กรุงเทพฯ--11 ส.ค.--IR PLUS
PYLON โชว์ผลงานโค้ง 2/2554 ออกมายอดเยี่ยมกำไรทะลุ 18.40 ลบ.เพิ่มขึ้น 530% จากปีก่อนที่ทำได้ 2.92 ลบ. หนุนกำไรครึ่งปีทะลุ 43.65 ลบ. เพิ่มขึ้นถึง 1,140% จากปีก่อนที่ทำได้ 3.52 ลบ. "บดินทร์ แสงอารยะกุล" เผยเป็นผลจากงานทั้งภาครัฐและเอกชนไหลเข้าตลาดเพิ่ม ทำให้รับงานได้อย่างเต็มที่ พร้อมส่งสัญญาณครึ่งปีหลังมีลุ้นทำผลงานสวยกว่าเดิมเหตุมีงานเข้าล้นมือ แถมไตรมาสที่ 2/2554 ถือเป็นช่วง Low ที่สุดของปี มั่นใจปีนี้ปั๊มรายได้เข้าเป้าที่ 1 พันล้านบาทหายห่วง
นายบดินทร์ แสงอารยะกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) หรือ PYLON ผู้ประกอบการธุรกิจรับเหมาก่อสร้างงานฐานรากชั้นนำในประเทศไทย เปิดเผยถึงผลประกอบการประจำงวด 3 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2554 ว่า บริษัทฯรวมบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิ 18.40 ล้านบาท หรือหุ้นละ 0.09 บาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 15.48 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 530 จากปี 2553 ที่ทำได้ 2.92 ล้านบาทหรือหุ้นละ 0.01 บาท ส่งผลให้ผลงานสะสมงวด 6 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2554 บริษัทฯ รวมบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 43.65 ล้านบาท หรือหุ้นละ 0.22 บาท เพิ่มขึ้น 40.13 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 1,140 จากช่วงเดียวกันในปี 2553 ที่ทำได้ 3.52 ล้านบาท หรือหุ้นละ 0.02 บาท
สำหรับกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นทั้ง 2 งวดดังกล่าวเป็นผลมาจากมีงานไหลเข้าตลาดเพิ่มขึ้นจากทั้งโครงการภาครัฐและเอกชน สะท้อนให้รายได้เติบโตไปในทิศทางเดียวกัน โดยในไตรมาสที่ 2/2554 บริษัทและบริษัทย่อย มีรายได้จากการรับจ้างรวม 246.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 134.50 ล้านบาท มีต้นทุนจากการรับจ้าง 199.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 120.53 ล้านบาท มีค่าใช้จ่ายในการขาย ค่าใช้จ่ายในการบริหาร และ ค่าตอบแทนกรรมการและผู้บริหาร รวม 17.59 ล้านบาท (รวมค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ 3.6 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 12.08 ล้านบาท ตามปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น
ส่วนงวดหกเดือนมีรายได้จากการรับจ้างรวม 466.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 249.16 ล้านบาท มีต้นทุนจากการรับจ้าง 370.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 227.80 ล้านบาท ตามปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น และมีค่าใช้จ่ายในการขาย ค่าใช้จ่ายในการบริหาร และ ค่าตอบแทนกรรมการและผู้บริหาร รวม 31.53 ล้านบาท (รวมค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่เพิ่มขึ้นจำนวน 3.6 ล้านบาท) จากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 23.01 ล้านบาท
"ปีนี้ถือได้ว่าเป็นปีที่ดีที่สุดของทั้งงานฐานราก และงานแนวราบ เนื่องจากธุรกิจก่อสร้างมีการขยายตัวมาก ทั้งจากงานภาครัฐที่เป็นงานโครงการรถไฟฟ้าขนาดใหญ่ และงานภาคเอกชนที่เริ่มมีโครงการใหม่ๆ ขยายเพิ่มมากขึ้น ทำให้ PYLON ได้รับผลดีจากการเติบโตของธุรกิจด้วย โดยมีงานไหลเข้ามืออย่างต่อเนื่องสะท้อนให้ผลประกอบการในครึ่งปีแรกออกมาโดดเด่นดังกล่าว ส่วนในครึ่งปีหลังมั่นใจว่าผลประกอบการจะออกมาดีกว่าครึ่งปีแรกอย่างชัดเจน เนื่องจากในไตรมาสที่ 2 บริษัทฯ ได้มีการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ จำนวน 3.6 ล้านบาท และถือเป็นช่วง Low season จากมีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน นอกจากนั้นในปีนี้ยังมีผลตกชุกเป็นพิเศษซึ่งถือเป็นอุปสรรคในการทำงานที่สำคัญ ดังนั้น งานบางส่วนจึงเลื่อนไปรับรู้รายได้ในครึ่งปีหลัง จึงน่าจะสะท้อนให้ผลประกอบการดีกว่าครึ่งปีแรกดังกล่าว ประกอบกับ ปัจจุบันบริษัทฯ มีงานในมือที่รอรับรู้เป็นรายได้มากกว่า 1,050 ล้านบาท ทยอยรับรู้เป็นรายได้อย่างต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า จึงคาดว่าเป้าหมายรายได้ที่วางไว้ที่ 1,000 ล้านบาทในปีนี้ ก็ยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้" นายบดินทร์ กล่าว
กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ กล่าวต่ออีกว่า ในปีนี้นอกเหนือจากการขยายงานรับเหมาฐานรากหรืองานเสาเข็มเจาะแล้ว บริษัทฯ ยังเดินหน้าขยายงานรับเหมาก่อสร้างประเภทแนวราบเพิ่มขึ้นด้วย เนื่องจาก มีความพร้อมเป็นอย่างมากทั้งด้านเครื่องมือและอุปกรณ์ บุคลากรผู้เชี่ยวชาญ เทคโนโลยีในการก่อสร้างและฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ซึ่งที่ผ่านมาพบว่าได้รับการตอบรับจากเจ้าของโครงการเป็นอย่างดี โดยได้รับงานประมูลเข้ามาแล้วประมาณ 4-5 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 450-500 ล้านบาท และยังมีอีกหลายโครงการที่อยู่ระหว่างการรอผลการประมูล
ข้อมูลบริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน)
บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) (PYLON) ดำเนินธุรกิจเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างงานฐานรากงาน แบ่งออกเป็น 3 สายงานหลัก ดังนี้ คือ
1.งานเสาเข็มเจาะ (Bored Pile) เสาเข็มเจาะเป็นเสาเข็มที่นิยมใช้กับการก่อสร้างฐานรากของโครงสร้างขนาดใหญ่ และโครงสร้างอาคารในบริเวณที่มีพื้นที่ จำกัด นอกจากนี้เสาเข็มเจาะยังลดมลภาวะเรื่องเสียงและแรงสั่นสะเทือนเมื่อเทียบกับการใช้เสาเข็มตอก นอกจากนั้น การก่อสร้างเสาเข็มเจาะนั้นสามารถ ปรับเปลี่ยนขนาดได้ ตามการออกแบบกำลังรับน้ำหนักของเสาเข็มโดยวิศวกร และสภาพชั้นดินในแต่ละพื้นที่
2.งานปรับปรุงคุณภาพดิน (Ground Improvement) มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มเสถียรภาพให้กับโครงสร้างดินเดิม ทำให้ดินมีกำลังรับน้ำหนักมากขึ้นและ ป้องกันการเคลื่อนตัวของดิน โดยบริษัทมีการให้บริการงานประเภทนี้โดยวิธีการอัดฉีดซีเมนต์ด้วยแรงดันสูง (Jet Grouting) ที่ความดันประมาณ 200 ถึง 400 บาร์ และ
3.งานก่อสร้างกำแพงกันดินชนิดไดอะแฟรม (Diaphragm Wall) เป็นการก่อสร้างกำแพง เพื่อใช้เป็นโครงสร้างรับน้ำหนักและป้องกันการเคลื่อน ตัวของดินทางด้านข้าง ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้เพื่อเป็นโครงสร้างของชั้นจอดรถใต้ดิน กำแพงอาคารผู้โดยสารสำหรับระบบรถไฟฟ้าใต้ดิน และอุโมงค์ลอดทางแยก เป็นต้น
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : IR PLUS
คุณรัตน์ศิกร จันทระ(เก่ง)
Tel.02-514-4011 ต่อ 323
E-mail :
[email protected]