กรุงเทพฯ--11 ส.ค.--เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์
ข้อมูลทองคำวันนี้
- ราคาสมาคม เปิดที่ 25,100-25,200
- ราคา Gold Spot เปิดที่ 1,782.5
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท 29.85-29.88
- GFQ11 Hi- Low 25,300-24850 ปิดที่ 25,060
Gold & Silver Insight
สัญญาทองคำ และ โลหะเงินตลาด COMEX
ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 41.3 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 1,784.3 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 1.444 ดอลลาร์ หรือ 3.8% ปิดที่ 39.327 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยสัญญาทองคำทะยานขึ้นแตะ 1,800 ดอลลาร์/ออนซ์ในระหว่างวัน เนื่องจากนักลงทุนแห่ซื้อทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยง หลังจากมีกระแสคาดการณ์ว่าฝรั่งเศสอาจจะเป็นประเทศถัดไปที่ถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 519.83 จุด หรือ 4.62% ปิดที่ 10,719.94 จุด ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลง 51.77 จุด หรือ 4.42% ปิดที่ 1,120.76 จุด และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 101.47 จุด หรือ 4.09% ปิดที่ 2,381.05 จุด เนื่องจากนักลงทุนตื่นตระหนกกับกระแสข่าวลือที่ว่าฝรั่งเศสจะถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ หลังจากต้นทุนการรับประกันการผิดนัดชำระหนี้พันธบัตรของรัฐบาลฝรั่งเศสพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก
สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX
ส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 3.59 ดอลลาร์ หรือ 4.53% ปิดที่ 82.89 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากสำนักงานสารนิเทศด้านพลังงานของรัฐบาลสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบร่วงลงเกินคาดในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจ เพราะการร่วงลงของสต็อกน้ำมันดิบสะท้อนให้เห็นว่าความต้องการพลังงานในสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง
กองทุน SPDR Gold Trust
กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. วันที่ 11 สิงหาคม ขายออก 0.38 ตัน เปลี่ยนแปลงการถือครองจากระดับ 1296.90 ตัน เข้าสู่ระดับ 1296.52 ตัน
USD/EU ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลล่าร์สหรัฐในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (10 ส.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพของภาคธนาคารในยูโรโซน หลังจากมีกระแสข่าวลือเกี่ยวกับสถานะการเงินที่อ่อนแอของธนาคารในฝรั่งเศส ขณะที่ค่าเงินฟรังค์ร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังจากธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์เข้าแทรกแซงตลาดเมื่อวานนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะสกัดการแข็งค่าของเงินฟรังค์ ค่าเงินยูโรดิ่งลง 1.25% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.4188 ดอลลาร์ต่อยูโร จากระดับ 1.4368 ดอลลร์ต่อยูโร โดยค่าเงินดอลล่าร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลยูโรเช้านี้เปิดอยู่ที่ระดับ 1.4232 ดอลล่าร์ต่อยูโร
USD/JPY ค่าเงินเยนอ่อนค่าลง 032% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 76.830 เยนต่อดอลล่าร์ จากระดับ 77.080 เยนต่อดอลล่าร์ โดยค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลเยนเช้านี้เปิดอยู่ที่ระดับ 76.62 เยนต่อดอลลาร์
USD/THB ค่าเงินบาทปิดตลาดวานนี้ อยู่ที่ระดับ 29.86-29.89บาทต่อดอลล่าร์ ซึ่งไม่มีการเคลื่อนไหวมากนักระหว่างวัน โดยค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาดที่ระดับ 29.85-29.88บาทต่อดอลล่าร์
ข่าวเศรษฐกิจโลก
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 5 ส.ค. ร่วงลง 5.2 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 349.8 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.5 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 700,000 บาร์เรล สู่ระดับ 151.5 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 213.6 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 200,000 บาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 0.7% สู่ระดับ 90.0% ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 0.5%
กระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขาดดุลงบประมาณเดือนก.ค.อยู่ที่ 1.294 แสนล้านดอลลาร์ ลดลง 5.9% จากเดือนก.ค.ปีที่แล้วที่ระดับ 1.650 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่ายอดขาดดุลงบประมาณเดือนก.ค.จะอยู่ที่ 1.35 แสนล้านดอลลาร์ ส่วนยอดขาดดุลงบประมาณในช่วง 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2554 อยู่ที่ 1.0999 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งทำสถิติสูงกว่าระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์ติดต่อกันเป็นเวลา 3 ปี รายงานของกระทรวงการคลังสหรัฐระบุว่า รายได้ด้านการคลังในช่วง 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2554 ซึ่งสิ้นสุด ณ เดือนก.ค.ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 8% สู่ระดับ 1.8931 ล้านล้านดอลลาร์ เนื่องจากรายได้จากการจัดเก็บภาษีปรับตัวสูงขึ้น ส่วนตัวเลขการใช้จ่ายของรัฐบาลกลางสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.4% สู่ระดับ 2.993 ล้านล้านดอลลาร์ เนื่องจากต้นทุนการบริการด้านสินเชื่อและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการประกันสุขภาพ ปรับตัวสูงขึ้น
สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) และมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศยืนยันว่า อันดับความน่าเชื่อถือของฝรั่งเศสยังคงอยู่ที่ระดับ AAA พร้อมกับให้แนวโน้มว่ามีเสถียรภาพ การประกาศยืนยันอันดับความน่าเชื่อถือของฝรั่งเศสจากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือรายใหญ่ทั้ง 2 แห่งนั้น มีขึ้นท่ามกลางกระแสข่าวลือที่ว่า ฝรั่งเศสอาจจะถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือ หลังจากข้อมูลจาก CMA ระบุว่า ต้นทุนการประกันการผิดนัดชำระหนี้พันธบัตรประเภท Credit-default swaps (CDS) ของรัฐบาลฝรั่งเศสพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.75% ซึ่งสูงกว่าต้นทุนรับประกันตราสารหนี้ของเยอรมนีซึ่งอยู่ที่ระดับ 0.86%
ประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี ของฝรั่งเศส ได้กล่าวย้ำอีกครั้งถึงความพยายามที่จะลดยอดขาดดุลงบประมาณของประเทศ พร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่ายสามัคคีกันโดยละทิ้งความแตกต่างทางการเมือง มีรายงานว่า ถ้อยแถลงดังกล่าวของนายซาร์โกซีระบุอยู่ในแถลงการณ์ที่เผยแพร่โดยทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศสในวันนี้ ในขณะที่มีการจัดการประชุมฉุกเฉินขึ้นในช่วงเช้าตามเวลาท้องถิ่น เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นในตลาดการเงินทั่วโลกระยะนี้
ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าจับตา
อาทิตย์ที่ ข้อมูลที่น่าจับตา ตัวเลขเดิม ตัวเลข คาดการณ์ ตัวเลขจริง
08-11สิงหาคม2554
วัน French Industrial Production m/m 1.9% -0.1% -1.6%
อังคาร Crude Oil Inventories 1.0M 1.7M -5.2M
? Federal Budget Balance -4.1B -137B -129.4B
? Wholesale Inventories m/m 1.7% 0.9% 0.6%
วัน ECB Monthly Bulletin -50.2B -47.9B
พุธ Trade Balance 400K 401K
Unemployment Claims 51
NationwideConsumer Confidence