ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับ บลจ. ทหารไทย จัดสัมมนาพิเศษ “ส่องกล้องมองทิศเศรษฐกิจไทย...จะจัดทัพลงทุนอย่างไรในครึ่งหลังปี 54 ?”

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday July 28, 2011 16:27 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--28 ก.ค.--ทหารไทย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับ บลจ. ทหารไทย จัดสัมมนาพิเศษ “ส่องกล้องมองทิศเศรษฐกิจไทย...จะจัดทัพลงทุนอย่างไรในครึ่งหลังปี 54 ?” เชิญกูรูชื่อดังร่วมวิเคราะห์เศรษฐกิจพร้อมแนะทัพกองทุนน่าสนใจ ท่ามกลางผู้เข้าร่วมสัมมนาคับคั่ง ผ่านพ้นไปด้วยดีท่ามกลางผู้เข้าร่วมสัมมนากว่า 400 คน ในงานสัมมนาพิเศษเรื่อง “ส่องกล้องมองทิศเศรษฐกิจไทย...จะจัดทัพลงทุนอย่างไรในครึ่งหลังปี 54 ?” ซึ่งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ บลจ.ทหารไทย ได้ร่วมกันจัดขึ้นเมื่อวันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมา พร้อมเปิดตัว “กองทุนเปิดทหารไทย โกลบอล บอนด์ ปันผล” เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้นักลงทุน โดยได้รับเกียรติจาก ดร.ภากร ปีตธวัชชัย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวเปิดสัมมนา ดร.สุวรรณ วลัยเสถียร ประธานชมรมคนออมเงิน ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ผู้เชี่ยวชาญการลงทุน ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ บล. ภัทร จำกัด (มหาชน) คุณไพบูลย์ นลินทรางกูร บล. ทิสโก้ จำกัด ดร.สมจินต์ ศรไพศาล และคุณไพศาล ครุฑดำรงชัย บลจ.ทหารไทย ให้เกียรติเป็นวิทยากร โดยมีคุณเนาวรัตน์ เจริญประพิณ จากสถานีโทรทัศน์เพื่อเศรษฐกิจและการลงทุน Money Channel เป็นผู้ดำเนินรายการ ในช่วงแรกเป็นการสัมมนาเรื่อง “การวางแผนภาษีเพื่อการลงทุน” โดยได้รับเกียรติจาก ดร.สุวรรณ วลัยเสถียร ประธานชมรมคนออมเงิน และคุณไพศาล ครุฑดำรงชัย รองกรรมการผู้จัดการ บลจ.ทหารไทย เป็นวิทยากร โดย ดร.สุวรรณ วลัยเสถียร กล่าวว่า การวางแผนประหยัดภาษีอากรถือเป็นการสร้างแต้มต่อในการลงทุนอย่างหนึ่ง โดยการลงทุนที่จะช่วยประหยัดภาษี เช่น การซื้อหุ้นในตลาดเก็บไว้และขาย กำไรส่วนต่างได้รับการยกเว้นภาษี หรือลงทุนในกองทุน RMF/LTF ก็ช่วยประหยัดภาษีได้มากและให้ข้อคิดสำหรับการซื้อ RMF/LTF ว่าไม่ควรรอซื้อครั้งเดียวตอนปลายปี แต่แนะนำว่าควรทยอยซื้อเพราะ 1.หากรอถึงปลายปีแล้วใช้เงินเกินตัวไปจะเสียประโยชน์ 2.ไม่มีใครรู้ได้ว่าต้นปีหรือปลายปีหุ้นจะขึ้นหรือจะลง การทยอยซื้อจะช่วยลดความเสี่ยงด้านต้นทุนได้ และประโยชน์หลัก 3 ประการของการลงทุนใน RMF/LTF คือ ประหยัดภาษี มีเงินออม และมีโอกาสได้กำไร นอกจากนี้ LTF ยังมีโอกาสได้รับเงินปันผลอีกด้วย การสัมมนาในช่วงที่ 2 เรื่อง “จัดทัพลงทุน: TMB Global Bond Dividend Fund ทางเลือกใหม่ในการลงทุน” โดย ดร.สมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บลจ.ทหารไทย ได้ให้เกียรติเป็นวิทยากรในช่วงดังกล่าวนั้น ดร.สมจินต์ ได้ฝากแนวคิด “ปัจจัย 4 แห่งการลงทุน” ไว้ว่าผู้ลงทุนควรให้ความสำคัญกับการออม การวางแผนการลงทุนของตน โดยควรให้ความสำคัญกับการลงทุน 4 ประการ ได้แก่ การลงทุนเพื่อรักษาเงินต้นและให้สภาพคล่องซึ่งได้แก่การลงทุนในตลาดเงิน การลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษี เพื่อซื้อสินทรัพย์ และสร้างการเติบโตของเงินลงทุนซึ่งได้แก่ LTF ลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษี และเพื่อสำรองยามเกษียณอายุซึ่งได้แก่ RMF และสุดท้ายการลงทุนเพื่อรักษาอำนาจซื้อและสร้างการเติบโตอย่างสมดุล ซึ่งในปัจจัยท้ายนี้เอง ดร.สมจินต์ ได้นำเสนอกองทุนเปิดทหารไทย Global Bond Fund และ Global Bond Dividend Fund ซึ่งกำหนดเสนอขายเป็นครั้งแรกระหว่างวันที่ 25 กรกฎาคม- 5 สิงหาคมศกนี้ การสัมมนาในช่วงที่ 3 เป็นการสัมมนาเรื่อง “ส่องกล้องมองทิศเศรษฐกิจไทย...จะจัดทัพลงทุนอย่างไรในครึ่งหลังปี 54 ?” โดยมีวิทยากรกิตติมศักดิ์ในแวดวงการเงินการลงทุนหลายท่านมาร่วมเป็นวิทยากร ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บล. ภัทร จำกัด (มหาชน) ได้แสดงความเห็นว่า หากมองปัจจัยโดยรวม เศรษฐกิจไทยและเอเชียยังคงมีปัญหาเรื่องเงินเฟ้อซึ่งเป็นประเด็นหลักในช่วงครึ่งปีนี้ ทำให้เริ่ม มีการคาดการณ์ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยอาจมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปอยู่ ณ ระดับ 3.25% และคาดการณ์ว่าอาจขึ้นถึง 4% ในช่วงครึ่งหลังปี 54 ไปจนถึงกลางปีหน้า ทั้งนี้ ประเด็นที่ต้องระวังคือราคาสินค้าอุปโภคบริโภคหรือค่าแรงอาจสูงขึ้นส่งผลต่อดุลบัญชีเดินสะพัดของประเทศ ดังนั้นภาครัฐจำเป็นต้องมีมาตรการถ่วงดุลให้เหมาะสมระหว่างการปรับอัตราดอกเบี้ยและการปล่อยให้เงินบาทแข็งค่า นอกจากนี้ ได้แสดงความเห็นเพิ่มเติมว่า การลงทุนเป็นปัจจัยสำคัญต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งหากมองย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่เศรษฐกิจขยายตัว 7% ต่อปี นั่นเป็นเพราะสัดส่วนการลงทุนมีประมาณ 30% ของ GDP หรือปัจจุบันเศรษฐกิจโต 3-4% ของ GDP ก็เป็นเพราะการลงทุนมีสัดส่วนประมาณ 25% ของ GDP ทั้งนี้ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเช่นระบบรถไฟฟ้า ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ หากมองในแง่มุมของการลงทุน อาจมีปัจจัยความเสี่ยงจากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ เป็นต้น ท้ายสุด ดร.ศุภวุฒิ ได้คาดการณ์ GDP ของไทยในปี 54 นี้ว่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 4% คุณไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า หลังจากที่กรีซประสบปัญหา หากมองในแง่ของเศรษฐกิจไทยถือว่าได้รับผลกระทบน้อยมาก ยกตัวอย่างหนี้รัฐบาลยังอยู่ที่ 40% ของ GDP ถือว่ายังอยู่ในระดับที่ต่ำมาก และหากมองในแง่เอกชนก็ยังแข็งแกร่ง จึงมองว่าในครึ่งปีหลังนี้ปัญหาเศรษฐกิจไทยยังคงมีทิศทางแนวโน้มที่ดี อีกทั้งหากเราจัดการปัญญาหาทางการเมืองภายในประเทศได้ เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศก็น่าจะไหลกลับเข้ามา จากนี้คงต้องรอดูนโยบายรัฐบาล ซึ่งหากมีความน่าเชื่อถือและมีความเป็นไปได้ว่าจะสามารถทำให้เศรษฐกิจขยายตัวไปได้อย่างต่อเนื่อง ก็น่าจะสร้างความเชื่อมั่นให้ต่างชาติ โดยเฉพาะต่างชาติที่ลงทุนระยะยาวก็จะมีความมั่นใจมากขึ้น และหากมองในแง่แนวโน้มของวัฏจักรเศรษฐกิจ ยังเชื่อว่าหุ้นยังไปได้ดีจากปีนี้ไปจนถึงปีหน้าเพราะวัฏจักรของกำไรเป็นปัจจัยที่สำคัญส่งผลให้กำไรยังอยู่ในขาขึ้น ดังจะเห็นได้จากปัจจุบันหลายบริษัทมีกระแสเงินสดมากขึ้นมีความสามารถในการลงทุนต่างประเทศได้มากขึ้น ดังนั้นการเติบโตของกำไรยังคงเป็นไปได้อีกค่อนข้างนานซึ่งจะเป็นตัวสนับสนุนราคาหุ้นให้สูงขึ้นตามไปด้วย ดร.สมจินต์ ศรไพศาล กล่าวว่า หากมองในภาพใหญ่ทั่วโลกว่าจะมีทางเลือกในการลงทุนอะไรบ้างนั้น กระแสของเม็ดเงินลงทุนน่าจะไหลไปสู่ประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง เงินลงทุนระยะยาวและในกลุ่มตลาดเงิน อย่างไรก็ตาม สภาวการณ์เศรษฐกิจโลกส่งผลให้สกุลเงินหลักๆ มีความไม่แน่นอนสูง ดังนั้นทองคำจึงมีความสามารถเป็นทางเลือกการลงทุนได้อีกประการ แต่ท้ายที่สุดผู้ลงทุนต้องมีการจัดทัพลงทุนให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ด้วย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร กล่าวว่า เหตุการณ์ทางการเมืองไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อภาวะตลาดหุ้นหรืออาจเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อราคาหุ้นคือ 20-30 % เพียงเท่านั้น แต่สิ่งที่จะส่งผลต่อราคาหุ้นคือ ผลประกอบการหรือการทำกำไรของทรัพย์สิน อย่างไรก็ตาม หากในปีหน้า ภาครัฐมีการประกาศลดภาษีนิติบุคคลจริงจะส่งผลให้กำไรของบริษัทจดทะเบียนเพิ่มขึ้นได้โดยอัตโนมัติ หรือในแง่นโยบายการเพิ่มเงินเดือนหรือค่าแรงนั้น หากเพิ่มจริงก็จะส่งเสริมการบริโภคให้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งน่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจในประเทศขยายตัวดีขึ้น ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ ส่วนบริหารภาพลักษณ์องค์กรและการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทหารไทย จำกัด โทร 02-636-1800 ต่อ 8748 และ 8749 เด่นพงศ์ จันทรดี / พิมพ์สุภาว์ วงศ์เมืองแก่น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ