“CONAN THE BARBARIAN 3D : โคแนน นักรบเถื่อน”

ข่าวบันเทิง Monday August 8, 2011 12:13 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--8 ส.ค.--สหมงคลฟิล์ม ประเภท Action / Fantasy กำหนดฉาย 25 สิงหาคม 2011 บริษัทจัดจำหน่าย มงคลเมเจอร์ อำนวยการสร้าง อาวิ เลอร์เนอร์ (The Expendables, Rambo, 16 Blocks) กำกับ มาร์คัส ไนสเปล (The Texas Chainsaw Massacre, Friday the 13th) เขียนบท โทมัส ดีน ดอนเนลลี่ (Sahara, Dylan Dog: Dead of Night) นำแสดง เจสัน โมมัว (ซีรี่ย์ Stargate: Atlantis, ซีรี่ย์ Baywatch) ราเชล นิโคลส์ (G.I. Joe: The Rise of Cobra, Star Trek) โรส แม็คโกแวน (Planet Terror, ซีรี่ย์ Charmed) สตีเฟ่น แลง (Avatar, Public Enemies) รอน เพิร์ลแมน (Hellboy I-II, Blade II) เนื้อเรื่อง ข้ามีชีวิต ข้ามีความรัก ข้าสังหารศัตรู... ชีวิตของข้ามีเพียงเท่านี้ - โคแนน เดอะ บาร์บาเรี้ยนตำนานคนเถื่อนสุดยิ่งใหญ่กำลังในซัมเมอร์นี้ จากตัวละครที่อยู่ในโลกมากว่า 80 ปี สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนหลายยุคหลายสมัย ทั้งในรูปแบบของเรื่องสั้น นวนิยาย หนังสือการ์ตูน เกมส์ แอนิเมชั่น ซีรี่ย์ และภาพยนตร์ ในที่สุดตำนานของยอดคนเถื่อนแห่งยุคสมัยไฮโบเรี้ยน ก็กลับมาสู่จอเงินอีกครั้งในหนังแอ็คชั่น-ผจญภัย-แฟนตาซี Conan the Barbarian 3D ในยุคสมัยของคนเถื่อน คฮาลาร์ ซิมส์ (สตีเฟ่น แลง) จ้าวแห่งนักรบผู้ชั่วร้าย เดินทางไปยังเมืองชิมเมเรียเพื่อขอความช่วยเหลือจาก โคริน (รอน เพิร์ลแมน) ผู้นำนักรบเผ่าชิมเมเรียน เมื่อได้รับการปฏิเสธ ซิมส์ จึงจัดการสังหารทุกคนในเผ่า ยกเว้นเพียงเด็กที่ชื่อ โคแนน (เจสัน โมมัว) บุตรชายคนเดียวของ โคริน ที่หนีรอดออกมาได้ เขาได้รับการเลี้ยงดู ฝึกฝน เติบโตขึ้นมาในกองโจร โดยเป้าหมายเดียวของ โคแนน ก็คือล้างแค้นผู้ที่ทำลายล้างเผ่าของเขาให้ได้ ภารกิจที่จุดประกายจากความแค้นส่วนตัว กลับกลายเป็นสงครามมหากาพย์กับกองทัพศัตรูสุดโหด ปีศาจร้ายที่น่าสะพรึงกลัว และการผจญภัยที่เหนือจินตนาการ โคแนน พบว่าเขาเป็นเพียงความหวังเดียว ที่จะกอบกู้การล่มสลายของยุคไฮบอเรียจากเงื้อมมือของปีศาจร้าย Conan the Barbarian 3D เป็นผลงานเขียนของ โรเบิร์ต อี โฮเวิร์ด ที่ดัดแปลงอย่างซื่อตรงต่อตำนานและจิตวิญญาณของฮีโร่ นำแสดงโดย เจสัน โมมัว จากซีรี่ย์ Star Gate: Atlantis และ Game of Thrones ผู้เข้ามารับบทเป็น "โคแนน" ร่วมด้วย ราเชล นิโคลส์ จาก G.I. Joe: The Rise of Cobra และ Star Trek, โรส แม็คโกแวน จาก Planet Terror และซีรี่ย์ Charmed, สตีเฟ่น แลง จาก Avatar, รอน เพิร์ลแมน จาก Hellboy I-II ภาพยนตร์กำกับโดย มาร์คัส ไนสเปล จาก The Texas Chainsaw Massacre และ Friday The 13th อำนวยการสร้างโดย อาวิ เลอร์เนอร์ จาก The Expendables และ Rambo เขียนบทโดย โทมัส ดีน ดอนเนลลี่ จาก Sahara โดยทีมงานก็ประกอบไปด้วยผู้กำกับภาพ โทมัส ครอส (Showtime, Fear), ผู้ออกแบบงานสร้าง คริส ออกัส (Underworld: Evolution, I Robot), ผู้กำกับฉากแอ็คชั่น เดวิด ลิช (300, TRON: Legacy และ The Bourne Ultimatum), ผู้ควบคุมฉากสตันท์ นูน ออร์แซ็ตติ (The Expendables, Rambo), ทีมเมคอัพเอฟเฟ็ค สก็อตต์ วีลเลอร์ และ ฌอน สมิธ (300, Star Trek) และผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย เวนดี้ พาร์ทริช (Underworld, Hellboy I-II) จุดเริ่มต้น โคแนน คือตัวละครที่อยู่ในโลกมากว่า 80 ปี สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนหลายยุคหลายสมัย ทั้งในรูปแบบของเรื่องสั้น นวนิยาย หนังสือการ์ตูน เกมส์ แอนิเมชั่น ซีรี่ย์ และภาพยนตร์ 2 ภาคที่นำแสดงโดย อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ ในที่สุดตำนานของยอดคนเถื่อนอันโด่งดังก็ได้กลับมาสู่จอเงินอีกครั้งใน Conan the Barbarian 3D โคแนน ถือกำเนิดบนโลกตั้งแต่ปี ค.ศ. 1932 โดยปรากฏตัวในเรื่องสั้นชุดของ โรเบิร์ต อี โฮเวิร์ด "โคแนน เดอะ บาร์บาเรี้ยน" ช่วยเบิกทางให้วรรณกรรมแนวแฟนตาซีที่ถูกเรียกว่า “ดาบและเวทย์มนต์” โดยกำเนิดก่อน The Lord of the Rings ของ เจอาร์อาร์ โทลเคียน ถึงกว่า 20 ปี เขากลายเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม และเป็นตัวแทนของความแข็งแกร่ง เขาเป็นฮีโร่ที่ไม่เกรงกลัวและทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ด้วยพลกำลังมหาศาลและประสบการณ์การต่อสู้ที่โชกโชน ผู้กำกับ มาร์คัส ไนสเปล ให้คำจำกัดความของตัว โคแนน ว่า "ผมคิดว่าสิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับตัวของ โคแนน ก็คือ เขาไม่ยอมก้มหัวให้ใคร และไม่ได้เลือกเดินตามแนวทางของสังคม เขาไม่มีศีลธรรมหรือมีชีวิตตามมาตรฐานของคนทั่วไป เขาคือคนเถื่อนที่ไม่พึ่งใครคนอื่นนอกจากตัวเอง" คงเป็นไปไม่ได้ถ้าไม่เอ่ยถึง Conan the Barbarian ฉบับปี 1982 ของผู้กำกับ จอห์น มิลิอุส ที่ทำให้มิสเตอร์ยูนิเวิร์สอย่าง อาโนลด์ แจ้งเกิด แต่ อาวิ เลอร์เนอร์ และ เลส วีดอน สองผู้อำนวยการสร้างฉบับปี 2011 รู้สึกว่าเวอร์ชั่นเก่าเป็นเพียงส่วนหนึ่งในจักรวาลของ โคแนน ที่มีความยิ่งใหญ่กว่า และถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่การถือกำเนิด เลอร์เนอร์ เผยว่า "พวกเราไม่ได้ทำหนังเรื่องนี้โดยอ้างอิงจากหนังเก่าหรือเรื่องสั้นเพียงอย่างเดียว แต่เราอ้างอิงจากวัฒนธรรมทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับ โคแนน" สำหรับ มาร์คัส ไนสเปล ผู้ที่เชี่ยวชาญในการเอาหนังคลาสสิกมาคิดใหม่ทำใหม่ ไม่ว่าจะเป็น The Texas Chainsaw Massacre (สิงหาสับ) และ Friday The 13th (ศุกร์ 13 ฝันหวาน) การทำ Conan the Barbarian 3D ก็คือการสร้างความสมดุลระหว่างการเคารพต้นฉบับและการสร้างไอเดียใหม่ เขาอธิบายว่า "พวกเราย้อนกลับไปหาตำนานของ โคแนน ที่ถูกอธิบายไว้ในหนังสือของ โรเบิร์ต อี โฮเวิร์ด แต่ในขณะเดียวกันเราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ค่านิยมและทัศนคติของสังคมเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ผู้คนต้องการเห็น โคแนน ยุคใหม่ แต่ก็มีหลายสิ่งที่พวกเขาไม่อยากให้เปลี่ยนแปลง ดังนั้นหัวใจของการสร้าง Conan the Barbarian 3D ก็คือให้สิ่งที่ผู้คนต้องการ แต่ไม่ได้ให้สิ่งที่พวกเขาคาดหวังเอาไว้แล้ว" คริส ออกัส ผู้ออกแบบงานสร้าง พูดถึงแนวทางการสร้างโลกคนเถื่อนว่า "คุณไม่สามารถถ่ายทำ Conan the Barbarian 3D ตามแนวทางธรรมชาติได้ คุณต้องเพิ่มสีสัน เลือกมุมกล้องใหม่ๆ เสริมสร้างด้วยทัศนียภาพที่ยิ่งใหญ่ จากนั้นคุณต้องเล่าเรื่องในแนวทางที่จะทำให้ผู้ชมลืมความเป็นจริง และสนุกไปกับสิ่งที่เกิดขึ้น" ทั้ง ไนสเปล และ ออกัส เห็นพ้องกันว่า Conan the Barbarian 3D ควรให้ความรู้สึกเหมือนหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์ที่หายไป เป็นมหากาพย์เกี่ยวกับฮีโร่ในยุคสมัยหนึ่ง ออกัส อธิบายว่า "พวกเราใช้บรรยากาศเป็นส่วนสำคัญของการเล่าเรื่อง โดยต้องทำให้มันมีความดุดัน หยาบกระด้าง และสกปรก เป็นหนังแฟนตาซีที่อยู่บนพื้นฐานของความสมจริง" การค้นหา “โคแนน” ขั้นตอนแรกของงานสร้างก็คือการหานักแสดงที่จะเข้ามารับบทเป็น โคแนน ซึ่งไม่ใช่งานง่ายเลย เนื่องจากตัวละครนี้ต้องมีร่างกายที่สมบูรณ์แบบ ในแบบที่ทุกคนเห็นแล้วจดจำได้ ตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี 2009 ทีมงานก็ได้ออกตามหานักแสดงเป็นเวลานานหลายเดือน จนในที่สุด เคอร์รี่ บาร์เด็น ผู้คัดเลือกนักแสดงก็ได้แนะนำ เจสัน โมมัว นักแสดงจากซีรี่ย์ Star Gate: Atlantis และซีรี่ย์ฮิตที่กำลังฉายอยู่ในขณะนี้อย่าง Game of Thrones เข้ามารับบทเป็น โคแนน ผู้อำนวยการสร้าง เลส เวลดอน พูดถึงนักแสดงหนุ่มคนนี้ว่า "ครั้งแรกที่พบกับ เจสัน พวกเราเห็นทุกองค์ประกอบที่ โคแนน ควรจะมี เขามีสภาพร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง มีความมั่นใจสูง และมีพลังงานที่รอคอยการปลดปล่อยอยู่ในตัวเขา ทุกอย่างเป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับตัวละครนี้" เลอร์เนอร์ เสริมว่า "ตั้งแต่ที่ผมรู้จักหรือเคยร่วมงานมา ไม่มีนักแสดงคนไหนที่จะเข้ามาสวมวิญญาณเป็น โคแนน ได้เหมือนกับ เจสัน โมมัว เขาเป็นนักกีฬาโดยธรรมชาติ มีสเน่ห์น่าดึงดูด มีพลกำลัง และมีพลังงานเปี่ยมล้น เมื่อคุณอ่านหนังสือของ โรเบิร์ต อี โฮเวิร์ด คำอธิบายตัวตนของ โคแนน ก็คือคำอธิบายตัวตนของ เจสัน" เจสัน โมมัว มีอายุเพียง 6 ขวบเท่านั้น เมื่อตอนที่หนังต้นฉบับออกฉาย แต่เขาก็รู้สึกประทับใจกับภาพลักษณ์ของ โคแนน ซึ่งถูกวาดขึ้นโดยศิลปินผู้ล่วงลับอย่าง แฟรงค์ ฟราเซตต้า ที่หลงไหลในความมืดหม่น และมีสไตล์การวาดที่ทั้งงดงามและดุดัน โดยไม่เพียงแต่เขาจะช่วยให้ทุกคนเห็นภาพ โคแนน ในโลกของการ์ตูนและโปสเตอร์หนังในปี 1982 แต่ก็ยังปฏิรูปภาพลักษณ์ของโลกแฟนตาซีทั้งหมด โมมัว พูดถึงแรงบันดาลใจของเขาว่า "เมื่อคุณเห็นภาพวาด โคแนน ของ ฟราเซตต้า มันก็ให้ความรู้สึกเหมือนกับ โคแนน กำลังพูดกับคุณ เป้าหมายของพวกเราก็คือการจับภาพลักษณ์ฮีโร่ที่อยู่ในภาพนั้น ถ่ายทอดออกมาให้โลดแล่นอยู่ในหนังเรื่องนี้ นั้นคือสิ่งที่ผมและทุกคนมุ่งหวัง" เมื่อโปรเจ็คเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง โมมัว ก็ได้เข้าแค้มป์ฟิตร่างกายอย่างจริงจัง โดยใช้เวลา 6 ชั่วโมงต่อวันเป็นเวลาหนึ่งเดือนครึ่ง และเดินทางไปซ้อมฉากแอ็คชั่นกับทีมออกแบบการต่อสู้ 87eleven ก่อนที่จะถ่ายทำ เขาเผยว่า "ผมตั้งใจว่าจะแสดงฉากแอ็คชั่นทั้งหมด โดยกระบวนการที่เกิดขึ้นนี้ช่วยให้ผมได้เข้าใจตัวละครมากขึ้น" โดย โมมัว ก็ยังได้พูดถึง โคแนน ว่า "โคแนน พูดผ่านคมดาบของเขา เขาต้องทำแบบนั้นเพราะว่าไม่มีทางเลือกอื่น โดยการได้ฝึกการใช้ดาบกับผู้เชี่ยวชาญการใช้ดาบใหญ่อย่าง แช็ด สตาเฮลสกี้ ก็ช่วยผมได้มากในการหาหัวใจในตัวของ โคแนน" ตัวละครอื่นในโลกคนเถื่อน เมื่อได้คนที่เข้ามารับบท โคแนน การคัดเลือกนักแสดงก็ยังดำเนินต่อไป โดยผู้ที่เข้ามารับบทเป็น ทามาร่า ผู้ร่วมเดินทางและคนรักของ โคแนน ก็คือ ราเชล นิโคลส์ (Star Trek, G.I. Joe) โดยตัวละครของเธอสืบเชื่อสายชาวกรีก และเป็นยอดฝีมือทางการต่อสู้ ทาราม่า คือ "เลือดบริสุทธิ์" ที่สืบเชื้อสายโดยตรงจากพ่อมดแห่งอาเชรอน โดยหลังได้พูดคุยกับ ไนสเปล เธอก็ตอบตกลงรับบทฮีโร่สาวในโลกแฟนตาซีทันที นิโคลส์ เผยว่า "เธอไม่ใช่ตัวละครที่จะรอคอยความช่วยเหลือของ โคแนน อย่างเดียว ทามาร่า เป็นหญิงแกร่งและฉลาด เธอสู้เมื่อสถานการณ์จำเป็นให้เธอต่อสู้ เธอเป็นผู้หญิงที่สามารถยืนคู่กับ โคแนน ได้แบบไม่เกรงกลัว" นักแสดงที่เราจดจำกันได้จาก Avatar อย่าง สตีเฟ่น แลง ก็ได้อธิบายถึงตัวของ คฮาลาร์ ซิมส์ ศัตรูคู่อาฆาตและเป็นผู้ที่สังหารพ่อของ โคแนน ว่า "เขาคือผู้ชายที่โหดร้ายที่สุดในยุคไฮบอเรีย มีภารกิจในการตามหา “หน้ากากแห่งอาเครอน” ที่ว่ากันว่าจะช่วยชุบชีวิตภรรยาของเขา และจะทำให้เขากลายเป็นอมตะ" ฉากที่มี คฮาลาร์ กับ โคแนน ก็มักลงเอยด้วยการต่อสู้ ทำให้ สตีเฟ่น แลง ต้องใช้เวลาว่างในการฟิตร่างกาย รวมถึงการฝึกซ้อมกับทีมสตีนท์ เขาเผยว่า "เจสัน โมมัว มีร่างกายที่ใหญ่โต ซึ่งก็ทำให้ผมหวั่นใจอยู่เหมือนกัน คฮาลาร์ ไม่เพียงแต่จะต้องเชี่ยวชาญการใช้ดาบที่สุด แต่เขายังต้องใช้ดาบง้าวสองคมซึ่งเป็นฝันร้ายของศัตรูทุกคน ทุกการเคลื่อนไหวของผมต้องดูมั่นใจและเที่ยงตรงที่สุด" ผู้ช่วยของ คฮาลาร์ ซิมส์ ในการครอบครองอำนาจที่ไม่มีวันสิ้นสุดก็คือ มาริค ลูกสาวของเขา ที่รับบทโดย โรส แม็คโกแวน โดยพูดถึงตัวละครว่า "มาริค เป็นครึ่งมนุษย์ครึ่งแม่มด เธอไม่พอใจที่พ่อของเธอยังโหยหาแม่ที่ตายไปนานแล้ว เธอต้องการที่จะพิสูจน์ตัวเอง ฉันคิดว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาทำให้ฉันสนใจ มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายระหว่างทั้งคู่” มาริค ถือว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่อันตรายที่สุดของ โคแนน และ ทามาร่า โดย แม็คโกแวน ก็ได้ร่วมพัฒนาสไตล์การต่อสู้กับทีมงานแอ็คชั่น โดยเฉพาะการใช้กรงเล็บเหล็กเป็นอาวุธ เธอเล่าว่า “ฉันคิดว่าว่า มาริค จะต้องไม่ใช้ดาบเหมือนกับตัวละครคนอื่น ฉันต้องการใช้เธอมีสไตล์การต่อสู้เหมือนงูเห่า นั้นหมายถึงการแอบย่องเข้าหาเหยื่อและโจมตีอย่างรวดเร็ว" ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ร่วมฉากกัน แต่ โมมัว ได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับ ลีโอ โฮเวิร์ด นักแสดงวัย 13 ที่รับบทเป็น โคแนน ในวัยเด็ก เพื่อที่จะสร้างตัวละครนี้ร่วมกัน โมมัว อธิบายว่า "พวกเราได้ทำความรู้จักกัน และพูดคุยว่าทำไม โคแนน ถึงชอบสัตว์อย่าง สิงโต หมาป่า และ เสือดาว รวมถึงวิธีสไตล์การต่อสู้ของเขา สายตาและสีหน้า เพราะพวกเราต้องเป็นคนคนเดียวกัน" รอน เพิร์ลแมน ซึ่งเป็นที่รู้จักการจากรับบทเป็น เฮลล์บอย ใน Hellboy ภาค 1 และ 2 ของผู้กำกับ กิลเลอร์โม่ เดอ โทโร่ ก็ได้เข้ามารับบทเป็น โคริน พ่อของ โคแนน และเป็นผู้นำของเผ่าชิมเมเรียน เขาอธิบายถึงเผ่านี้ว่า "ชิมเมเรียนเป็นเผ่านักรบ พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางสมรภูมิรบ ต้องช่วงชิงและต่อสู้เพื่อแผ่นดินตลอดเวลา สถานที่หล่ออาวุธก็เป็นเหมือนกับสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่พวกเขาเคารพบูชาและเป็นหัวใจของความอยู่รอด" การถ่ายทำ + โปรดักชั่น Conan the Barbarian 3D ใช้เวลาถ่ายทำ 12 อาทิตย์ในประเทศบัลแกเรีย รวมถึงในสตูดิโอ นู โบยาน่า ที่มีทั้งฉากและเช็ทขนาดใหญ่ โดยผู้ออกแบบงานสร้าง คริส ออกัส และทีมงานกว่าอีก 400 ชีวิต ก็ได้สร้างฉากขึ้นมาใหม่กว่า 60 ฉาก ผู้อำนวยการสร้าง เลส เวลดอน พูดถึงแนวทางของการถ่ายทำว่า "ความตั้งใจของ มาร์คัส ก็คือพยายามทำทุกอย่างให้เกิดขึ้นจริงระหว่างถ่ายทำ Conan the Barbarian 3D นั้นหมายถึงพวกเราจะได้เห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นบนกองถ่าย พวกเราพยายามใช้เทคนิกพิเศษที่สามารถจับต้องได้ เพราะโลกของ โคแนน ทุกอย่างต้องมีความสมจริง" ด้วยพื้นฐานของความสมจริง ทำให้ มาร์คัส ไนสเปล และทีมสร้างตัดสินใจไปถ่ายทำที่ประเทศบัลแกเรีย อาวิ เลอร์เนอร์ เผยว่า "ในแง่มุมของโปรดักชั่น มันง่ายกว่าที่พวกเราจะไปถ่ายทำที่บัลแกเรีย ทั้งเรื่องของสภาพแวดล้องและสิ่งอำนวยความสะดวก โดยเฉพาะในการทำให้ไฮโบเรียมีชีวิตขึ้นมา และการสร้างประสบการณ์ที่มีเลือดเนื้อ" การถ่ายทำในสภาพแวดล้อมจริง ไม่ว่าจะเป็นป่าที่ปกคลุมไปด้วยหิมะที่สแลตไนท์ มอสโทฟ หรือว่าหมู่บ้านที่เป็นสมรภูมิรบที่บิสทริก้า ทำให้ โทมัส ครอส ผู้กำกับภาพที่ร่วมงานกับ ไนสเปล มาทุกเรื่อง ต้องใช้แสงจากธรรมชาติเท่าที่สามารถหาได้ เขาบอกว่า "เรามีเพียงแสดงสว่างจากสภาพอากาศในพื้นที่ และสีสันตามที่มันเกิดขึ้นเองแค่นั้น" ไนสเปล และ ออกัส พบทุกอย่างที่พวกเขากำลังมองหา หลังจากการออกสำรวจพื้นที่ถ่ายทำทั่วทั้งประเทศ ออกัส เล่าว่า “บัลแกเรียมีทัศนียภาพที่สุดยอด และยังมีประวัติศาสตร์อันยาวนานที่สอดคล้องกับพื้นฐานของหนัง ในขณะที่พวกเราสำรวจแม่น้ำ ชาวบ้านแถวนั้นก็บอกเราว่ามีถ้ำบนภูเขาที่คนสมัยก่อนสร้างขึ้น ผมคิดว่ามันให้ความรู้สึกเหมือนโลกของ โคแนน จริงๆ ที่ทั้งลำบากและโหดร้าย แต่ในขณะเดียวกันก็สวยงามอย่างน่าทึ่ง" ไนสเปล เสริมว่า "ไม่มีที่ใดในโลกนอกจากบัลแกเรีย ที่จะมอบความรู้สึกของมิดเดิ้ลเอิร์ธขนาดนี้อีกแล้ว ทำไมต้องสร้างฉากขึ้นมา ในเมื่อเรามีถ้ำขนาดยักษ์ของจริงหรือป่าสนใกล้ทะเลดำอยู่แล้ว" เพื่อการสร้างฉากแอ็คชั่นที่พิเศษสุดใน Conan the Barbarian 3D เลอร์เนอร์ และ เวลดอน ก็ได้นำผู้กำกับฉากแอ็คชั่นอย่าง เดวิด ลิช ที่มีผลงานใน 300, TRON: Legacy และ The Bourne Ultimatum รวมถึงผู้ควบคุมฉากสตันท์ นูน ออร์แซ็ตติ (The Expendables, Rambo) เข้ามาออกแบบและถ่ายทำฉากต่อสู้อันดุเดือด ลิช เผยว่า "พวกเราพยายามทำให้ยิ่งใหญ่กว่าการต่อสู้ด้วยดาบในหนังต้นฉบับ และทำให้ดูมีการออกแบบมากขึ้น ลื่นไหลมากขึ้น ทันสมัยมากขึ้น และเปี่ยมไปด้วยพลังงาน โคแนน ต้นฉบับจะเจอคู่ต่อสู้แบบตัวต่อตัว แต่ โคแนน ของเราจะเจอกับคู่ต่อสู้หลายคนพร้อมกัน" การถ่ายทำในบัลแกเรียให้ทันตามกำหนดการ ทีมสตันท์ได้ซักซ้อมและถ่ายทำฉากแอ็คชั่นแบบวันต่อวัน แต่มันก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับ โคแนน นูน เล่าว่า "พวกเราเจอแจ็คพ็อตกับตัวของ เจสัน โมมัว เพราะเขามีพรสวรรค์และความสามารถที่สุด เขาเรียนรู้ได้เร็วและยังมีการเพิ่มจังหวะตัวเองเข้าไปอีกด้วย และที่สำคัญเขาก็ดูมีพลังมากเมื่อถือดาบ" ทีมสตันท์ยังได้รับอนุญาตจาก ไนสเปล ในการสร้างสรรค์ฉากแอ็คชั่นที่ไร้ขอบเขต โมมัว เผยว่า "มาร์คัส ทำให้ทุกคนในกองถ่ายต้องอ้าปากค้างเมื่อได้เห็นสิ่งที่ทำ และผมหวังว่ามันจะเกิดความรู้สึกแบบเดียวเมื่อผู้ชมได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น" การสร้างตัวละครให้มีสีสันบนโลกของ Conan the Barbarian 3D ก็เป็นสิ่งที่สำคัญเป็นลำดับต้นๆของ ไนสเปล เขาวางใจทีมออกแบบตัวละคร เช่น เวนดี้ พาร์ทริช ออกแบบเครื่องแต่งกาย (Underworld, Hellboy), อัลโด ซิกนอร์เร็ตติ ออกแบบผม (Apocalypto, Troy) และ สก็อตต์ วีลเลอร์ และ ฌอน สมิธ ทีมเมคอัพเอฟเฟ็ค (300, Star Trek) วีลเลอร์ พูดถึงตัวผู้กำกับว่า "มาร์คัส เปิดกว้างในการสร้างสรรค์ตัวละคร ไม่ใช่เพียงแค่ภาพลักษณ์ภายนอก แต่ยังรวมถึงพื้นฐานและแรงจูงใจของตัวละครด้วย" โดย สตีเฟ่น แลง ก็รับบทเป็น คฮาลาร์ ซิมส์ ก็ถูกคัดเลือกเข้ามาแสดงหนึ่งอาทิตย์ก่อนการถ่ายทำ วีลเลอร์ เผยต่อว่า "เขาเดินทางมายังสตูดิโอ และก็พวกเราลองเทสเมคอัพกับเขาทันที โดยบาดแผลแนวตั้งบนจมูกของ คฮาลาร์ ก็กลายเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของที่มาของตัวละครนี้" โรส แม็คโกแวน ก็ได้ชื่นชมทีมดูแลเครื่องแต่งกาย ในการสร้างภาพลักษณ์อันน่าจดจำของ มาริค เธอเผยว่า "เครื่องแต่งกายถือเป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับหนังแนวนี้ โดยตัวละครของฉันต้องใช้ทีมงานถึงสองคนใส่และถอดเครื่องแต่งกาย มันเป็นชุดที่ฉันไม่สามารถนั่งทับได้เลย จำได้ว่าตอนพักเที่ยงฉันต้องยืนอยู่ในเทรลเลอร์ตลอดเวลา เพราะมันมีส่วนประกอบของหนังและเครื่องประดับเยอะแยะไปหมด" ถึงแม้ว่าจะเป็นเวลากว่า 25 ปีนับตั้งแต่ที่ โคแนน ปรากฏตัวบนโลกภาพยนตร์ แต่ ไนสเปล เชื่อว่านี่คือโอกาสที่เหมาะที่จะกลับมาพูดถึงฮีโร่คนนี้อีกครั้ง "เราใช้เวลาศึกษาข้อมูลเป็นเวลานาน หยิบยืมความรู้และประสบการณ์จริงจากทุกหนแห่ง Conan the Barbarian 3D จะพาคุณเข้าไปในโลกที่คุณต้องลงไปคลุกดินคลุกฝุ่นตลอดเวลา โลกที่คุณไม่ต้องขออนุญาตในการฆ่าคน โลกที่คุณต้องใช้สัญชาตญาณดิบเพื่อเอาชีวิตรอด" อาวิ เลอร์เนอร์ กล่าวสรุปว่า "ผู้คนถูกดึงดูดด้วยแรงใจที่ โคแนน มี การทำสิ่งที่ถูกต้องในโลก และต่อสู้ในสิ่งที่คุณเชื่อ Conan the Barbarian 3D มอบโอกาสให้กับผู้คนในการได้ใช้ชีวิตในโลกแฟนตาซีที่เป็นตำนาน" ทีมนักแสดง เจสัน โมมัว (รับบทเป็น โคแนน) โมมัว ได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นแอ็คชั่นสตาร์แห่งทศวรรษใหม่ โดยนอกจากเขาจะถูกคัดเลือกให้เขามารับบทเป็น โคแนน ใน Conan the Barbarian ฉบับปี 2011 เขาก็ยังรับบทเป็น คาร์ล โดรโก้ ในซีรี่ย์ HBO ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในขณะนี้เรื่อง Game of Thrones ซึ่งดัดแปลงมาจากวรรณกรรมแฟนตาซีชุด A Song of Ice and Fire ของ จอร์จ อาร์ อาร์ มาร์ติน ซึ่งเป็นเรื่องราวการต่อสู้ช่วงชิงบัลลังค์ในอาณาจักรสมัยก่อน ก่อนหน้านี้ โมมัว ได้รับความนิยมจากแฟนๆจากการรับบทเป็น โรแนน เด็กซ์ ในซีรี่ย์แอ็คชั่น-ไซไฟสุดฮิตเรื่อง Stargate: Atlantis รวมถึงการเป็นตัวละครประจำในซีรี่ย์ดังอย่าง North Shore โดยความสามารถหลายด้านของเขา โมมัว ก็ยังเขียนบท กำกับ และนำแสดงในหนังสั้นอย่าง Brown Bag Diaries: Ridin’ the Blinds in B Minor ที่ได้รับกระแสตอบรับอย่างดีในเทศกาลหนังทั่วโลก เจสัน โมมัว เกิดในเมืองโฮโนลูลู เกาะฮาวาย เป็นลูกครึ่งฮาวายและไอริช เขาเข้าวงการด้วยการเป็นนายแบบ ในปี 1999 ก็ได้เป็นผู้ชายแห่งปีของเกาะฮาวาย ก่อนที่จะเดินทางเข้ามาในฮอลลิวู้ดเพื่อเป็นนักแสดงเต็มตัว ทางด้านครอบครัวเขาได้แต่งงานกับ ลิซ่า โบเน็ต นักแสดงหญิงชื่อดัง โดยทั้งคู่มีบุตรสาวด้วยกันหนึ่งคนชื่อ โลล่า โมมัว ที่เกิดในปี 2007 ราเชล นิโคลส์ (รับบทเป็น ทามาร่า) นักแสดงที่เริ่มเป็นที่รู้จักจากการแสดงในหนังซัมเมอร์สองปีล่าสุด โดยเธอมีผลงานอย่าง Star Trek นำแสดงโดย คริส ไพน์ และ แซ็คคารี ควินโต ในบท กาเรีย มนุษย์จากต่างดาวที่เป็นคู่รักของกัปตันเคิร์ก และใน G.I. Joe: Rise of the Cobra นำแสดงโดย แชนนิ่ง เททั่ม และ โจเซฟ กอร์ดอน เลวิทท์ ที่เธอรับบทเป็น สการ์เล็ต หนึ่งในสมาชิกทีมจีไอโจ นิโคลส์ เคยมีผลงานในหนังโรแมนติก-คอมเมดี้เรื่อง Sisterhood of the Traveling Pants 2 ที่นำแสดงโดย อเมริกา เฟอร์เรร่า และ เบล็ค ไลฟ์ลี่ และยังแสดงใน Charlie Wilson’s War ที่นำแสดงโดย ทอม แฮงค์ และ จูเลีย โรเบิร์ตส โดย เธอมีผลงานแจ้งเกิดมาจากซีรี่ย์สุดฮิต Alias ที่เธอรับบทเป็น ราเชล กิ๊บสัน สมาชิกของหน่วยพิเศษและเป็นเพื่อนร่วมงานกับ ซิดนี่ย์ บริสโตว์ ที่รับบทโดย เจนนิเฟอร์ การ์เนอร์ นิโคลส์ มาจากเมืองเล็กๆในรัฐนิวอิงแลนด์ เธอเป็นที่สนใจจากแมวมองและก้าวเข้ามาในวงการด้วยการเป็นนางแบบให้กับแบรนด์ดังอย่าง Guess, L’Oreal, Abercrombie & Fitch และ Nicole Miller ก่อนที่จะก้าวเข้าสู้เส้นทางการแสดงครั้งแรกในซีรี่ย์สุดฮิตอย่าง Sex and the City และก็มีผลงานการแสดงต่อมาเรื่อยๆอย่างเช่น Autumn In New York กับ ริชาร์ด เกียร์ และ Dumb and Dumberer: When Harry Met Lloyd ภาคต่อของ Dumb and Dumber สตีเฟ่น แลง (รับบทเป็น คฮาลาร์ ซิมส์) ปี 2009 ถือว่าเป็นจุดสูงสุดในอาชีพของ สตีเฟ่น แลง ไม่ว่าจะเป็นการที่เขารับบทเป็น พันเอก ไมล์ ควอริชท์ ในหนังที่ทำเงินสูงสุดตลอดกาลอย่าง Avatar และทำให้เขาเข้าชิงรางวัล Saturn Award, MTV Movie Award และ Teen Choice Award รวมถึงบท เจ้าหน้าที่ชาร์ล วินสเตล ที่ได้รับการยกย่องอย่างจากนักวิจารณ์ใน Public Enemies ของผู้กำกับ ไมเคิล มานน์ และบทใน The Men Who Stare at Goats ที่นำแสดงโดย จอร์จ คลูนี่ย์ และ ยวน แม็คเกรเกอร์ ผลงานในปี 2010 ของคือซีรี่ย์แอ็คชั่น-ไซไฟ Terra Nova ที่อำนวยการสร้างโดย เจมส์ คาเมเรอน รวมถึงหนังดราม่าอย่าง Christina ที่ทำให้เขาได้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจาก Buffalo-Niagara Film Festival และ White Irish Drinkers ที่เปิดฉายใน Toronto International Film Festival และได้รับรางวับขวัญใจคนดูใน Woodstock Film Festival ผลงานของ แลง ที่ผ่านมาก็ยังมี Gods and Generals หนังสงครามกลางเมืองที่ภาคก่อนหน้าอย่าง, Last Exit to Brooklyn, Tombstone, Manhunter ของผู้กำกับ ไมเคิล มานน์ โดย แลง เกิดจากการแสดงละครเวทีชื่อดังไม่ว่าจะเป็น A Few Good Men เวอร์ชั่นละครเวทีของ แอรอน ซอร์กิ้น และ Finishing the Picture ของ อาเธอร์ มิลเลอร์ โรส แม็คโกเว่น (รับบทเป็น มาริค) ทุกคนอาจจำ โรส แม็คโกเว่น ได้จากการที่เธอรับบทเป็น โคโยตี้แข้งปืนกล ใน Planet Terror โปรเจ็คหนัง Grindhouse ของสองสุดยอดผู้กำกับ เควนติน ทารันติโน่ และ โรเบิร์ต รอดดริเกวซ ซึ่งตัวเธอก็ยังมีบทบาทในหนังร่วมโปรเจ็คอย่าง Death Proof อีกด้วย แม็คโกเว่น เป็นที่รู้จักของกลุ่มแฟนๆซีรี่ย์ จากการรับบทเป็นหนึ่งในสามแม่มดสาวร่วมกับ อลิซซ่า มิลาโน่ และ ฮอลลี่ มารี คอมป์ ในซีรี่ย์ Charmed ตั้งแต่ปี 2001 จนกระทั่งจบซีรี่ย์ในปี 2006 โดยเธอก็ยังมีผลงานทางจอเงินที่โด่งดังมากมาย เช่น Scream ภาคแรกของผู้กำกับ เวส คราเว่น, Jawbreaker หนังตลกร้ายที่เธอรับบทเป็นหญิงแสบ, The Black Dahlia แสดงคู่กับ ฮิลารี่ย์ สแวงค์ และ สการ์เล็ต โจแฮนสัน รวมถึงมินิซีรี่ย์ Elvis ร่วมกับ โจนาธาน รีส เมเยอร์ แม็คโกเว่น แจ้งเกิดจากหนังอินดี้สุดอื้อฉาวของ เกร็ก อารากิ ที่เลือกเธอรับบทเป็น เอมี่ บลู ในเรื่อง The Doom Generation โดยรับบทเป็นเด็กมีปัญหา ซึ่งทำให้เธอถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยม0kd Independent Spirit Awards ในปี 1996 โดยนักแสดงคนนี้เกิดและเติบโตในประเทศอิตาลี ก่อนที่จะย้ายมาอยู่ในลอสแองเจลิสเพื่อโอกาสในการเป็นนักแสดง รอน เพิร์ลแมน (รับบทเป็น โคริน) ผลงาน >>> Hellboy I-II, Blade II, Season of the Witch, Alien: Resurrection ซาอิด ทักฮามาวี (รับบทเป็น อีลา-ชาน) ผลงาน >>> G.I. Joe: The Rise of Cobra, Vantage Point, Three Kings, Traitor ทีมผู้สร้าง มาร์คัส ไนสเปล (ผู้กำกับ) ไนสเปล ถือว่าเป็นผู้กำกับมือหนึ่งในโลกโฆษณาและมิวสิควิดีโอ โดยได้รับรางวัลมาแล้วมากมาย โดยเขาสร้างชื่อจากผลงานการกำกับเรื่องที่สาม นั้นคือการนำ Friday The 13th มารีเมค และก็สร้างสถิติด้วยการเป็นหนังสยองขวัญที่เปิดตัวสูงสุดตลอดกาล ผลงานก่อนหน้านี้ของ ไนสเปล ก็คือหนังแอ็คชั่นไวกิ้งเรื่อง Pathfinders นำแสดงโดย คาร์ล เออร์บัน ซึ่งก็ถือเป็นรากฐานในการสร้างโลกของ โคแนน โดยในปี 2003 ไนสเปล ก็ได้ก้าวเข้าสู่การกำกับหนังเป็นครั้งแรกในเรื่อง The Texas Chainsaw Massacre ฉบับรีเมค ซึ่งทำรายได้ทั่วโลกไปกว่า 100 ล้านเหรียญ และกลายเป็นหนังที่ทำกำไรสูงสุดแห่งปี ก่อนหน้าที่ ไนสเปล จะเข้ามากำกับหนัง เขาถือเป็นผู้กำกับที่ทำงานร่วมกับศิลปินเพลงชื่อดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Spice Girls, Simply Red, Bush, No Doubt, George Michael, Janet Jackson, Elton John, Billy Joel, Aretha Franklin, Cher, Mariah Carey, k.d. Lang, Bette Midler, LL Cool J, Bryan Adams และ Gloria Estefan ผลงานเอ็มวีของเขาถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล MTV Awards ถึง 12 ครั้ง และก็ได้รับรางวัลมาถึง 4 ครั้ง อาวิ เลอร์เนอร์ (ผู้อำนวยการสร้าง) ผลงาน >>> The Expendables, Rambo, 16 Blocks โทมัส ดีน ดอนเนลลี่ (ผู้เขียนบท) ผลงาน >>> Sahara, A Sound of Thunder โทมัส ครอส (ผู้กำกับภาพ) ผลงาน >>> Showtime, Fear คริส ออกัส (ผู้ออกแบบงานสร้าง) ผลงาน >>> Underworld: Evolution, I Robot เดวิด ลิช (ผู้กำกับฉากแอ็คชั่น) ผลงาน >>> 300, TRON: Legacy และ The Bourne Ultimatum นูน ออร์แซ็ตติ (ผู้ควบคุมฉากสตันท์) ผลงาน >>> The Expendables, Rambo สก็อตต์ วีลเลอร์ และ ฌอน สมิธ (เมคอัพเอฟเฟ็ค) ผลงาน >>> 300, Star Trek, Big Fish เวนดี้ พาร์ทริช (ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย) ผลงาน >>> Underworld, Hellboy I-II
แท็ก เมเจอร์   conan  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ