บอร์ดบีโอไอวางกรอบส่งเสริมกิจการผลิตเหล็กต้นน้ำ ปูทางไทยเป็นศูนย์กลางผลิตเหล็กคุณภาพสูงในอาเซียน

ข่าวทั่วไป Tuesday November 13, 2007 17:33 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--13 พ.ย.--บีโอไอ
บอร์ดบีโอไอวางกรอบส่งเสริมการลงทุนกิจการผลิตเหล็กขั้นต้นคุณภาพสูง เพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ แทนการพึ่งพาเหล็กนำเข้าจากต่างประเทศ เน้นย้ำต้องอยู่ร่วมกับชุมชนได้โดยไม่เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม
นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ว่า เพื่อส่งเสริมให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมเหล็กขั้นต้นคุณภาพสูงในประเทศไทย ซึ่งจะช่วยสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมต่างๆ ในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ ที่ประชุมจึงได้กำหนดหลักการให้ส่งเสริมการลงทุนแก่กิจการเหล็กขั้นต้น
“ อุตสาหกรรมเหล็กขั้นต้นต้องใช้เงินลงทุนสูงมาก ภาครัฐจึงต้องสนับสนุนเรื่องสิทธิประโยชน์ และการสนับสนุนในเรื่องของระบบสาธารณูปโภคต่างๆ อาทิ พื้นที่ตั้งโครงการ ท่าเรือ น้ำลึก และแหล่งน้ำอุตสาหกรรม และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การลงทุนอุตสาหกรรมเหล็กขั้นต้นที่จะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้า จะต้องอยู่ร่วมกับชุมชนได้โดยไม่ก่อให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมด้วย “ นายโฆสิตกล่าว
ด้านนายสาธิต ชาญเชาวน์กุล เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวถึงหลักการในการส่งเสริมการลงทุน ว่า จะต้องเป็นโครงการผลิตเหล็กขั้นต้นที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยในทุกขั้นตอนการผลิต จะต้องมีการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ จะต้องมีเทคโนโลยีและระบบความคุมจัดการมลภาวะต่างๆ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และอยู่ร่วมกับชุมชนได้อย่างยั่งยืน และจะต้องมีผลผลิต (Output) เหล็กขั้นต้นไม่น้อยกว่า 2 ล้านตันต่อปี เพื่อให้เกิดการประหยัดต่อขนาด (Economy of Scale) และมีต้นทุนการผลิตต่ำ โดยบริษัทที่จะเข้ามาลงทุน จะต้องเป็นองค์กรที่มีธรรมาภิบาลที่ดี (Good Corporate Governance) และมีความรับผิดชอบต่อสังคม (Corporate Social Responsibility: CSR) ชุมชน และองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น
นายสาธิตกล่าวด้วยว่า หากมีการลงทุนผลิตเหล็กขั้นต้นคุณภาพสูงในไทย จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว แก่อุตสาหกรรมต่อเนื่องที่สำคัญ เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ ปิโตรเคมี เครื่องจักรกล และบรรจุภัณฑ์
นอกจากนี้ จะช่วยให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการผลิตเหล็กคุณภาพสูงในภูมิภาคอาเซียนได้ เพราะมีข้อได้เปรียบในด้านการขนส่ง ระยะทาง และต้นทุนการผลิต เมื่อเทียบกับผู้ผลิตเหล็กในภูมิภาคเดียวกัน โดยประเทศในอาเซียนยังต้องนำเข้าเหล็กคุณภาพสูงถึงปีละประมาณ 6.7 ล้านตัน หรือประมาณ 4,982 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่วนประเทศไทย ปัจจุบันมีความต้องการใช้เหล็กปีละประมาณ 12.5 ล้านตัน
ปัจจุบัน ยังไม่มีการผลิตเหล็กคุณภาพสูงในประเทศไทย ทำให้อุตสาหกรรมสำคัญๆ ต้องนำเข้าเหล็กคุณภาพสูงจากญี่ปุ่น และเกาหลี ปีละประมาณ 4.5 ล้านตัน มูลค่ากว่า 1.5 แสนล้านบาท และคาดว่าความต้องการใช้เหล็กของประเทศไทย จะสูงถึง 25 ล้านตันในอีก 10 ปีข้างหน้า

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ