HARRY POTTER AND THE DEATHLY HALLOWS - PART 2: คำถามและคำตอบกับเอ็มม่า วัตสัน (เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์)

ข่าวบันเทิง Thursday July 28, 2011 09:38 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--28 ก.ค.--MMM Digital Asset คำถาม: คุณช่วยเล่าถึงฉากสุดท้ายที่คุณได้แสดงเป็นเฮอร์ไมโอนี่ให้ฟังได้มั้ยว่าเป็นฉากไหนและรู้สึกอย่างไรบ้าง? เอ็มม่า วัตสัน: ฉากสุดท้ายที่เราถ่ายทำเป็นช่วงเวลาที่น่าประหลาด เราต้องดิ่งเข้าไปในเตาผิงกระทรวงเวทมนตร์ จริงๆ แล้วมันเป็นฉากในภาค 1 ไม่ใช่ภาค 2 แดน รูเพิร์ทกับฉันต้องกระโดดลงไปบนฟูกนิรภัยสีฟ้าทีละคน นั่นแหละคือการถ่ายทำ มีแค่นั้นแหละ และดูเหมือนเป็นฉากแปลกที่เกิดขึ้นมาแต่จริงๆ แล้วเดวิด [เยทส์] สร้างให้เห็นว่าเรากระโดดเข้าไปในอะไรไม่รู้ มันเป็นการเปรียบเทียบที่เหมาะสมกับสิ่งที่เรากำลังจะโดดเข้าไปหา มันสนุกมาก ฉันบอกไม่ได้ว่าฉันรู้สึกอย่างไรตอนถ่ายทำฉากนั้น ฉันคิดว่ามันเหมือนการไร้ความรู้สึก คำถาม: มีช่วงเวลาสุดท้ายในการถ่ายทำฉากสุดท้ายที่ฮอกวอตส์หรืออะไรที่มีความโดดเด่นในใจของคุณที่ต้องกล่าวอำลาฉากเหล่านี้มั้ย? เอ็มม่า วัตสัน: มันเป็นเรื่องตลกมาก หนังเรื่องนี้ท้าทายความสามารถของฉันอย่างเหลือเชื่อแบบที่เห็น มันเป็นหนังที่ผลักดันฉันในฐานะนักแสดง แต่ขณะเดียวกันฉันก็ได้ใช้อารมณ์ความรู้สึกแท้จริงที่ฉันรู้สึกเกี่ยวกับความสูญเสียและทุกอย่างที่เกิดขึ้นจนวันสุดท้าย ฉันใส่ความรู้สึกลงไปในบทบาทได้ ตัวอย่างที่ชัดเจนคือฉากที่พวกเรายืนบนสะพานหลังการต่อสู้ ฉันรู้สึกถึงสิ่งที่เฮอร์ไมโอนี่น่าจะรู้สึกได้จริงๆ มันรู้สึกเหมือน ‘ว้าว มาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว ดูทุกอย่างที่เราทำได้สำเร็จสิ’ จริงๆ แล้วฉากถูกสร้างขึ้นมาเหนือ Leavesden Studios ซึ่งเป็นที่ที่ฉันโตขึ้นมา และใช้เวลาอย่างน้อย 12 ปี ฉะนั้นเลยไม่ต้องใช้การแสดงอะไรมากมาย เพราะมันอยู่ที่นั่นสำหรับฉัน คำถาม: คุณสมบัติของตัวละครข้อไหนที่คุณรู้สึกว่าได้ร่วมแบ่งปันกับเฮอร์ไมโอนี่? เอ็มม่า วัตสัน: ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรมาก ฉันเดาว่าน่าจะเป็นเรื่องความมุ่งมั่น ความมุ่งมั่นในสิ่งที่ต้องการและทำในสิ่งที่ถูกต้อง และกลัวการตกอยู่ในปัญหา ฉันรู้สึกตื่นเต้นไปกับเธอมาก เพราะเรามักจะคิดถึงอีก 3-4 ก้าวข้างหน้าอย่างสม่ำเสมอ ฉันพยายามและใช้ความคิดหลายอย่าง ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเธอก็ทำได้ดี เธอมีความมุ่งมั่นมากเหมือนกับฉัน ฉันคิดว่าฉันมีความซื่อสัตย์มากแบบเดียวกับที่เธอเป็น ฉันค่อนข้างสนับสนุนเรื่องสิทธิสตรีแบบเดียวกับเธอ ฉันจะพูดอย่างที่ใจคิดแบบเดียวกับที่เธอทำ มันเป็นเรื่องที่พูดยาก ฉันรู้สึกว่าหลายอย่างในตัวฉันมีอยู่ในตัวเธอ และหลายอย่างในตัวเธอก็อยู่ในตัวฉัน ฉันบอกความแตกต่างไปได้มากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ทุกอย่างมันไม่ชัดเจน แต่นั่นก็เป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น คำถาม: คุณช่วยเล่าถึงรสนิยมทางดนตรีของคุณให้ฟังได้มั้ย และคุณพบว่ารสนิยมทางดนตรีของเพื่อนชาวอเมริกันต่างจากเพื่อนชาวอังกฤษหรือเปล่า? เอ็มม่า วัตสัน: ฉันพบแนวดนตรีหลายแนวที่ฉันชอบ ซึ่งส่วนใหญ่เพื่อนชาวอเมริกันของฉันจะรู้จัก และเราจะมีการประสานช่องว่างระหว่างเรา ฉันคิดว่ารสนิยมไม่ต่างกันมากนัก ในส่วนรสนิยมของตัวฉันเอง ฉันมีแรงจูงใจมาจากพ่อแม่เยอะมาก พ่อของฉันสะสมแผ่นเสียง พอฉันโตขึ้นมาเขาจึงซื้อเพลงของ Joni Mitchell และ Suzanne Vega เขารัก blues มากเหมือนกับ Chuck Berry แม่ของฉันชอบเล่นเพลง The Pretenders, Elvis, Natalie และ Ten Thousand Maniacs และเมื่อไม่นานมานี้น้องชายของฉันก็ทำให้ฉันอินไปกับดนตรีแนวคลาสสิคร็อคมาก ฉันได้ฟังเพลงของ Tom Petty, The Cars, Pink Floyd, The Rolling Stones, The White Stripes และฉันก็รักการเต้น ฉันเลยชอบฟัง Lady Gaga, Rihanna และทุกๆ คน ฉันคิดว่า Lykke Li ก็เจ๋ง เมื่อไม่นานนี้ฉันเพิ่งฟังอัลบั้มของเธอ มีใครอีกนะ? ชอบหมดเลยจริงๆ เมื่อไม่นานนี้ฉันยังได้ฟังดนตรีแนวคลาสสิคมากขึ้นด้วย ฉันชอบดนตรีมาก ฉันคิดว่าฉันทำให้เพื่อนๆ และครอบครัวของฉันแทบคลั่งที่ฉันคอยเปิดเพลงตลอดเวลาที่ทำได้ เวลาที่ฉันไม่มีความสุขฉันก็จะเสียบหูฟังไอพอด เดินเล่น ฟังเพลง นั่นคือสิ่งที่ฉันทำเวลาที่อยากปลีกตัวหรือสงบอารมณ์ นั่นแหละแนวของฉัน คำถาม: บางทีเราอาจได้เห็นคุณร้องเพลงที่บรอดเวย์? เอ็มม่า วัตสัน: ก็ไม่รู้สิ แดน [แรดคลิฟฟ์] เป็นคนกล้ามากเลย เป็นเด็กที่เหลือเชื่อ บอกตามตรงว่าฉันชอบที่จะแสดงอะไรบนบรอดเวย์นะ ฉันคิดว่าฉันต้องดึงความกล้าออกมามากขึ้น ในส่วนหนึ่งฉันก็ชอบร้องเพลงนะ ชอบจริงๆ คำถาม: คุณคิดว่าบุคลิกของคุณเปลี่ยนไปมากแค่ไหนในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา? เอ็มม่า วัตสัน: บุคลิกของฉันหรอ? มันพูดยากนะเพราะอย่างที่เราเห็นกัน เวลาที่เราโตจากอายุ 9 ขวบมาจนถึง 21 ปี มันมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างที่เลี่ยงไม่พ้น มันเป็นส่วนหนึ่งของการเจริญเติบโต มันเลยพูดยากว่าส่วนไหนที่ไม่ใช่กระบวนการทางธรรมชาติ และมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง แต่จากที่ฉันเป็นเด็กนักเรียนอายุ 9 ขวบจนมีงานทำ ฉันได้เรียนรู้การเป็นนักแสดง การถ่ายทำหนัง และการให้สัมภาษณ์ คิดว่างั้นนะ ฉันคิดว่าฉันมีความรู้สึกที่หนักแน่นพอว่าตัวเองเป็นใคร มันก็เป็นเรื่องดีที่ได้ผ่านเรื่องแบบนี้และรู้สึกเหมือนฉันต้องคงความรู้สึกส่วนตัวที่เป็นลักษณะเฉพาะออกไปจากสิ่งที่ดูท่วมท้นอย่างแท้จริง ฉันว่าฉันโชคดีนะที่เป็นคนแบบนั้น ฉันว่าฉันเป็นเด็กผู้หญิงที่ค่อนข้างดื้อนะ คำถาม: ตอนนี้หนังซีรี่ส์เรื่องนี้ก็จบลงแล้ว กำลังสงสัยว่าคุณมีหนังเรื่องไหนที่อยากแสดงเป็นพิเศษมั้ย? และคุณกำลังจะทำอะไรต่อไป? เอ็มม่า วัตสัน: จริงๆ สำหรับฉันแล้วภาพยนตร์สองตอนหลังทั้งภาค 1 และ ภาค 2 แตกต่างจากภาคอื่นๆ มีความแปลกที่ลักษณะเนื้อเรื่อง บทบาท ความลึกซึ้ง และความหม่นหมองมากขึ้นที่พวกเขาให้โอกาสฉันได้ขยายบทบาทในฐานะของนักแสดง และรู้สึกเหมือนฉันเป็นนักแสดงจริงๆ เพราะในช่วงหลายปีแรกฉันไม่รู้สึกว่าได้แสดงอะไรมากมายเท่าไหร่เลย ฉะนั้นถือว่าเป็นเรื่องดีนะ ฉันรู้สึกว่าฉันพูดได้ว่าฉันเป็นนักแสดงและฉันเชื่อมั่นในจุดนั้น และสิ่งที่ฉันจะทำต่อไปคือฉันกำลังจะออกเดินทางในช่วงซัมเมอร์นี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ฉันตื่นเต้นมาก การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องที่น่ากลัวเสมอแต่ก็รู้สึกตื่นเต้นมากๆ ฉันรู้สึกว่ากำลังเริ่มต้นเข้าสู่บทใหม่ เหมือนมีการเริ่มต้นอย่างสดใส และนั่นคือสิ่งที่น่าตื่นเต้นมาก ฉันจะเดินทางไปเที่ยวช่วงซัมเมอร์และกลับไปเรียนในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ฉันเหลืออีก 2 ปีถึงจะจบปริญญา ฉันเพิ่งแสดงหนังเรื่อง The Perks of Being a Wallflower ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่น่าเหลือเชื่อมาก ฉันมีช่วงเวลา 6 อาทิตย์ที่ดีมาก ฉันตื่นเต้นกับหนังเรื่องนั้นมาก การมีประสบการณ์ที่นอกเหนือจากเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ คือสิ่งที่โน้มน้าวฉันได้ว่า การแสดงเป็นสิ่งที่ฉันควรทำและทำได้ดี มันทำให้ฉันแกร่งขึ้น และเมื่อกี๊นี้ฉันคิดว่า ฉันคงกำลังอ่าน อ่าน และอ่านต่อไป และพยายามค้นหาสิ่งต่อไปที่ตรงกับฉัน นั่นคือสิ่งที่ฉันให้ความสนใจจริงๆ รวมถึงการได้พบกับผู้กำกับเก่งๆ ที่จะคอยสอนฉัน เพื่อที่ฉันจะได้เรียนรู้ได้ แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกตื่นเต้นกับไอเดียของการเป็นนักแสดงที่ฉันยังไม่ค่อยแน่ใจนักตอนที่ฉันเป็นเด็ก คำถาม: การได้เป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์ซีรี่ส์ยอดนิยมตลอดกาล ทำให้คุณเป็นที่จดจำหน้าตาได้ง่ายมาก สำหรับคุณแล้วเป็นอย่างไรบ้าง? เอ็มม่า วัตสัน: มันเกิดขึ้นตอนที่ฉันอยู่ที่เมืองอันเสื่อมโทรมในบังกลาเทศ มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งมาขวางแนบนถนนและพูดว่า ‘เธอเป็นเด็กผู้หญิงจากเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ นี่นา’ ตอนนั้นมันรู้สึกเหมือนฉันหนีไปไหนไม่ได้เลย นั่นคือเรื่องประทับใจจากหนังแฟรนไชส์เรื่องนี้ มันเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมาก มันมาถึงอีกซีกโลกหนึ่งที่ไกลออกไป เป็นที่ๆ เราคาดหวังเรื่องนั้นได้น้อยมาก มันรู้สึกเหมือน ‘ว้าว นี่มันวิเศษไปเลย’ คำถาม: เมื่อคุณโตขึ้นแล้วการแบกรับชื่อเสียงตรงนี้เอาไว้เป็นเรื่องง่ายขึ้นมั้ย? เอ็มม่า วัตสัน: มันเป็นเรื่องง่ายขึ้นที่จะรับมันเมื่อฉันยอมรับมัน เมื่อฉันยอมเป็นส่วนหนึ่งกับมัน ฉันรู้สึกโชคดีที่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าการมีอิสระและการไม่มีลักษณะเฉพาะอย่างเต็มที่มันเป็นอย่างไร มันไม่ใช่ว่าฉันเคยมีแล้วอยู่ๆ มันก็หายไป มันเป็นสิ่งที่ฉันโตขึ้นมาและได้เรียนรู้ มันเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นทีละเล็กละน้อย ฉันไม่เคยรู้อะไรเลย ฉะนั้นในกรณีนี้ฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ดีนะ คำถาม: ในภาพยนตร์ชุดนี้ ดูเหมือนตัวละครทั้งหมดผ่านการทดสอบเรื่องความกล้าหาญมาแล้ว ในชีวิตส่วนตัวของคุณ มีเรื่องไหนที่คุณรู้สึกว่าเป็นการทดสอบเรื่องความกล้าหาญของคุณที่พอจะเล่าให้เราฟังได้มั้ย? เอ็มม่า วัตสัน: เป็นคำถามที่เยี่ยมมาก ฉันรู้สึกเหมือนกับสาวน้อยที่ถูกนำเสนอความคิดที่พวกเขาต้องเป็นเจ้าหญิง ต้องมีความละเอียดอ่อน เปราะบาง ฉันมีลักษณะของการเป็นนักรบและผู้ต่อสู้มากกว่า และหากฉันต้องเป็นเจ้าหญิง ฉันคงเป็นเจ้าหญิงนักรบแน่ๆ เลย แต่ฉันคิดว่าบางครั้งผู้หญิงก็รู้สึกกลัวการมีความแข็งแกร่ง มีความแข็งแกร่งและกล้าหาญในบางครั้ง ฉันว่ามันเป็นสิ่งที่เราต้องยอมรับมัน ต้องบอกอีกครั้งว่ามันเป็นเรื่องของการยอมรับ ความกลัวไม่ใช่เรื่องที่ผิด และความกลัวก็ไม่มีตัวตน มันเป็นเรื่องของการเอาชนะมัน ฉันคิดว่าบางครั้งเราต้องแหวกมันออกมาและมีความเชื่อมั่น มีหลายช่วงของหนังเรื่องนี้ที่ฉันต้องถ่ายที่พิตส์เบิร์ก ฉันรู้สึกกลัวหนังเรื่อง The Perks of Being a Wallflower มาก วันแรกฉันรู้สึกเป็นกังวลเรื่องสำเนียงที่ไม่เหมือนใคร ต้องอยู่ในฉากของหนังเรื่องใหม่ในต่างประเทศกับทีมงานที่ฉันไม่รู้จัก นักแสดงที่ฉันไม่รู้จัก มีฉากหนึ่งที่ฉันต้องเลียนแบบซูซาน ซารานดอน ในเรื่อง Rocky Horror Picture Show และฉันต้องยืนอยู่ในชุดชั้นในต่อหน้านักแสดงสมทบและพยายามเต้นแบบนี้ ฉันรู้สึกตลกมาก การได้ออกมาจากหนังเรื่องนี้ก็สนุกดีนะ ฉันทำสิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา ฉันคิดว่านั่นแหละเป็นความกล้าหาญ แต่ฉันคิดว่ามันเป็นการพยายามมีความเชื่อมั่นในตัวเอง ศรัทธาในตัวเอง และรู้ว่ามันจะออกมาอย่างเหมาะสมในท้ายที่สุด คำถาม: คุณบอกว่าช่วงซัมเมอร์นี้ คุณวางแผนที่จะออกเดินทางและค่อยกลับไปที่โรงเรียน คุณต้องเข้าเรียนที่โรงเรียนไหน? เอ็มม่า วัตสัน: ฉันจะเข้าศึกษาที่ Oxford ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงเพื่อเรียนด้านภาษาอังกฤษ 1 ปี ต้องขออธิบายก่อนว่าฉันไม่ได้ออกจาก Brown ฉันยังลงทะเบียนเรียนที่ Brown อยู่ แต่ฉันจะเรียนปี 3 ในต่างประเทศ เป็นการเรียนที่บ้านในต่างประเทศสำหรับฉัน แล้วฉันจะกลับมาที่อังกฤษเพื่อเรียนปีสุดท้าย ถึงแม้ฉันหยุดเรียน 1 เทอม แต่หน่วยกิตในวิชาก็เพียงพอ ทำให้ฉันเรียนผ่านเข้าสู่ปีที่ 3 ของการศึกษาได้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ