากการดำเนินงาน 6 ร้อยล้านเหรียญสหรัฐฯ และก้าวขึ้นสู่ระดับ 1 ใน 5 ของบริษัทชั้นนำของโลก (Global Top 5)จากปัจจุบันที่อยู่ในระดับ 1 ใน 15 บริษัทชั้นนำของโลก (Global Top 15) โดยกลยุทธ์ทางการตลาดของ Doosan ในปี 2550 จะยึดหลัก “กลยุทธ์ 2G” นั่นคือ การเติบโตของธุรกิจ (Growth of Business) และการเติบโตของบุคลากร (Growth of People) ซึ่งสองสิ่งนี้สำคัญมาก จะแยกจากกันไม่ได้ เพราะถือเป็นสูตรในการเชื่อมโยงเข้าด้วยกันระหว่างบุคลากรและธุรกิจของทางดูซาน” นายสัญชัย ศิริเศรษฐ์ กล่าว
โดยกลยุทธ์ระยะยาว (ปี 2010) ดูซานจะเร่งพัฒนาสายการผลิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่, ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ, เพิ่มอัตราการขยายตัวในกลุ่มประเทศแถบยุโรป จีน สหรัฐอเมริกา และประเทศเกิดใหม่ พร้อมขยายกลุ่มลูกค้าในภูมิภาค, เพิ่มกำลังการผลิตจาก 28,000 เป็น 56,000และหันมาจับตลาดที่มีความต้องการในสินค้าและบริการ พัฒนาผลิตภัณฑ์
ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนของดูซานในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา ดูซานมีรายได้ดังนี้คือ
ปี ค.ศ. รายได้รวม (พันล้านเหรียญสหรัฐ)
1998 3
2001 6
2005 11
2006 14
สำหรับกลยุทธ์ทางการตลาดของกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องจักรกลหนัก ภายใต้แบรนด์ “Doosan” ในปี 2550 จะเน้นความเข้าใจทางด้านการตลาด ความเข้าใจในตัวผลิตภัณฑ์ และความเชี่ยวชาญในการนำไปใช้อย่างครบวงจร แก่ลูกค้า ทั้ง รถขุดไฮดรอลิก, รถตักล้อยาง โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายคือ ผู้รับเหมาทั่วไป โรงโม่หิน เหมืองแร่ และราชการ
นายสัญชัย ศิริเศรษฐ์ กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดรถยกในประเทศไทยมีมูลค่าตลาดประมาณ 1,700 ยูนิต โดยแบรนด์ Doosan มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 4% คิดเป็นยอดขายประมาณ 200 ล้านบาท โดยมี แบรนด์หลักคือ Komatsu ส่วนแบ่งตลาด 28% ยอดขาย 460 ยูนิต, แบรนด์ Kobelco ส่วนแบ่งตลาด 27% ยอดขาย 450 ยูนิต, แบรนด์ Caterpillar ส่วนแบ่งตลาด 25% ยอดขาย 425 ยูนิต, แบรนด์ Hitachi ส่วนแบ่งตลาด 12% ยอดขาย 200 ยูนิต
ทั้งนี้หัวใจหลักในการขยายอัตราการเติบโตของ Doosan คือ 1.ความเที่ยงตรงและมีคุณธรรมในการบริหารงาน 2. ลงทุนในสิ่งที่ดีที่สุด 3. ขยายตลาดในภูมิภาคต่างๆ 4. รักษาคุณภาพของสินค้าและบริการในระดับสูงสุด 5. เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี 6. พัฒนานวัตกรรมใหม่เข้าสู่ตลาด 7. ตอบสนองความต้องการของลูกค้า 8.ราคายุติธรรมและสามารถแข่งขันในตลาด
ปัจจุบันเครื่องจักรกลหนัก Doosan ถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในตลาดโลก ทั้งทางด้านคุณภาพสินค้าและบริการโดยเฉพาะในประเทศที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วเช่นประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งดูซานมียอดขายสูงเป็นลำดับที่ 1 โดยใน 2549 Doosan มียอดขายรวมเฉพาะในประเทศจีน 26,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 6,500 ยูนิต
ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท ดีทแฮล์ม จำกัด กล่าวถึงกลยุทธ์ทางการตลาดของดีทแฮล์มในสินค้ากลุ่ม เทคโนโลยีและเครื่องจักรกลหนักในปี 2550 ว่า ทางดีทแฮล์มจะเน้นนำเสนอรถขุด DOOSAN รุ่นใหม่ขนาด 20 ตัน ราคาประหยัดในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว พร้อมเงื่อนไขการชำระเงินใน รูปแบบดาวน์น้อยผ่อนสบายภายในงบ และวิเคราะห์สินเชื่อด่วนทันใจภายใน 1-2 วัน
“สำหรับวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจของกลุ่มดีทแฮล์มในประเทศไทยในปีนี้ จะมุ่ง เน้นนำเสนอสินค้าคุณภาพระดับโลกในราคาระดับท้องถิ่น เน้นความรวดเร็วในการให้บริการลูกค้าแบบเหนือความคาดหมายครบวงจร
นายสัญชัย ศิริเศรษฐ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท ดีทแฮล์ม จำกัด คาดการณ์ตลาดการก่อสร้างและเครื่องจักรกลหนักในประเทศไทยช่วง 1-3 ข้างหน้าว่า จะเป็นในลักษณะชะลอตัว รอความชัดเจนทางการเมือง การแข่งขันจะสูงมากเพื่อแย่งตลาดที่มีอยู่จำกัด
กลุ่มบริษัท Doosan ถือเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ของประเทศเกาหลีใต้ที่มีผลิตภัณฑ์และบริการครบวงจรและมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมีสินค้าและบริการที่หลากหลาย อาทิ การสื่อสาร ยุทธโธปกรณ์ การจัดส่งน้ำ อุตสาหกรรมพลังงาน
กลุ่มก่อสร้างและผลิตภัณฑ์
กลุ่มเทคโนโลยี
กลุ่มสถาบันการเงิน
บริษัท ดีทแฮล์ม จำกัด เป็นบริษัทตัวแทนจำหน่ายและบริการสินค้าในสายธุรกิจ 4 กลุ่ม กล่าวคือ อุปโภคบริโภค, เทคโนโลยี, เวชภัณฑ์, วัตถุดิบในการผลิตอาหาร, โดยมียอดขายรวมในปี 2549 เท่ากับ 60,000 ล้านบาท คาดว่าในปี 2550 ดีทแฮล์มฯ จะมียอดขายรวม 65,000 ล้านบาท ทั้งนี้ในส่วนที่เป็นสินค้าเทคโนโลยีนั้น ในปี 2549 มียอดขายรวม 1,800 ล้านบาท และในปี 2550 คาดว่าจะมียอดขายรวม 2,000 ล้านบาท
ตลาดที่มีอยู่อย่างจำกัด และในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ผู้ซื้อประสงค์จะลงทุนในงบประมาณที่จำกัด อาจจะในรูปแบบเช่าสำหรับโครงการระยะสั้น และลงทุนซื้อลักษณะดาวน้อย ผ่อนนาน จะเป็นทางเลือกของผู้รับเหมาปัจจุบัน บริษัทฯ เรามีสินค้าและบริการที่จะสนองตอบลูกค้าในลักษณะนี้ จึงคาดว่าจะเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดมากขึ้นจากเดิมในอัตราเติบโตเพิ่มขึ้น 30-40%
เหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นทั้งในประเทศไทย ทั้งการเกิดเหตุการณ์ไม่สงบในภาคใต้ การก่อวินาศกรรมใน กรุงเทพฯ การเผาโรงเรียนในภาคอีสาน ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของดีทแฮล์มในปีที่ผ่านมาหรือไม่ อย่างไร มองแนวโน้มในปีนี้อย่างไร
เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและผู้คนรับรู้มาตลอด ไม่ได้ตื่นตระหนกแต่อย่างใด แต่เนื่องจากโครงการก่อสร้างของรัฐและเอกชนที่มีอยู่อย่างจำกัด เนื่องจากเหตุการณ์ไม่สงบทางการเมือง ทำให้อัตราการเติบโตของยอดตลาดรวมติดลบ ซึ่งทางบริษัทฯ เองก็โดนผลกระทบค่อนข้างมาก รวมทั้งต้นทุนวัตถุดิบในปีที่ผ่านมาสูงมาก ทำให้ราคาขายสินค้าจากเกาหลีสูงกว่าผู้นำในตลาดถึง 8-10% เป็นเหตุให้ยอดขายในปีที่ผ่านมาอยู่ในเกณฑ์ติดลบจากปีก่อนหน้านี้
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ