กรุงเทพฯ--20 พ.ย.--ตลท. 46 บริษัทจดทะเบียนใน mai ประกาศรายได้ประจำไตรมาส 3 ปี 2550 รวมกัน 10,586 ล้านบาท และมีกำไรรวม 545 ล้านบาท บริษัทที่ทำกำไรสูงสุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ UEC, UMS และ GFM ด้านผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรก FOCUS, CIG, LVT, และ STAR ผลงานเด่น ทำกำไรสุทธิขยายตัวเกินร้อยละ 200 นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนใน ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ประจำไตรมาส 3 ปี 2550 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2550 ว่าบริษัทจดทะเบียนใน mai จำนวน 46 แห่ง มีรายได้รวมทั้งสิ้น 10,586 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 10,221 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 4 โดยมีกำไรสุทธิรวม 545 ล้านบาท ลดลงจาก 836 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 35 บริษัทที่สามารถทำกำไรสุทธิไตรมาส 3 ปี 2550 สูงสุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ บมจ. ยูนิมิต เอ็นจิเนียริ่ง (UEC) มีกำไรสุทธิ 107 ล้านบาท บมจ. ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส (UMS) กำไรสุทธิ 102 ล้านบาท และ บมจ. โกลด์ไฟน์ แมนูแฟคเจอเรอส์ (GFM) มีกำไรสุทธิ 55 ล้านบาท สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนประจำปี 2550 บริษัทจดทะเบียนมีรายได้รวมกัน 31,649 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 28,247 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 โดยมีกำไรสุทธิรวม 1,396 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 18 เมื่อ เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีกำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 1,700 ล้านบาท บริษัทที่กำไรสุทธิงวด 9 เดือนขยายตัวเกินร้อยละ 200 ได้แก่ บมจ.โฟคัส เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (FOCUS) มีอัตราเติบโตของกำไรสุทธิร้อยละ 1,275 บมจ. ซี.ไอ.กรุ๊ป (CIG) ร้อยละ 289 บมจ.แอล.วี เทคโนโลยี (LVT) ร้อยละ 238 และ บมจ. สตาร์ ซานิทารีแวร์ (STAR) ร้อยละ 219 ตามลำดับ นายชนิตร ระบุว่า "แม้ว่าบริษัทจดทะเบียนใน mai มีรายได้เพิ่มสูงขึ้น แต่กำไรปรับตัวลดลง ธุรกิจในภาคการผลิตได้รับ ผลกระทบจากปัจจัยค่าเงินบาท และราคาน้ำมัน ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อค่าขนส่งสินค้า นอกจากนี้ หลายบริษัทประสบปัญหาจากการชะลอตัวทางด้านเศรษฐกิจ โครงการภาครัฐต่างเลื่อนการประมูลและแผนการดำเนินงานออกไป ส่งผลให้บริษัทมีรายได้จากงานโครงการลดลง หรือเลื่อนกำหนดการรับรู้รายได้ บริษัทที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่อยู่ในภาคธุรกิจสื่อและบริการ ธุรกิจไอที อย่างไรก็ตามคาดว่าปัจจัยกดดันการดำเนินงานของธุรกิจจะคลายตัวขึ้นเป็นลำดับ หลังจากมีรัฐบาลชุดใหม่” ปัจจุบันมีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) 46 บริษัท มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่ 36,562 ล้านบาท ดัชนี mai ปิดที่ระดับ 270.39 (เมื่อวันที่ 16 พ.ย. 2550) ผู้ลงทุนที่สนใจข้อมูลผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนสามารถศึกษา เข้าดูข้อมูลได้ ทาง www.mai.or.th หรือสมัครรับข้อมูลตลาด mai ฟรีทางอีเมล์ที่ [email protected] หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ S-E-T Call center โทร. 0-2229 —2222