กรุงเทพฯ--22 ส.ค.--ปตท.
ฝ่ายบริหารความเสี่ยงราคาและวิเคราะห์ตลาดต่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) รายงานถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันว่า ราคาน้ำมันเฉลี่ยสัปดาห์ที่ 15 - 19 ส.ค. 54 น้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) เพิ่มขึ้น 3.31 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อยู่ที่ 109.12 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล น้ำมันดิบเวสท์เท็กซัสฯ (WTI) เพิ่มขึ้น 2.43 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อยู่ที่ 82.92 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และ น้ำมันดิบดูไบ (Dubai) เพิ่มขึ้น 2.11 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อยู่ที่ 103.55 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ราคาเฉลี่ยน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 4.99 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อยู่ที่ 122.76 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และ ราคาน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น 1.64 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อยู่ที่ 121.52 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดยปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมัน ได้แก่
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบในเชิงบวก
- Fitch Ratings ยืนยันความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ อยู่ที่ระดับสูงสุด (AAA) และประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจระยะยาว (Outlook) มีเสถียรภาพ (Stable)
- ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve: Fed) รายงานผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (Industrial Output) ในเดือน ก.ค. 54 เพิ่มขึ้น จากเดือนก่อนหน้า 0.9% สูงสุดในรอบ 7 เดือน และสูงกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 0.5% (เดือน มิ.ย. 54 อยู่ที่ 0.4%)
- 16 ส.ค. 54 Shell เผยท่อขนส่งน้ำมันดิบแหล่ง Gannet ในทะเลเหนือห่างจากฝั่งสกอตแลนด์ 180 กม. รั่วไหลตั้งแต่วันที่ 10 ส.ค. 54 ปริมาณรวมประมาณ 1,300 บาร์เรล ทำให้แท่นผลิตต้องหยุดดำเนินการ อย่างไรก็ตาม อัตราการรั่วไหลลดลงอยู่ที่ 1-2 บาร์เรลต่อวัน
- Oil Movement รายงานปริมาณส่งออกน้ำมันดิบทางเรือของ OPEC (ไม่รวมแองโกลา และเอกวาดอร์) เฉลี่ย 4 สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 3 ก.ย. 54 ลดลง 120,000 บาร์เรลต่อวัน (จาก 4 สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 6 ส.ค. 54) อยู่ที่ 22.63 ล้านบาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ตาม Joint Oil Data Initiative (JODI) ของซาอุดีอาระเบียรายงานปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในเดือน มิ.ย. 54 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 0.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน อยู่ที่ 9.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน และส่งออก 7.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน สูงสุดตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจในปี 2551
- 17 ส.ค. 54 ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายบารัค โอบามา ออกคำสั่ง (Executive Order) ห้ามการทำธุรกรรมกับรัฐบาลซีเรีย ทั้งนี้ สหรัฐฯ นำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปจากซีเรียในช่วง ม.ค.- พ.ค. 54 ปริมาณ 10,000 บาร์เรลต่อวัน
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบในเชิงลบ
- 19 ส.ค. 54 บริษัท Arabian Gulf Oil Co. (AGOCO) ของลิเบียเผยจะสามารถกลับมาผลิตน้ำมันดิบจากแหล่ง Sarir (200,000 บาร์เรลต่อวัน) และ Mesla (60,000 บาร์เรลต่อวัน) ภายใน 3 สัปดาห์ หากสถานการณ์สงครามกลางเมืองคลี่คลาย
- Fed รายงานดัชนีกิจกรรมภาคการผลิต (Factory Activity) ในเขตมิดแอตแลนติกของสหรัฐฯ ในเดือน ส.ค. 54 ลดลงจากเดือนก่อนหน้า อยู่ที่ -30.7 จุด ต่ำสุดตั้งแต่ มี.ค. 52 (ก.ค. 54 อยู่ที่ +3.2 จุด) และ ดัชนีชี้วัดภาคอุตสาหกรรมของรัฐนิวยอร์ก (Empire State index) ลดลง อยู่ที่ -7.72 จุด จากระดับ -3.76 จุด
- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงานจำนวนบ้านใหม่ที่กำลังก่อสร้าง (House Starts) ในเดือน ก.ค. 54 ลดลงจากเดือนก่อนหน้า 0.5% อยู่ที่ 604,000 หน่วย และ National Association of Realtor รายงานยอดขายบ้านมือสอง (Previously Owned Home Sales) ลดลง 3.5% อยู่ที่ 4.67 ล้านหน่วยต่อปี ต่ำสุดในรอบ 8 เดือน
- กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 13 ส.ค. 54 เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 9,000 ราย อยู่ที่ 408,000 ราย
- สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (Energy Information Administration: EIA) รายงานปริมาณสำรองน้ำมันเชิงพาณิชย์ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 12 ส.ค. 54: น้ำมันดิบเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า 4.2 ล้านบาร์เรล อยู่ที่ 354.0 ล้านบาร์เรล และ Distillate เพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรล อยู่ที่ 154.0 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตาม Gasoline อยู่ที่ 210.1 ล้านบาร์เรล ลดลง 3.5 ล้านบาร์เรล
แนวโน้ม ราคาน้ำมันดิบในตลาดซื้อขายล่วงหน้าลดลงมา 4 สัปดาห์ติดต่อกัน หรือ ลดลง 18% ตังแต่ 22 ก.ค. 54 เนื่องจากนักลงทุนกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง อาจะส่งผลให้อุปสงค์น้ำมันอ่อนตัว ล่าสุดวันศุกร์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลดลงอย่างรุนแรง อาทิ ภูมิภาคยุโรปและสหรัฐฯ มากกว่า 1% และในภูมิภาคเอเซีย Nikkei ของญี่ปุ่นปิด ลดลง 2.5% และในประเทศไทยดัชนี SET ลดลง 1.8% ราคาน้ำมันดิบ Dubai และน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดสิงคโปร์ปิดลดลง ประมาน 4 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล รวมทั้งความไม่สงบในลิเบียมีแนวโน้มยุติลง อาจส่งผลให้ตลาดน้ำมันในสัปดาห์นี้อ่อนแอ อย่างไรก็ตาม National Hurricane Center (NHC) ของสหรัฐฯ รายงาน Irene พายุโซนร้อนลูกที่ 9 ของปีนี้ มีโอกาสเพิ่มกำลังเป็นพายุหมุนเขตร้อน (Tropical Cyclone) ภายใน 2-3 วัน และเคลื่อนตัวถึงรัฐฟลอริดา ภายในสัปดาห์นี้ คาดว่าน้ำมันดิบ Brent และ WTI จะขยับอยู่ในกรอบ 103-110 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และ 79-86 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ตามลำดับ ทั้งนี้ ราคาน้ำมันมีความผันผวนสูง จึงควรจับตามองข้อมูลเศรษฐกิจที่จะประกาศในสัปดาห์นี้ อาทิ ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน จำนวนผู้รับสวัสดิการว่างงาน และ อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ (GDP) ที่จะประกาศในสัปดาห์นี้
ฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
โทร. 0 2537-1630
โทรสาร 0 2537-2171