กรุงเทพฯ--11 ส.ค.--กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
นายสมบัติ คุรุพันธ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (ป.กก.) เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ครั้งที่ 6 /2554 เพื่อหารือเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยไม่ได้รับใบอนุญาตของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมทั้งในเว็บไซต์ของเอกชนในต่างประเทศ ซึ่งเป็นการจัดทำข้อมูลเป็นภาษาไทย ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 2 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ถนน ราชดำเนินนอก กรุงเทพฯ
ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศไทย มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง มีผู้ประกอบการทั้งเป็นธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์เป็นจำนวนมาก ทำให้ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ต้องให้การดูแลเรื่องนี้เป็นพิเศษ เนื่องเกิดปัญหาเรื่องการก่อตั้งธุรกิจนำเที่ยวอย่างผิดกฎหมายโดยไม่มีใบอนุญาต และมัคคุเทศก์ที่ไม่มีใบอนุญาต โดยทางกรมการท่องเที่ยวได้สรุปรายงานการออกใบอนุญาตผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ คือ ประเภทธุรกิจนำเที่ยวทั่วไป มีจำนวนที่ได้รับใบอนุญาต จำนวน 2,956 ราย ประเภท Inbound จำนวน 2,273 ราย ประเภทในประเทศ 1,561 ราย และประเภทเฉพาะที่จำนวน 4,733 ราย โดยรวมบริษัทนำเที่ยวที่ได้รับใบประกอบกิจการนำเที่ยวทั้งหมด 12,523 ราย ในส่วนของมัคคุเทศก์ผู้ที่ได้รับใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ประเภททั่วไป มีจำนวน 36,890 รายโดยแยกเป็น ภาษาต่างประเทศจำนวน 35,900 ราย และภาษาไทยจำนวน 990 ราย ประเภทมัคคุเทศก์เฉพาะมีจำนวน 7,706 ราย ทั้งนี้ ยังมีผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวที่ไม่มีใบอนุญาตอีกหลายราย ซึ่งทำให้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศไทยอย่างมาก ซึ่งปัญหาสำคัญในปัจจุบันที่พบเห็นกันอยู่ คือ ปัญหาผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยไม่ได้รับใบอนุญาตของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เนื่องจาก มีการประกอบธุรกิจนำเที่ยวภาครัฐบางหน่วยงานมีการจัดโปรแกรมทัวร์ เพื่อนำประชาชนไปเที่ยวในจังหวัดต่างๆ หรือเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ โดยการนำเที่ยวดังกล่าวเป็นรูปแบบของการนำเที่ยวโดยหน่วยงานของรัฐเอง จัดโปรแกรมทัวร์ บางหน่วยงาน มีการลดแลกแจกแถม โปรโมชั่นทัวร์ ประชาสัมพันธ์ ผ่านทางหนังสือพิมพ์ เว็บไซต์ ต่างๆ เป็นต้น และบริษัทสายการบินเอกชนบางรายจัดโปรแกรมทัวร์ในรูปแบบเดียวกันโดย ไม่มีการจดทะเบียนรับในอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการผิด พ.ร.บ. แห่งพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. 2551 ทั้งนี้ตามหลักแล้ว หน่วยงานภาครัฐไม่สามารถประกอบธุรกิจนำเที่ยวได้ แต่ควรจะต้องเป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง บริษัททัวร์เอกชนที่จดทะเบียนประกอบธุรกิจนำอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐสามารถประชาสัมพันธ์ในรูปแบบต่างๆ ได้ แต่ในขณะนี้มีบางหน่วยงานของรัฐที่ปฏิบัติตามเงื่อนไงดังกล่าวแล้ว อาทิ บริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) ซึงดำเนินการในขณะนี้ แต่บางหน่วยงานภาครัฐและเอกชนยังคงดำเนินการนำเที่ยวผิดกฎหมายอยู่ ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กำลังร่วมกันหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาแนวทางแก้ไขต่อไป
นายสมบัติ กล่าวปิดท้ายว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ขอความร่วมมือหน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะภาครัฐทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น อบจ. อบต. เทศบาลต่างๆ ที่ต้องการจัดทัวร์ หรือนำเที่ยว โดยผิดกฎหมาย แบบไม่ตั้งใจ ให้หลีกเลี่ยงและแก้ไขการดำเนินการดังกล่าว แต่ควรจะดำเนินการจัดทัวร์ โดยเฉพาะการนำผู้นำหน่วยงานต่างๆ ศึกษาดูงาน ควรติดต่อผ่านบริษัททัวร์ที่จดทะเบียนที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อร่วมกันสร้างมาตรฐานคุณภาพให้แก่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทย โดยเน้นสร้างคุณภาพของผู้ให้บริการธุรกิจนำเที่ยว และมัคคุเทศก์เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว อีกทั้งร่วมกันสร้างมาตรฐานด้านความปลอดภัย ให้บริการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวสาขาต่างๆ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่ายทุกหน่วยงานเพื่อผลักดันท่องเที่ยวไทยสู่ความยั่งยืน ทั้งปัจจุบันและอนาคต อย่างต่อเนื่องต่อไป